บทที่ 63 ถูกเชิ่งเจ๋อเฉิงช่วยไว้
สองคนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าทันที อารมณ์ที่แสดงออก ทางสีหน้ามีแต่รอด้วยความหื่นกระหายอย่างรอไม่ไหว
ฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายสัมผัสกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเสี่ นอีเวย หล่อนรู้สึกว่าสมองกำลังเต้นตุบตุบไม่หยุด มือทั้งสอง ข้างถูกตรึงไว้แน่นจนขยับไม่ได้ หล่อนทำได้แต่ทำตาโตจ้อง มองกระดุมที่ถูกแกะออกไปทีละเม็ดทีละเม็ด
กระดูกไหปลาร้าที่เรียวยาวปทุมถันที่ขาวผ่องโผล่พ้นออก มาในอากาศ ดวงตาของผู้ชายทั้งสามคนที่แสดงออกมาทำมัน ทำให้หล่อนสะอิดสะเอียน ลำคอเสิ่นอีเวยที่แห้งผากเต็มไป ด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว
“อย่า ฉันขอร้องพวกแก”
การขอร้องท่ามกลางไฟราคะที่กำลังแผดเผาผู้ชายพวก นั้นอยู่ยิ่งทำให้เป็นการกระตุ้นมากกว่าเดิมขึ้นอีก ฝ่ามือใหญ่ ของผู้ชายยื่นมือไปยังบริเวณเอวของเสิ่นอีเวยเพื่อที่จะถอด กระโปรงสั้นของหล่อนออก
เสิ่นอีเวยผิดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง ในใจหล่อนเรียกหา แต่ชื่อเซิ่งเจ๋อเฉิง
“อ๊าก!”
ทันใดนั้น ผูชายที่อยู่ตรงหน้ากับเจ็บสุดตัวแล้วหล่นลงไป กองเสินอีเวยเลยได้สติกลับมา บทที่ 63 ถูกเชิ่งเจ๋อเฉิงช่วยไว้
สองคนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าทันที อารมณ์ที่แสดงออก ทางสีหน้ามีแต่รอด้วยความหื่นกระหายอย่างรอไม่ไหว
ฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายสัมผัสกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเสี่ นอีเวย หล่อนรู้สึกว่าสมองกำลังเต้นตุบตุบไม่หยุด มือทั้งสอง ข้างถูกตรึงไว้แน่นจนขยับไม่ได้ หล่อนทำได้แต่ทำตาโตจ้อง มองกระดุมที่ถูกแกะออกไปทีละเม็ดทีละเม็ด
กระดูกไหปลาร้าที่เรียวยาวปทุมถันที่ขาวผ่องโผล่พ้นออก มาในอากาศ ดวงตาของผู้ชายทั้งสามคนที่แสดงออกมาทำมัน ทำให้หล่อนสะอิดสะเอียน ลำคอเสิ่นอีเวยที่แห้งผากเต็มไป ด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว
“อย่า ฉันขอร้องพวกแก”
การขอร้องท่ามกลางไฟราคะที่กำลังแผดเผาผู้ชายพวก นั้นอยู่ยิ่งทำให้เป็นการกระตุ้นมากกว่าเดิมขึ้นอีก ฝ่ามือใหญ่ ของผู้ชายยื่นมือไปยังบริเวณเอวของเสิ่นอีเวยเพื่อที่จะถอด กระโปรงสั้นของหล่อนออก
เสิ่นอีเวยผิดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง ในใจหล่อนเรียกหา แต่ชื่อเซิ่งเจ๋อเฉิง
“อ๊าก!”
ทันใดนั้น ผูชายที่อยู่ตรงหน้ากับเจ็บสุดตัวแล้วหล่นลงไป กองเสินอีเวยเลยได้สติกลับมา ตอนที่น้ำตาพรั่งพรูออกมาหล่อนเห็นเชิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ตรง
หน้าหล่อน
หล่อนมองเห็นใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงในตอนนั้นอย่าง ชัดเจน เสิ่นอีเวยไม่มีเสียงใดๆที่จะเปล่งออกมา หล่อนอยากจะ วิ่งตรงไปกอดเขาแต่ว่าตกใจจนสิ้นไปหมดแล้ว ร่างกาย เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็หายไปหมดสิ้นแล้ว
น้ำตาที่ไร้เสียงไหลพรั่งพรูออกมาแต็มหน้า เสิ่นอีเวยคิด ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่สนใจตัวเอง แต่ว่าเขามาแล้ว เขามาแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ตรงนั้นและมองหล่อนอยู่ใกลๆ ยิ่งเห็น หล่อนร้องไห้เต็มใบหน้า ตอนนั้นเองเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้ว่าทำไมใน ใจถึงได้เดือดดาลได้มากขนาดนี้
ด้านหลังมีผู้ชายสวมชุดดำรีบเข้ามาพวกเขาคือบอร์ตี้ การ์ดของเชิ่งเจ๋อเฉิง ผู้ชายทั้งสามคนถูกกดทับไว้ที่พื้น พวก เขารู้ดีว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นบุคคลใด เวลานี้ยังกลัวจนขี้หดตดหาย คลานอยู่ที่พื้นและพยายามขอร้องไม่หยุด
“ท่านประธานเชิ่ง ขอร้องแหละปล่อยพวกเราไปเถอะ!
พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว ! ” น้ำเสียงที่เศร้าโศกเสียใจปะปน
กันจนสับสน
“พวกเราไม่ได้มีความแค้นกับคุณนายเชิ่ง พวกเราแค่รับ ค่าจ้างมาเลยทำแบบนี้! ขอร้องแหละท่านปล่อยพวกเราไปสัก ครั้งเถอะ!”
เส้นอีเวยพยายามใช้แรงที่มีทั้งหมดลุกขึ้นนั่งบนถุง ตอนที่น้ำตาพรั่งพรูออกมาหล่อนเห็นเชิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ตรง
หน้าหล่อน
หล่อนมองเห็นใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงในตอนนั้นอย่าง ชัดเจน เสิ่นอีเวยไม่มีเสียงใดๆที่จะเปล่งออกมา หล่อนอยากจะ วิ่งตรงไปกอดเขาแต่ว่าตกใจจนสิ้นไปหมดแล้ว ร่างกาย เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็หายไปหมดสิ้นแล้ว
น้ำตาที่ไร้เสียงไหลพรั่งพรูออกมาแต็มหน้า เสิ่นอีเวยคิด ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่สนใจตัวเอง แต่ว่าเขามาแล้ว เขามาแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ตรงนั้นและมองหล่อนอยู่ใกลๆ ยิ่งเห็น หล่อนร้องไห้เต็มใบหน้า ตอนนั้นเองเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้ว่าทำไมใน ใจถึงได้เดือดดาลได้มากขนาดนี้
ด้านหลังมีผู้ชายสวมชุดดำรีบเข้ามาพวกเขาคือบอร์ตี้ การ์ดของเชิ่งเจ๋อเฉิง ผู้ชายทั้งสามคนถูกกดทับไว้ที่พื้น พวก เขารู้ดีว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นบุคคลใด เวลานี้ยังกลัวจนขี้หดตดหาย คลานอยู่ที่พื้นและพยายามขอร้องไม่หยุด
“ท่านประธานเชิ่ง ขอร้องแหละปล่อยพวกเราไปเถอะ!
พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว ! ” น้ำเสียงที่เศร้าโศกเสียใจปะปน
กันจนสับสน
“พวกเราไม่ได้มีความแค้นกับคุณนายเชิ่ง พวกเราแค่รับ ค่าจ้างมาเลยทำแบบนี้! ขอร้องแหละท่านปล่อยพวกเราไปสัก ครั้งเถอะ!”
เส้นอีเวยพยายามใช้แรงที่มีทั้งหมดลุกขึ้นนั่งบนถุง ปูนซีเมนต์ที่สกปรกนั้น ภายใต้แสงสลัวนั้นหล่อนเห็นสีหน้าที่ เยือกเย็นที่สุดของเซิ่งเจ๋อเฉิงทั้งหมด
“พูด ใครให้พวกมึงทำ?”
เสียงเขาไม่ได้ดังมากหรือเบามาก แต่ความเงียบยาม ค่ำคืนฟังแล้วเหมือนฟ้าผ่าในคืนเดือนมืด ช่างปฏิเสธไม่ได้เลย
สามคนนั้นมองหน้ากัน สายตาหลบหลีกทำอย่างกับว่าจะ ช่วยคนที่อยู่เบื้องหลัง เสิ่นอีเวยเดิมทีอยากบอกว่าตัวเองรู้แล้ว ว่าคือใครทำ แต่กำลังจะอ้าปากเสียงตัวเองกลับเป็นใบ้ไปหมด แล้วไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ หล่อนทำได้แค่ใส่ เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนั่งดูอยู่ที่เดิม
แต่ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าสามคนนั่นคือเซิ่งเจ๋อเฉิงเขา ไม่ได้มีอดทนขนาดนั้น
แล้วยิ่งเห็นผู้ชายสามคนนั้นต่างหลบหน้า สีหน้าของเพิ่ง เจ๋อเฉิงแสดงอาการโมโหคลุ้มคลั่งเขาก้มหัวลงเหมือนกำลังหา สิ่งของอะไรบางอย่างอยู่ ตอนนั้นแหละ เขาเห็นไม้กระบอกที่ มุมผนัง
“อ๊าก!”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้นถูกตีที่หัวเลือดไหลนองออกมา จากหน้าผากของเขา เลือดสดที่ไหลรินภายใต้แสงไฟยิ่งทำให้ ดูน่าตกใจ เสิ่นอีเวยเบิกตากว้างอย่างตกใจ หล่อนไม่เคยคิด เลยว่าเซึ่งเจ๋อเฉิงจะทำพฤติกรรมแบบนี้ออกมา
“ฉันถามแกครั้งที่สอง ใครสั่งให้พวกแกทำ?” ปูนซีเมนต์ที่สกปรกนั้น ภายใต้แสงสลัวนั้นหล่อนเห็นสีหน้าที่ เยือกเย็นที่สุดของเซิ่งเจ๋อเฉิงทั้งหมด
“พูด ใครให้พวกมึงทำ?”
เสียงเขาไม่ได้ดังมากหรือเบามาก แต่ความเงียบยาม ค่ำคืนฟังแล้วเหมือนฟ้าผ่าในคืนเดือนมืด ช่างปฏิเสธไม่ได้เลย
สามคนนั้นมองหน้ากัน สายตาหลบหลีกทำอย่างกับว่าจะ ช่วยคนที่อยู่เบื้องหลัง เสิ่นอีเวยเดิมทีอยากบอกว่าตัวเองรู้แล้ว ว่าคือใครทำ แต่กำลังจะอ้าปากเสียงตัวเองกลับเป็นใบ้ไปหมด แล้วไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ หล่อนทำได้แค่ใส่ เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนั่งดูอยู่ที่เดิม
แต่ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าสามคนนั่นคือเซิ่งเจ๋อเฉิงเขา ไม่ได้มีอดทนขนาดนั้น
แล้วยิ่งเห็นผู้ชายสามคนนั้นต่างหลบหน้า สีหน้าของเพิ่ง เจ๋อเฉิงแสดงอาการโมโหคลุ้มคลั่งเขาก้มหัวลงเหมือนกำลังหา สิ่งของอะไรบางอย่างอยู่ ตอนนั้นแหละ เขาเห็นไม้กระบอกที่ มุมผนัง
“อ๊าก!”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้นถูกตีที่หัวเลือดไหลนองออกมา จากหน้าผากของเขา เลือดสดที่ไหลรินภายใต้แสงไฟยิ่งทำให้ ดูน่าตกใจ เสิ่นอีเวยเบิกตากว้างอย่างตกใจ หล่อนไม่เคยคิด เลยว่าเซึ่งเจ๋อเฉิงจะทำพฤติกรรมแบบนี้ออกมา
“ฉันถามแกครั้งที่สอง ใครสั่งให้พวกแกทำ?” ผู้ชายคนนั้นรับรู้ได้แล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเอาจริงเลยตัดสินใจ พูดออกมากขณะที่ริมฝีปากเขาก็ยังคงสั่นเทา : “คือคุณหมีย่า”
เสิ่นอีเวยมองเห็นใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิง ตอนแรกคือ ตกใจสักพักกลายเป็นโกรธ ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าที่ บริษัทเขาจะมีคนชอบทำร้ายจิตใจคนอันดับต้นๆอยู่เบื้องหลัง
ตามถนนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินทางมากลับไม่พบรถของหมี่ย่า หรือว่าหมี่ย่าขับรถหนีไปแล้ว? เป็นคนที่โหดร้ายจริงๆ ทำเรื่อง ล่มไม่เป็นท่าแล้วทิ้งลูกน้องอย่างไม่สนใจใยดี เหมือนที่เซิ่งเจ๋อ เฉิงพูดไว้ไม่ผิด หมี่ย่าคนนี้มีปัญหาจริงๆ
สีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชาประดุจดั่งน้ำแข็ง เขาชี้ไปที่ ผู้ชายที่แกะกระดุมของเสิ่นอีเวยและถามกลับ : “เมื่อกี้ถึงเอา มือไหนแตะต้องเธอ?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้นอึ้งไปพักใหญ่พร้อมเงยหน้าขึ้น ดวงตาเขาเต็มไปด้วสายตาของการขอร้องเหมือนขอทาน
เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้กระบองตีไปที่หลังของผู้ชายคนนั้น ดู เหมือนจะเป็นการซ้อมธรรมดา แต่ว่าปกติเซิ่งเจ๋อเฉิงคุ้นเคยกับ การออกกำลังกาย พลังเขาเยอะแรงที่ดีลงไปคงต้องใช้เวลา รักษาไม่ต่ำกว่าสิบวันหรือครึ่งเดือนถึงจะหายดี
เขาเห็นเซิ่งเจ๋อเฉินโมโหขนาดนั้นเลยลืมว่าตัวเองกำลัง ขอร้องอยู่ตั้งแต่ที่แรกและรีบยื่นมือขวาออกมา : “มือนี้ มีอข้าง
นี้” เพิ่งเจ๊ยเฉิงเงยหน้าขึ้นหันไปใช้สายตามองหสินอร์ หลินอ ผู้ชายคนนั้นรับรู้ได้แล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเอาจริงเลยตัดสินใจ พูดออกมากขณะที่ริมฝีปากเขาก็ยังคงสั่นเทา : “คือคุณหมีย่า”
เสิ่นอีเวยมองเห็นใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิง ตอนแรกคือ ตกใจสักพักกลายเป็นโกรธ ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าที่ บริษัทเขาจะมีคนชอบทำร้ายจิตใจคนอันดับต้นๆอยู่เบื้องหลัง
ตามถนนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินทางมากลับไม่พบรถของหมี่ย่า หรือว่าหมี่ย่าขับรถหนีไปแล้ว? เป็นคนที่โหดร้ายจริงๆ ทำเรื่อง ล่มไม่เป็นท่าแล้วทิ้งลูกน้องอย่างไม่สนใจใยดี เหมือนที่เซิ่งเจ๋อ เฉิงพูดไว้ไม่ผิด หมี่ย่าคนนี้มีปัญหาจริงๆ
สีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชาประดุจดั่งน้ำแข็ง เขาชี้ไปที่ ผู้ชายที่แกะกระดุมของเสิ่นอีเวยและถามกลับ : “เมื่อกี้ถึงเอา มือไหนแตะต้องเธอ?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้นอึ้งไปพักใหญ่พร้อมเงยหน้าขึ้น ดวงตาเขาเต็มไปด้วสายตาของการขอร้องเหมือนขอทาน
เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้กระบองตีไปที่หลังของผู้ชายคนนั้น ดู เหมือนจะเป็นการซ้อมธรรมดา แต่ว่าปกติเซิ่งเจ๋อเฉิงคุ้นเคยกับ การออกกำลังกาย พลังเขาเยอะแรงที่ดีลงไปคงต้องใช้เวลา รักษาไม่ต่ำกว่าสิบวันหรือครึ่งเดือนถึงจะหายดี
เขาเห็นเซิ่งเจ๋อเฉินโมโหขนาดนั้นเลยลืมว่าตัวเองกำลัง ขอร้องอยู่ตั้งแต่ที่แรกและรีบยื่นมือขวาออกมา : “มือนี้ มีอข้าง
นี้” เพิ่งเจ๊ยเฉิงเงยหน้าขึ้นหันไปใช้สายตามองหสินอร์ หลินอ วีเข้าใจพร้อมกับบอกให้บอร์ดีการ์ดสองคนที่คุมตัวผู้ชายคน นั้นอยู่กดมันลงไปให้ต่ำลงไปอีก ใบหน้าเกือบติดพื้น หลินอวี้ เดินก้าวไปข้างหน้ามือของผู้ชายคนนั้นและเหยียบมือขวาของ เขากดลงอย่างแรงบนพื้น
อาจเป็นเพราะการกระทำเมื่อครู่เร็วเกินไป ผู้ชายคนนั้นยัง จับต้นชนปลายไม่ถูก เป็นเพราะเจ็บเลยร้องไม่หยุด
ในมือของเซิ่งเจอเฉิงไม่รู้ว่ามีก้อนอิฐตอนไหน เขามองลง ไปที่มือที่อยู่กับดินของผู้ชายคนนั้น : “ข้างนี้ใช่ไหม?”
“ปีก!”
ความหนักของก้อนอิฐนั้นที่กระทบลงบนฝ่ามือด้านขวา ของผู้ชายคนนั้นเท่ากับความแรงของพลังคูณสิบสอง จากนั้นก็ มีเสียงร้องของผู้ชายคนนั้นและก็มีเลือดสดๆไหลออกมาจาก ด้านล่างของก้อนอิฐ
เส้นอีเวยเบิกตากว้าง หล่อนตกใจกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่
กับตา
คืนนี้ไม่เพียงแต่เพิ่งเจ๋อเฉิงรวมถึงหลินอวี่ด้วย พวกเขาดู เหมือนไม่ใช่คนที่หล่อนรู้จัก แม้ว่าหล่อนจะรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็น คนที่อารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอย แต่คนที่ทำให้เขา โมโหจนถึงขั้นลงมือด้วยตัวเองนั้นเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็น ไม่ต้องพูดหลินอวี้เลย เขาอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงมานาน เสิ่นอีเวย แทบไม่เคยเห็นเขาโมโหจนหน้าแดงแต่ตอนที่เขาเหยียบคน ตอนนั้นแสดงออกถึงความเกลียด วีเข้าใจพร้อมกับบอกให้บอร์ดีการ์ดสองคนที่คุมตัวผู้ชายคน นั้นอยู่กดมันลงไปให้ต่ำลงไปอีก ใบหน้าเกือบติดพื้น หลินอวี้ เดินก้าวไปข้างหน้ามือของผู้ชายคนนั้นและเหยียบมือขวาของ เขากดลงอย่างแรงบนพื้น
อาจเป็นเพราะการกระทำเมื่อครู่เร็วเกินไป ผู้ชายคนนั้นยัง จับต้นชนปลายไม่ถูก เป็นเพราะเจ็บเลยร้องไม่หยุด
ในมือของเซิ่งเจอเฉิงไม่รู้ว่ามีก้อนอิฐตอนไหน เขามองลง ไปที่มือที่อยู่กับดินของผู้ชายคนนั้น : “ข้างนี้ใช่ไหม?”
“ปีก!”
ความหนักของก้อนอิฐนั้นที่กระทบลงบนฝ่ามือด้านขวา ของผู้ชายคนนั้นเท่ากับความแรงของพลังคูณสิบสอง จากนั้นก็ มีเสียงร้องของผู้ชายคนนั้นและก็มีเลือดสดๆไหลออกมาจาก ด้านล่างของก้อนอิฐ
เส้นอีเวยเบิกตากว้าง หล่อนตกใจกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่
กับตา
คืนนี้ไม่เพียงแต่เพิ่งเจ๋อเฉิงรวมถึงหลินอวี่ด้วย พวกเขาดู เหมือนไม่ใช่คนที่หล่อนรู้จัก แม้ว่าหล่อนจะรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็น คนที่อารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอย แต่คนที่ทำให้เขา โมโหจนถึงขั้นลงมือด้วยตัวเองนั้นเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็น ไม่ต้องพูดหลินอวี้เลย เขาอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงมานาน เสิ่นอีเวย แทบไม่เคยเห็นเขาโมโหจนหน้าแดงแต่ตอนที่เขาเหยียบคน ตอนนั้นแสดงออกถึงความเกลียด เสิ่นอีเวยค่อยๆรู้สึกว่าหากเรื่องยังคงไปต่ออาจจะไม่ สามารถควบคุมมันได้อีก หล่อนเลยบังคับตัวเองให้ยืนขึ้นมือ ซ้ายจับคอเสื้อเชิ้ตของตัวเองไว้แน่น กระดุมเม็ดนั้นมันหลุดไป แล้วหากไม่ระวังก็คงโป๊ออกมาให้เห็น
หล่อนค่อยๆเดินไปยังด้านหน้าของเชิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนมอง เห็นความโกรธของเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนั้นหล่อนก็กลัว หล่อนไม่ เคยเห็นเขาที่เป็นแบบนี้มาก่อน
หล่อนกุมมือเพิ่งจับเฉิงอย่างแผ่วเบา : “เซิ่งเจ๋อเฉิง
พอแล้ว”
สายตาเดือดดาลมองกลับมาอย่างเย็นชา : “คุณเป็นพระ แม่มารีย์หรอ?ถูกคนทำร้ายยังจะขอพูดให้ช่วยเขาอีก?”
เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าเบาๆ หล่อนพบว่าไหล่ตัวเอง กำลังสั่นสะท้าน : “พวกเขาได้รับคำสั่งมาจากคนอื่น -”
หล่อนมองผู้ชายที่อยู่นานอยู่กับพื้นที่เลือดกำลังไหลเปอะ
เปื้อนมือขวาอยู่ : “หยุดทำบาปเถอะ”
“ผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างเธออย่ามาแกล้งฉลาดหน่อยเลย!”
เสียงดังมาจากผู้หญิงด้านหลัง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามอง เป็นหมี่ย่า
เส้นอีเวยรู้สึกประหลาดใจ หล่อนคาดไม่ถึงเลยว่าหมี่ย่า จะไม่ได้หนีไปแถมยังกล้ามาเผชิญหน้ากับพวกเขาอีกในตอนนี้
หมี่ย่าหันไปทางเสิ่นอีเวนต์แล้วหัวเราะเยอะ สายตา เสิ่นอีเวยค่อยๆรู้สึกว่าหากเรื่องยังคงไปต่ออาจจะไม่ สามารถควบคุมมันได้อีก หล่อนเลยบังคับตัวเองให้ยืนขึ้นมือ ซ้ายจับคอเสื้อเชิ้ตของตัวเองไว้แน่น กระดุมเม็ดนั้นมันหลุดไป แล้วหากไม่ระวังก็คงโป๊ออกมาให้เห็น
หล่อนค่อยๆเดินไปยังด้านหน้าของเชิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนมอง เห็นความโกรธของเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนั้นหล่อนก็กลัว หล่อนไม่ เคยเห็นเขาที่เป็นแบบนี้มาก่อน
หล่อนกุมมือเพิ่งจับเฉิงอย่างแผ่วเบา : “เซิ่งเจ๋อเฉิง
พอแล้ว”
สายตาเดือดดาลมองกลับมาอย่างเย็นชา : “คุณเป็นพระ แม่มารีย์หรอ?ถูกคนทำร้ายยังจะขอพูดให้ช่วยเขาอีก?”
เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าเบาๆ หล่อนพบว่าไหล่ตัวเอง กำลังสั่นสะท้าน : “พวกเขาได้รับคำสั่งมาจากคนอื่น -”
หล่อนมองผู้ชายที่อยู่นานอยู่กับพื้นที่เลือดกำลังไหลเปอะ
เปื้อนมือขวาอยู่ : “หยุดทำบาปเถอะ”
“ผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างเธออย่ามาแกล้งฉลาดหน่อยเลย!”
เสียงดังมาจากผู้หญิงด้านหลัง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามอง เป็นหมี่ย่า
เส้นอีเวยรู้สึกประหลาดใจ หล่อนคาดไม่ถึงเลยว่าหมี่ย่า จะไม่ได้หนีไปแถมยังกล้ามาเผชิญหน้ากับพวกเขาอีกในตอนนี้
หมี่ย่าหันไปทางเสิ่นอีเวนต์แล้วหัวเราะเยอะ สายตา แสดงออกถึงความเกลียด : “แกคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าฉันจะกล้า มาเผชิญหน้ากับแก?”
เสิ่นอีเวยพยายามทำใจให้เย็นลง จดจ้องมองพฤติกรรมที่ ฝึกปกติของผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้านหน้า : “หมี่ย่า เรื่องที่เธอถูก ไล่ออก ส่วนใหญ่แล้วมันเกี่ยวข้องกับเธอแต่ตอนนี้เธอกลับมา ล้างแค้นฉัน เธอไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปฟ้องศาลหรอ?” แสดงออกถึงความเกลียด : “แกคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าฉันจะกล้า มาเผชิญหน้ากับแก?”
เสิ่นอีเวยพยายามทำใจให้เย็นลง จดจ้องมองพฤติกรรมที่ ฝึกปกติของผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้านหน้า : “หมี่ย่า เรื่องที่เธอถูก ไล่ออก ส่วนใหญ่แล้วมันเกี่ยวข้องกับเธอแต่ตอนนี้เธอกลับมา ล้างแค้นฉัน เธอไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปฟ้องศาลหรอ?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ