นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่285เธอไปไหนคุณรู้ไหม



บทที่285เธอไปไหนคุณรู้ไหม

บทที่ 285 เธอไปไหนคุณรู้ไหม

เมื่อก่อนเขาก็เคยไปที่ทำงานของผู้หญิงคนนี้มาก่อน ดัง นั้นเพิ่งเจ๋อเฉิงจึงพอจะสังเกตจุดเด่นของห้องทำงานหล่อนอยู่ บ้าง

เสิ่นอีเวยเป็นคนที่ขี้กลัวและหวาดระแวงมากคนหนึ่ง ดัง นั้นหล่อนจึงมีนิสัยที่เคยชินอย่างหนึ่งคือ ของที่ตัวเองใช้อยู่ เป็นประจำ ต่อให้ครั้งหน้าจะมีของใหม่ที่ใช้ดีกว่าขนาดไหน หล่อนก็จะไม่มีทางเปลี่ยน เพราะของสิ่งนั้นมีกลิ่นไอมีความ เป็นตัวตนของหล่อนอยู่

จากข้อสังเกตนี้สิ่งของที่เห็นได้ชัดที่สุดของเสิ่นอีเวยก็คือ ผ้าคลุมไหล่

เพิ่งเจ๋อเฉิงจำได้ว่าผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นเป็นสีดำ มีลายดอก ไม้เล็กๆ ที่ดูธรรมดาๆแต่หล่อนคลุมแล้วดูดีมาก

ปกติเมื่ออยู่ที่ทำงาน เสิ่นอีเวยมักจะใช้ผ้าคลุมนั้นคลุมตัว เวลานอนกลางวัน

ความเคยชินนี้อาจจะดูเล็กน้อยไม่มีอะไรพิเศษ แม้แต่เสี นอเวยเองก็อาจจะไม่ทันได้สังเกต

ผ้าคลุมไหล่ผืนนั้น ถูกหล่อนนำมาใช้ตั้งแต่หล่อนเริ่มเข้ามาทำงานที่บริษัทเพิ่งซื้อ และไม่เคยนำออกไปไหน แต่ตอนนี้

มันกลับไม่อยู่ที่นี่แล้ว

ในใจเพิ่งเจ๋อเฉิงเกิดความสงสัยขึ้นมา แววตาขุ่นมัว

เขาพินิจพิจารณาโดยรอบห้องทำงานอีกครั้ง แล้วจึงออก

ไป

โซนออฟฟิศด้านนอก ทุกคนอยู่กันอย่างเงียบสงบเพิ่งเจอ เฉิงเดินอย่างละล้าละลังไปทางมุมหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉัน ชื่อเฟิง มาที่ห้องทำงานผมหน่อย

บรรดาพนักงานต่างค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง จุดแรกคือ เพิ่งเจ๋อเฉิง ท่านประธานที่มีสีหน้าเย็นชา ทำให้บรรดา พนักงานเหล้านั้นต่างละสายตาออกไปมองอีกฝ่ายนั่นก็คือ ฉัน จื่อเฟิง ฝ่ายที่ถูกเอ่ยชื่อนั้นมีสีหน้าตกใจกลัวไม่น้อย

หนึ่งนาทีหลังจากนั้นฉันจื่อเฟิงก็รีบพรวดพราดมายืนอยู่ ในห้องทํางานของเซ่งเจ๋อเฉิง

“ท่านประธานเพิ่งเรียกฉันมีธุระอะไรเหรอคะ”

หญิงสาวคนที่มีท่าทีกระวนกระวายหวาดกลัวเมื่อสักครู่ หายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยคนที่ใจเย็นสงบนิ่ง

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่หมุนตัวมาสีหน้า เคร่งเครียดและถามว่า: “เจ้านายเธอไปไหน”

“คุณหมายถึงคุณเงินเหรอคะ”ฉันจื่อเฟิงถาม
“วันนี้คุณเล่นไม่ได้มาทำงานเหรอคะ” ปกติฉินจื่อเพิ่งเป็น คนที่มีนิสัยชนๆทะเล้นอยู่แล้ว หากจะแกล้งทำเป็นที่มันไม่รู้ เรื่องอะไรก็สามารถทำได้แนบเนียน

ในใจหญิงสาวคิดว่า ถ้าคุณเป็นรู้ว่าสามารถเล่นละครได้ แนบเนียนขนาดนี้จะต้องตบรางวัลให้หล่อนแน่

จากการมองดูแววตาเคลือบแคลงสงสัยของหล่อน เพิ่ง เจ๋อเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย : “วันนี้คุณยังไม่ได้ไปรายงานการ ทำงานอะไรกับเจ้านายคุณเลยเหรอ คุณยังไม่รู้เหรอว่าวันนี้เขา ไม่ได้มาที่บริษัท”

ฉินจื่อเฟิงถลึงตาโต สายศีรษะพร้อมตอบว่า “ใช่ค่ะ ช่วง สองสามวันก่อนดิฉันได้รายงานเรื่องงานทั้งหมดไปแล้ว วันนี้ ดิฉันก็เลยไม่ได้ไปหาคุณเงินค่ะ ขอบคุณท่านประธานมากนะ คะที่ช่วยเตือนฉันว่าวันนี้คุณเป็นไม่มาทำงาน

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองด้วยสายตาเยือกเย็น: “ใครช่วยเตือนคุณ ผมแค่ต้องการจะถามคุณว่าเห็นคุณเงินบ้างรึเปล่าเท่านั้น”

ฉินจื่อเฟิงได้ยินแล้วตอบเพียงคำว่า “ค่ะ”

” ไม่เห็นค่ะ”

เขาจ้องฉินจื่อเพิ่งที่อยู่ตรงข้ามนานมาก ในใจก็คิดว่า ผู้ หญิงคนนั้น สมแล้วที่เป็นปีศาจ ตัวเองไม่เพียงมีความ สามารถยั่วโมโหคนเก่ง แต่ยังสามารถสอนให้ลูกน้องยั่วโมโห ได้เก่งขนาดนี้ด้วย
ครั้งนี้ถือว่าเขาได้เปิดโลกแล้ว

สักพักใหญ่เพิ่งเจ๋อเฉิงที่จ้องฉินจือเพิ่งอยู่ก็ค่อยๆพูดอย่าง เรียบเฉยว่า “พอแล้วๆคุณไปไหนก็ไปเถอะ

แน่นอนว่าฉันจื่อเฟิงมองออกว่าสายตาและน้ำเสียงของ นายใหญ่เธอนั้นมีความรำคาญอยู่ แต่ก็ตกหลุมที่เธอพรางเธอ เข้าพอดี

เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ถูกคาดการณ์ไว้โดยเสิ่นอีเวยตั้งแต่ คุยกันที่ร้านกาแฟครั้งก่อนแล้ว

ประธานเพิ่งจะถามตัวเธอก่อนว่าเห็นหล่อนมั้ย เมื่อได้ รับค่าตอบแล้วก็จะเกิดความโกรธเล็กน้อย ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้อง ไปสนใจเขา

ฉันจื่อเพิ่งพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มสดใสแล้วตอบเชิงเจ๋อ เฉิงว่า “ค่ะประธานเชิง ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวนะคะ มีอะไร เรียกดิฉันได้เลยค่ะ”

พนักงานผู้ช่วยตัวเล็กๆหันหลังให้กลับเจ้านายใหญ่ ใน ใจถอนหายใจไม่หยุด ที่แท้การแสดงละครเพื่อช่วยให้คุณเป็น หนีนี่มันช่างสนุกจริงๆ ฉันจื่อเฟิงกรอกตาไปมาให้กับท่าน ประธานที่อยู่ด้านหลัง

นับตั้งแต่หล่อนเข้ามาทำงานที่บริษัทเพิ่งซื้อจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่แค่วันสองวัน สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าหล่อนกับเงินอีเว ยมีทัศนคติที่คล้ายๆกันพูดคุยกันถูกคอ ดังนั้นเวลาที่พวกเขาไม่ได้ทํางาน ก็มักจะพูดคุยส่วนตัวกันอยู่บ่อยๆ

ฉันจื่อเทิงเองก็รู้สึกดีใจ ที่เจ้านายหล่อนยอมพูดคุยบอก เล่าเรื่องส่วนตัวให้หล่อนได้รับรู้อยู่บ้าง ดังนั้นเรื่องระหว่างเ นอีเวยและเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นหล่อนก็พอจะรู้เรื่อง

ตั้งแต่ที่หล่อนรู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นไม่ได้ดีต่อเป็นอีเวยเท่า ไหร่นัก เวลาที่หล่อนมองเชิงเจ๋อเฉิงจึงมองด้วยสายตาที่มีอคติ นั่นเอง

คนๆนี้เวลาอยู่กับคนนอกหรือต่อหน้าสื่อมักจะวางตัวดีมี ภาพลักษณ์ เป็นผู้ชายที่ดูดี แต่ทำไมถึงเย็นชากับภรรยาตัว เองได้ขนาดนั้น ทั้งที่คุณเงินทั้งเก่ง ทั้งดีขนาดนั้น

ในใจของฉินจื่อเฟิงเองยังไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะทาง นี้เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังคงโกรธเคืองอยู่

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน มือทั้งสองข้างพับอยู่ใต้ คาง ใบหน้าหล่อเหลาเพื่อความวิตกกังวล

ทำไมนะ ทำไมตัวเองต้องมานั่งเป็นห่วงเป็นใยที่ผู้หญิงคน นี้ไม่มาทำงาน

ซึ่งอันที่แล้วเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยสังเกตมาก่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดคุนจน ทะเลาะกัน

ก็เพราะด้วยเหตุนี้ ทำให้เพิ่งเจ๋อเฉิงต้องกระวนกระวายใจ

เช่นนี้
ตอนนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก ก๊อก

เชิงเจ๋อเฉิงขมวดคิ้ว ยังคงไม่เข้าใจ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีก

ทันใดนั้นเองประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ ของเซิ่งเจ๋อเฉิงยืนตระหง่านอยู่ที่หน้าประตู พนักงานที่มาส่ง เอกสารด้านหน้าประตูตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงยิ่ง ตกใจจนพูดไม่ออก

“ทะ ท่านประธานเซ็ง นี่ นี่คือเอกสารที่ต้องเซ็นชื่อค่ะ

พนักงานที่หอบเอกสารมาพูดซ้ำๆอึ้งๆ เพราะเมื่อก่อน เวลามาส่งเอกสารก็จะถูกกั้นกลางด้วยโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ไม่ ได้ใกล้ชิดกับเจ้านายมากขนาดนี้

พนักงานตื่นกลัวจนมือไม้สั่นไปหมด

เมื่อสักครู่หล่อนยังพูดไม่จบก็ถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงตัดบทเสีย ก่อน: “ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง เดี๋ยวค่อยเซ็นที่หลัง

พูดจบประโยคเขาก็เดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย เนื่องจากช่องว่างตรงหน้าประตูค่อนข้างแคบ ดังนั้นหัวไหล่ ของพนักงานคนนั้นจึงถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงชนเข้าเบาๆ

พนักงานยืนชะงักงันอยู่ที่เดิม กว่าจะได้สติรู้ว่าตนเองถูก

เจ้านายปฏิเสธที่จะเซ็นชื่อ น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้าแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ