บทที่223เสิ่นอีเวยฟื้นแล้ว
บทที่ 223 เสิ่นอีเวยฟื้นแล้ว
ตอนที่เพิ่งเจ๋อเฉิงคิดทบทวนเรื่องนี้เป็น อย่างดี
ในใจก็แทบจะไม่นึกโทษหลินอวี้แล้ว
ตอนนี้มาเห็นหลินอวี้รู้สึกผิดกับตนเอง
จริงๆ
ในใจนั้นก็เกิดความรู้สึกที่อธิบายออกม
าได้
วินาทีต่อมา
เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“คุณไม่ต้องรู้สึกผิด
เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ
มันเป็นเรื่องของเสิ่นอีเวย
คุณไปทำงานเถอะ!” ความเข้าใจกันระหว่างเจ้านายกับลูกน้
องจนถึงตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายมา
ก ในเมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงกล่าวเช่นนั้น หลินอวี้ก็ต้องเชื่อเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงเพียงพยักหน้าเล็กน้อย และเริ่มทำสิ่งที่เพิ่งเจ๋อเฉิงมอบหมายใ ห้กับตนเอง
พอหลินอวี้ออกไปแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ขับรถตรงไปที่โรงพยาบา
ล
เมื่อเขามาถึงสทางเดินของโรงพยาบา ลและกำลังจะเข้าไปที่ประตูห้องผู้ป่วย
ของเสิ่นอีเวย
โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อหยิบขึ้นมาดู
ปรากฏว่าเป็นหมายเลขแปลกๆ
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรับสาย ‘ฮัลโหล ใครครับ?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากปลายสาย
“ฮัลโหล ประธานเซิ่ง สวัสดีครับ ผมเจิ้งโป๋หง”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วนึกย้อน ความทรงจำอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาจำได้ว่าวันที่เจิ้งโป๊หงสองพ่ อลูกมาเยี่ยมเยือนบริษัทเซิ่งซื่อ เจิ้งโป๋หงนั้นรีบร้อนให้เจิ้งอวิ๋นชวนเริ่มเ จรจากับเขาในประเด็นความร่วมมือ ดังนั้นเขากับเจิ้งโป๋หงจึงไม่ได้ทิ้งข้อมู ลเอาไว้ให้กันและกัน
ความจริงตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเจ๋อเฉิงให้เจิ้ งอวิ๋นชวนได้ดูคลิปวิดีโอในห้อง VIP ที่บาร์
เขาก็เดาได้แล้วว่าเจิ้งโป๋หงจะต้องโทร
หาเขา อย่างไรเสียหลักฐานของการกระทำผิด ของลูกชายตนเองก็ยังคงอยู่ในมือของ เขา
ในเมื่อคนอื่นไม่ไว้หน้าลูกชายตนตเอง ถ้าพ่อไม่ออกหน้าแล้วจะเป็นใครได้?
เซิ่งเจ๋อเฉิงเอาโทรศัพท์มือถือแนบที่ใ บหูเบาๆ แล้วตอบกลับอย่างใจเย็น
“คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่า คุณเจิ้งจะโทรหาผม
ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอครับ?”
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงนอกจากความเ ย็นชาแฝงไว้ด้วยการยั่วเย้าแล้วก็ไม่มีอ ารมณ์ใดๆ อื่นอีก
เจิ้งโป๋หงก็ยังเป็นเจิ้งโป๋หงอยู่วันยังค่ำ
เขาเป็นคนที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงก ารธุรกิจอย่างช่ำชอง
ได้ผ่านพบเห็นคลื่นลมพายุเล็กใหญ่มา มาก ดังนั้นน้ำเสียงจึงดูไม่แยแส
“น่าจะมีการเข้าใจผิดระหว่างเจ้าลูกหม ากับประธานเซิ่งเล็กน้อย วันนี้ผมโทรมาก็เพื่ออยากจะแก้ไขปัญ หานี้”
เนื่องจากเขามักให้ความสนใจกับข่าวธุ
รกิจ
รายงานข่าวในบางครั้งจะมีการกล่าวถึง
เจิ้งโป๋หงด้วย
เซิ่งเจ๋อเฉิงเข้าใจลักษณะนิสัยของเขา
ดี
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะไ ปที่ไหนก็จะโดดเด่นสว่างไสว
คนประเภทนี้มักจะมีความคาดหวังสูงใ นตัวลูกชายของตนเอง ผู้คนส่วนใหญ่ยัคงแยกแยะออก
เจิ้งโป๋หงนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ ในประโยคที่เขาพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าความเข้าใจ ผิดที่เกิดขึ้นระหว่างเจิ้งอวิ๋นชวนกับเซิ่ง เจ๋อเฉิงนั้นเป็นอย่างไร
ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นก็รู้ว่าเจิ้งโป๋หงต้องก ารให้เขาเป็นคนเจาะจงรายละเอียด ด้วยวิธีนี้การสื่อสารระหว่างพวกเขาทั้ง สองก็จะไม่มีทางติดขัดโดยคำพูดของ พวกเขาเอง
เซิ่งเจ๋อเฉิงเลือกใช้คำพูดอยู่ในใจ
เขามองไปยังการจราจรแออัดที่อยู่ข้าง หน้าและพูดกับปลายสายอย่างไม่อนา ทรร้อนใจว่า
“ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของคุณเจิ้งเท่า ไร ผมกับคุณเจิ้งต่างก็มีความสัมพันธ์อันดี ต่อกันและกัน ไม่รู้ว่าคุณหมายความว่าอย่างไรน่ะครับ
?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยอมรับว่าประสบการณ์ในก ารทำธุรกิจของเขานั้นไม่ยาวนานเท่ากั บเจิ้งโป๋หง
แต่เขาก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงใน คำพูดของฝ่ายหลัง
“เอาแบบนี้แล้วกัน เมื่อไรประธานเพิ่งมีเวลา ผมจะพาเจ้าลูกหมาไปพบคุณ”
แม้ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงกับ การแกล้งโง่ของตัวเอง แต่น้ำเสียงของเจิ้งโป๋หงก็ยังคงสงบรา บเรียบ “ประธานเจิ้ง
ทั้งคุณและผมต่างก็รู้ดีว่าธรรมชาติของ
เรื่องนี้แตกต่างกันมาก
เวลาของทุกคนมีค่า
ดังนั้นผมจะไม่พูดอ้อมค้อมกับคุณ ผมคิดว่าภรรยาของผมเข้าใจรายละเอี
ยดของสถานการณ์
เรื่องนี้คุณเจิ้งเป็นคนล่วงเกินเราก่อนใน ตอนแรก เขาเป็นลูกชายที่รักของคุณ ผมไม่คิดว่าทัศนคติของผมจะมีปัญหาใ
ดๆ
แต่บางทีคุณเจิ้งอาจจะถูกตามใจตั้งแต่เ
ด็กจนเคยตัว
ดังนั้นจึงมีนิสัยดื้อรั้นมากเกินไป
เขาขู่ผมด้วยการยกเลิกความร่วมมือ ผมคิดว่าคงไม่มีใครจะมีความอดทนใน การรับมือกับเขาอีกต่อไป” ลูกชายที่ไม่เอาการเอางานของตัวเอง ถูกคนจับจุดอ่อนได้ถึงขนาดนั้น ต่อให้เป็นคนที่หัวแข็งอีกสักแค่ไหนก็ต้ องยอมลดท่าทีลง
แม้แต่คนที่ทำงานหนักที่สุดก็ต้องลดท่ าทางลงเล็กน้อยเมื่อคนอื่นถูกลูกชายจั
บ
เจิ้งโป๊หงกระแอมแล้วพูดขึ้นว่า
“ที่ประธานเซิ่งพูดก็มีเหตุผล ผมมักจะสอนเจ้าลูกหมาอยู่เสมอให้รู้สึ กผิดชอบชั่วดีในทุกๆ เรื่อง คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะทำให้ประธานเ
ซึ่งต้องขุ่นเคือง
ผมอยากขอโทษแทนเขาสักนิด”
เซ่งเจ๋อเฉิงนิ่งเงียบ
เขาย่อมรู้ว่าเรื่องบางเรื่องจะต้องอ้างเห ตผลจนถึงที่สุดก็จะหยุดลงได้ เจิ้งโป๊หงผู้มีศักดิ์ศรีสูงส่งได้ขอโทษแ ทนเจิ้งอวิ๋นชวนแล้ว ถ้าอย่างนั้นทัศนคติของเขาก็คงจะไม่ดื้ อรั้นอีกต่อไป
“ประธานเจิ้งต้องการพบผมนั้นย่อมได้เ สมอ คุณนัดเวลามาได้เลย”
เจิ้งโป๋หงตอบ
“ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้ประธานเซิ่งจะมีเวลา
ไหมครับ?
“ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้พบกัน”
จากนั้นเพิ่งเจ๋อเฉิงก็วางสาย
เมื่อถึงโรงพยาบาลมันก็เป็นเวลากลาง ดึกแล้ว ทางเดินที่กว้างขวางเงียบเหงา
มีเพียงเสียงของพยาบาลกะกลางคืนเดิ
นไปเดินมา เซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆ
ผลักประตูห้องคนไข้เข้าไป พยายามไม่ส่งเสียงเพราะเขาไม่รู้ว่าเสี่ นอีเวยตื่นขึ้นมาแล้วหรือยัง
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเสิ่นอี เวยกำลังเอี้ยวตัวออกจากเตียงเพื่อหยิ บแก้วน้ำบนโต๊ะเล็กๆ แต่เพราะร่างกายกำลังไม่สบาย บวกกับเข็มให้น้ำเกลือที่อยู่หลังมือ ดังนั้นจึงออกแรงขยับได้เพียงเล็กน้อย เท่านั้น
อีกข้างหนึ่ง
เอื้อมเข้าไปหยิบแก้วน้ำที่อยู่ห่างจากเธ ออีกเพียง 2 เซ็นติเมตรเท่านั้น
เนื่องจากความสนใจทั้งหมดจดจ่ออยู่กั
บแก้วน้ำ
เสิ่นอีเวยจึงสะดุ้งตกใจกับความแข็งแร งเล็กน้อยจนถึงขนาดร้องไม่ออก
“อา!” ด้วยความตกใจ
เสิ่นอีเวยจึงถอยกลับไปหนึ่งก้าว
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่เย็ นชาของเซิ่งเจ๋อเฉิงซึ่งไม่มีการแสดงอ
อกใดๆ
เขามองเธออย่างไม่ตั้งใจในขณะที่กำลั งเทน้ำ
จากการแสดงออกของเซิ่งเจ๋อเฉิงในข
ณะนี้
แน่นอนว่าเสิ่นอีเวยนั้นมองออกว่าเขาน่ าจะกำลังอารมณ์ไม่ดี ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะเกลียดชังเธอ แต่ในสถานการณ์ทั่วไปใบหน้าของเขา ก็ไม่เคยรังเกียจขนาดนี้มาก่อน
เสิ่นอีเวยกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่เงียบๆ ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน
เธอนั้นสามารถวิเคราะห์ได้ว่าทำไมเธอ ถึงได้มาอยู่ที่นี่
ในห้อง VIP ของบาร์
เจิ้งอวิ๋นชวนให้เธอดื่มเหล้านอกขวดห
นึ่ง
เธอรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอดื่ม เข้าไปจะเกิดผลลัพธ์อะไรบ้าง แต่เธอก็ยังดื่ม
ดังนั้นตอนนี้ถึงเวลาชดใช้ผลกรรมแล้ว เมื่อครู่ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา หมอก็ได้มาแล้วหนึ่งครั้งและบอกถึงส ภาพร่างกายของตัวเธอเอง
มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร เสิ่นอีเวยคิดในใจว่าตนเองก็ไม่ธรรมดา เช่นกัน เชิงเจ๋อเฉิง ยืนเทน่าอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดพิจารณ าอะไรอยู่ ในใจ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ