บทที่270 ให้ฉันมาทดแทนกับสิ่งที่หายไปให้กับคุณ
บทที่ 270 ให้ฉันมาทดแทนกับสิ่งที่หายไปให้กับคุณ
เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไรก็เดินเข้ามาในห้องและก็ปิด
ประตู
เสิ่นอีเวยได้เอนตัวอยู่บนเตียงแล้วมองด้วยสายตาที่จะ บอกว่าหากมีเรื่องอะไรก็ตาม ก็ขอให้มาพูดพรุ่งนี้ เพราะตอนนี้ จะเข้านอนแล้ว
แต่ว่าเรื่องราวของสองวันที่ผ่านมานั้น ทั้งสองคนมีความ ต่างเขินอายและอึดอัดใจ ดังนั้นหากเป็นการไล่ออกไปก็ เหมือนจะรู้สึกไม่สามารถพูดออกมาได้
เธอได้ยิ้มอย่างฝืนใจ เพราะอะไร ? เพราะอะไรเธอและ เพิ่งเจ๋อเฉิงถึงเป็นแบบนี้ เหมือนกับมีความรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา แต่ สุดท้ายแล้วก็เหมือนจะเกิดความเย็นชาใส่กันและกันอีกใน ทันที
พอเจอกับสภาพเช่นนี้เป็นอีเวยก็รู้สึกเชื่อมใจ แต่ว่าเรื่อง มาถึงวันนี้ เธอก็ไม่อยากจะใช้เวลาทั้งหมดเพื่อที่จะไปคิดค้น เสาะหาอีกแล้ว เพราะว่ามันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรแล้ว
เพิ่งเจ๋อเฉิงไปเดินไปหาเงินอีเวย แล้วก็มองเธอ แต่ว่าเนอเวยมีความประหลาดใจและที่ชัดเจนก็คือสายตาและท่าทาง แบบนั้น ทำไมในเวลานี้ยังไม่มีความน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน เลยสักนิด
แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ความเงียบสงบและอบอุ่น
ใช่แล้ว ความรู้สึกแห่งความสงบสุขและอาวรณ์ หากเสี นอีเวยดูไม่ผิดแล้วก็คงเป็นเช่นนั้น
อุณหภูมิของใจก็เย็นลงมานิดหนึ่ง ดังนั้นผู้ชายคนนี้ใช้ สายตาที่ไม่เคยใช้เลย มันหมายความว่าอะไร ?
ในใจก็ยังคงคาดเดาต่อไป ปากก็เริ่มมีการพูดอย่าง รวดเร็วขึ้นมาและใช้เสียงที่เสียดสีว่า “เพิ่งเจ๋อเฉิง คุณกำลัง สงสารชั้นใช่ไหม ?
เพิ่งเจ๋อเฉิงตกใจ แล้วก็ใช้สายตามองไปยังบนเตียงนั้น เงินอีเวยก็เงยหน้ามองแล้วมีสายตาที่น่าตกใจ
เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมใช้สายตาแบบนั้นมองไปที่เธอ แต่สิ่งที่ แน่นอนก็คือ ครั้งนี้เสิ่นอีเวยได้เข้าใจผิดไปแล้ว เพราะว่าเขา นั้นไม่ได้มีความหมายสงสารที่จะสงสารเสิ่นอีเวย
แต่เพียงตอนนี้อยากจะอธิบายเรื่องสำคัญ เพราะเขาไม่ อยากจะให้เวลานั้นสูญเสียไปมากกว่านี้
“วันนี้ที่ผมมานั้นจะมีเรื่องมาบอกกับคุณ” เพิ่งเจ๋อเฉิงได้ ลากเก้าอี้มาแล้วก็นั่งลง ห่างจากเงินอีเวยไม่มากนัก
เนื่องจากช่วงนี้เป็นเวยได้ผ่านเรื่องราวร้ายมามากมายดังนั้นไม่ว่าจะได้รับข่าวสารอะไรก็ไม่มีความตกใจอีกแล้ว
เงินอีเวยตอบกลับด้วยความปกติ เรื่องอะไร ?
เงินอีเวยได้บีบสายตา ให้เล็กลง หัวสมองเธอนั้นกำลัง ตัดสินใจว่าฟังหรือไม่ฟัง ?
หากฟัง ในใจก็คงมีความเสียใจเป็นแน่นอน หากไม่ฟัง เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว เธอไม่ยอมที่จะถูก ปิดบังเช่นนี้อีกต่อไป
ผ่านไปค่อนข้างนาน เสิ่นอีเลยก็ได้เอ่ยปากด้วยความ เยือกเย็นว่า “คุณพูดเถอะ ชั้นกำลังนั่งอยู่
เพิ่งเจ๋อเพิ่งกลับมีสายตาที่ตกใจเล็กน้อย เพราะว่าเขาเดิม ที่คิดว่าเสิ่นอีเวยจะปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเขา ในเมื่อเธอแสดง ท่าหมา ก็คงจะต้องดำเนินตามแผนของตัวเอง
“ตอนที่ผมจะแต่งงานกับคุณนั้น ผมได้พบกับพ่อของผม เขาได้บอกกับผมเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อน
ประโยคแรกของเพิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนลูกระเบิดหนักที่ตกลง มาอย่างจัง
“ผมเข้าใจอย่างชัดเจน เพราะตอนนั้นผมก็ตามพ่อของผม เช่นกัน ว่าเพราะอะไรถึงบอกเรื่องนี้กับผม” เพิ่งเจ๋อเฉิงมีน้ำ เสียงที่ราบเรียบ
เงินอีเวยทันใดนั้นก็สายตาบีบเล็กลง เหมือนถูกสะกดเอาไว้
เพราะสติทั้งหมด
เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดต่อไปว่า “คำตอบตอนนั้นของพ่อผมก็คือ พอเกิดเรื่องนั้นขึ้นมา เขาไม่ได้รับการลงโทษแต่อย่างใด และ ก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเลย ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือว่า สถานภาพของบริษัทเชิงชื่อ เพราะว่าเขาเป็นคนยอมรับกับ ปากตัวเขาเอง ตอนนั้นที่เขาทำแบบนั้นไป ก็ได้ปิดปากคนไป หลายคนเหมือนกัน แต่ว่า ในระหว่างนั้นก็ได้ทําลายชีวิตพ่อ แม่ของครอบครัวหนึ่งไป ในใจเขานั้นเต็มไปด้วยความละอาย และสํานึกผิด
พอพูดถึงตรงนี้ เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้หยุดไป เพราะว่าเป็นอีเว ยมีตาที่เริ่มแดงขึ้น ฟันกัดแน่น เหมือนกำลังบังคับอารมณ์ตัว เองไม่ให้ระเบิดขึ้น
เสิ่นอีเวยรู้ตัวว่าเขานั้นเงียบ เลยพยายามที่จะให้พูดต่อ ไป “ไม่เป็นไร คุณพูดต่อไป
เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างช้า ๆ ว่า “พ่อของผมพูด ตอนนั้นเขา ไม่กล้าที่จะไปพูดกับตำรวจในเรื่องพวกนี้ เพราะว่าพ่อของคุณ เงินเหยียนเฟิง เป็นนักกฎหมายธุรกิจที่เก่งที่สุด ในฐานะทาง สังคมก็ไม่แพ้เขาเลย ซึ่งผมเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน พ่อที่กำลัง สภาพผิดต่อหน้าลูกของตัวเอง ว่าเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ
เงินอีเวยกำมืออย่างแน่ในผ้าห่ม แม้กระทั่งรู้สึกว่าเพราะ ใช้แรงมากเกินไป เลยทำให้เล็บนั้นจะทิ้งแทงเข้าไปในหัวใจ
“ดังนั้นเมื่อวันนั้น เขาพูดกับผมคำสุดท้ายคือ เขายอมรับ ในและยินยอมในการที่ผมแต่งงานกับคุณ ก็เพราะใช้เวลาที่เหลือในการดูแลและทดแทนคุณ
เพราะเงินอีเวยได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ้มแสยะออกมา
ตอนนั้นสายตาเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา เพราะเป็น ครั้งแรกในชีวิตเพิ่งเจ๋อเฉิง ที่ต่อหน้าเงินเลยมีความรู้สึกเสีย อะไรไปบางอย่าง
เพราะความรู้สึกที่มาของเหล่านี้ก็คือรอค่าตอบของเสี นอีเวย แต่ว่าก็กลัวคําตอบของอีกฝ่าย
เงินอีเวยเอ่ยปากว่า “ทดแทน ? ”
เพิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้ว่าเธอนั้นกำลังจะพูดอะไรในประโยคต่อไป ก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ
“แล้วคุณล่ะ ? แล้วสิ่งที่พ่อคุณนั้นให้ทำคืออะไร ? คุณทำ
อย่างไร ? “
”
คำถามนี้ เป็นอีเวยถามอย่างต่อเนื่องและตามใจ แต่ว่า ในใจก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญ เพราะว่าประโยคนี้ อีกฝ่าย เจ็บสิบส่วนตัวเองเจ็บแปดส่วน
เสิ่นอีเวยยอมรับว่าสิ่งที่เพิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดว่า “ทดแทน” ใน ใจเธอนั้นเหมือนโดนทิ่มแทงอย่างสุดกำลัง เพราะว่าเธอก็คิด ขึ้นมาเลยว่าแต่งงานกับเขาได้สามปีแล้ว ชีวิตที่ผ่านมาเป็น อย่างไร
ระหว่างสองคนที่ผ่านการทะเลาะวิวาท
จนถึงขั้นรุนแรง
ความไม่เชื่อใจ
แต่สิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้กลับเต็มไปในชีวิตของสองคนนี้ ดังนั้น เสิ่นอีเวยถึงพูดประโยคนั้นออกมา เธอยอมรับว่ากำลังทําให้ เพิ่งเจ๋อเฉิงลำบากใจ แต่เธอเพิ่งเข้าใจว่าคนที่ถูกทำร้ายรุนแรง ที่สุดก็คือตัวเธอนั้น
แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ฟังออกถึงความหมายของเส้นเวย แต่ก็ เป็นได้ไปยากมาก เพราะครั้งนี้เขานั้นไม่ได้คิดอคติกับเสื้ นอีเวย
เงินอีเวยก็รู้สึกถึงว่า การพูดคุยเช่นนั้นไม่มีความลับอะไร
เลย
เธอยิ้มเปื่อย ๆ กำลังจะพูดว่าจะนอนแล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ ซึ่งพูดก่อน
สายตาที่อ่อนนุ่มของผู้ชายคนนั้น ร่างกายเขาค่อย ๆ ขยับเข้ามา แล้วมองหน้าเสิ่นอีเวยแล้วพูดว่า “อีเวย จากนี้ เป็นต้นไป ให้ผมมาทดแทนสิ่งที่คุณเสียไป จะได้ไหม ? ”
โลกนี้สงบลงแล้ว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ