นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 60 เธอไม่ต้องรู้สึกผิด



บทที่ 60 เธอไม่ต้องรู้สึกผิด

เสิ่นหุ้ย เป็นชื่อที่ทำให้คนรู้สึกอ่อนไหว และในเวลานี้เป็น ชื่อที่คั่นกลางระหว่างผู้หญิงที่หยิ่งด้วยกันทั้งคู่

สายตาสวีอันฉิงแพรวพราว มุมปากแสยะยิ้มอย่าง ถากถาง : “เสิ่นอีเวย หลายปีมานี้ เธอคิดว่าพี่สาวเธอจะฟื้นขึ้น มาบ้างไหม?”

เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพัก แล้วถามกลับ : “เธอหมายความว่า ยังไง ?”

“ตอนนี้สภาพเสิ่นหุ้ยเป็นเจ้าหญิงนิทรา วันๆเอาแต่นอน อยู่บนเตียง เธอคิดว่าหล่อนจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน? สิ่งที่หล่อน มีก็แค่หัวใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเท่านั้นแหละ แต่หัวใจของผู้ชาย เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปได้ง่ายที่สุดบนโลกใบนี้ สามปี ห้าปี สิบปี เธอจะกล้ามั่นใจได้ไงว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะรอเสิ่นหุ้ยฟื้นขึ้นมา?”

เสิ่นอีเวยจ้องสวี่อันฉิงแต่ไม่ได้พูดอะไร

สวีอันฉิงเอาหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้เสิ่นอีเวย ระยะห่าง ของทั้งคู่ห่างกันใกล้มาก หล่อนพูดเบาๆ : “หล่อนเป็นเจ้าหญิง นิทรา ฉันจะต้องกลัวอะไร? บนโลกนี้มีแต่เสิ่นอีเวยที่เป็นศัตรู กับฉัน ขอแค่เธอไม่ต่อกรเป็นอริกับฉัน หัวใจของเพิ่งเจ้อเฉิงช้า เร็วฉันก็ได้มันมา”

การจ้องมองของสวี่อันฉิงในตอนนี้ ในใจของเสิ่นอีเวย เกิดเป็นถ้อยคำถากถางอย่างรุนแรง ครั้งนี้แหละ หล่อนต้อง จัดการผู้หญิงที่หยิ่งนี้ให้ได้ บทที่ 60 เธอไม่ต้องรู้สึกผิด

เสิ่นหุ้ย เป็นชื่อที่ทำให้คนรู้สึกอ่อนไหว และในเวลานี้เป็น ชื่อที่คั่นกลางระหว่างผู้หญิงที่หยิ่งด้วยกันทั้งคู่

สายตาสวีอันฉิงแพรวพราว มุมปากแสยะยิ้มอย่าง ถากถาง : “เสิ่นอีเวย หลายปีมานี้ เธอคิดว่าพี่สาวเธอจะฟื้นขึ้น มาบ้างไหม?”

เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพัก แล้วถามกลับ : “เธอหมายความว่า ยังไง ?”

“ตอนนี้สภาพเสิ่นหุ้ยเป็นเจ้าหญิงนิทรา วันๆเอาแต่นอน อยู่บนเตียง เธอคิดว่าหล่อนจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน? สิ่งที่หล่อน มีก็แค่หัวใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเท่านั้นแหละ แต่หัวใจของผู้ชาย เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปได้ง่ายที่สุดบนโลกใบนี้ สามปี ห้าปี สิบปี เธอจะกล้ามั่นใจได้ไงว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะรอเสิ่นหุ้ยฟื้นขึ้นมา?”

เสิ่นอีเวยจ้องสวี่อันฉิงแต่ไม่ได้พูดอะไร

สวีอันฉิงเอาหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้เสิ่นอีเวย ระยะห่าง ของทั้งคู่ห่างกันใกล้มาก หล่อนพูดเบาๆ : “หล่อนเป็นเจ้าหญิง นิทรา ฉันจะต้องกลัวอะไร? บนโลกนี้มีแต่เสิ่นอีเวยที่เป็นศัตรู กับฉัน ขอแค่เธอไม่ต่อกรเป็นอริกับฉัน หัวใจของเพิ่งเจ้อเฉิงช้า เร็วฉันก็ได้มันมา”

การจ้องมองของสวี่อันฉิงในตอนนี้ ในใจของเสิ่นอีเวย เกิดเป็นถ้อยคำถากถางอย่างรุนแรง ครั้งนี้แหละ หล่อนต้อง จัดการผู้หญิงที่หยิ่งนี้ให้ได้ เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างละมุนแล้วเอ่ย : “งั้นฉันก็คงต้องทำให้ เธอผิดหวังแล้วแหละ เซิ่งเจ๋อเฉิงเขาเป็นคนของฉัน ตายไปก็ เป็นผีในอำนาจของฉัน เธออยากจะใช้ถ้อยคำอะไรมาสู้กับฉัน ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้ตามที่หวังไว้แน่”

สวีอันฉิงโมโหอย่างหาที่สุดไม่ได้ ใจของเธอเกลียดจน อยากจะตบหน้าเสิ่นอีเวยสักสองที่ตั้งแต่แรก แต่ว่าตอนนี้อยู่ใน ออฟฟิศ ข้างนอกก็มีคนคอยดูความสนุกอยู่ ในใจเธอบอกว่า อย่าหุนหันพลันแล่นไป อย่าลุกลี้ลุกลน

มุมปากของหล่อนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย : “ได้ ฉันบอกเธอ แล้วนะ เรื่องในวันนี้ฉันจำไว้แล้ว ความแค้นนี้ ช้าเร็วฉันก็ต้อง เอาคืน”

ดวงตาเสิ่นอีเวยจ้องมองสวีอันฉิงตรงๆ สีหน้าอารมณ์ ปกติธรรมดาไม่ได้แสดงอาการกลัวแต่ใดๆ สายตาคู่นั้นเต็มไป ด้วยพลังที่มหาศาลและการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว : “ฉันจะบอก เธอให้นะว่าเรื่องระหว่างความแค้นเรามันเพิ่งเริ่มต้น”

หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานของเสิ่นอีเวย สายตา ของทั้งออฟฟิศก็จับจ้องมายังสวี่อันฉิงเพื่อค้นหาทุกสิ่งทุกอย่าง ในนั้น

เมื่อกี้เพิ่งถูกเสิ่นอีเวยหักหน้าไป ตอนนี้อารมณ์ของเธอแย่ สุดๆ ยิ่งเห็นคนรอบข้างใช้สายตามองค้นหาเธออีกยิ่งทำให้ เธอโมโหหนักเข้าไปอีก : “มองอะไร มีอะไรให้น่าดูหรอ!”

ในห้องทำงานของเส้นอีเวยใต้ยินเสียงของสรีอันจิงที่แพ้ เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างละมุนแล้วเอ่ย : “งั้นฉันก็คงต้องทำให้ เธอผิดหวังแล้วแหละ เซิ่งเจ๋อเฉิงเขาเป็นคนของฉัน ตายไปก็ เป็นผีในอำนาจของฉัน เธออยากจะใช้ถ้อยคำอะไรมาสู้กับฉัน ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้ตามที่หวังไว้แน่”

สวีอันฉิงโมโหอย่างหาที่สุดไม่ได้ ใจของเธอเกลียดจน อยากจะตบหน้าเสิ่นอีเวยสักสองที่ตั้งแต่แรก แต่ว่าตอนนี้อยู่ใน ออฟฟิศ ข้างนอกก็มีคนคอยดูความสนุกอยู่ ในใจเธอบอกว่า อย่าหุนหันพลันแล่นไป อย่าลุกลี้ลุกลน

มุมปากของหล่อนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย : “ได้ ฉันบอกเธอ แล้วนะ เรื่องในวันนี้ฉันจำไว้แล้ว ความแค้นนี้ ช้าเร็วฉันก็ต้อง เอาคืน”

ดวงตาเสิ่นอีเวยจ้องมองสวีอันฉิงตรงๆ สีหน้าอารมณ์ ปกติธรรมดาไม่ได้แสดงอาการกลัวแต่ใดๆ สายตาคู่นั้นเต็มไป ด้วยพลังที่มหาศาลและการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว : “ฉันจะบอก เธอให้นะว่าเรื่องระหว่างความแค้นเรามันเพิ่งเริ่มต้น”

หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานของเสิ่นอีเวย สายตา ของทั้งออฟฟิศก็จับจ้องมายังสวี่อันฉิงเพื่อค้นหาทุกสิ่งทุกอย่าง ในนั้น

เมื่อกี้เพิ่งถูกเสิ่นอีเวยหักหน้าไป ตอนนี้อารมณ์ของเธอแย่ สุดๆ ยิ่งเห็นคนรอบข้างใช้สายตามองค้นหาเธออีกยิ่งทำให้ เธอโมโหหนักเข้าไปอีก : “มองอะไร มีอะไรให้น่าดูหรอ!”

ในห้องทำงานของเส้นอีเวยใต้ยินเสียงของสรีอันจิงที่แพ้ แล้ว โมโห ใบหน้าของเธอยิ้มอย่างพอใจ

สีหน้าสลดใจของหมี่ย่าที่นั่งอยู่ข้างๆมองสวี่อันฉิงที่โมโห จนเป็นสภาพนี้แล้ว หล่อนก็คาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องที่ จะยกเลิกคำสั่งลาออกคงไม่มีทางเป็นไปได้แล้วยิ่งใกล้จะเลิก งานแล้วด้วย หมี่ย่าเก็บของภายใต้สายตาของทุกคนแล้วเดิน ไปทางประตูขนาดใหญ่

ตอนที่เธอเดินผ่านห้องทำงานของเสิ่นอีเวย หมี่ย่าหยุดพัก ด้านหลังของเธอคือพนักงานทุกคนเพราะฉะนั้นเลยไม่มีใครได้ เห็นสายตาอันน่าสยดสยองของหล่อน ก็เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ การล้างแค้นที่มันกำลังเพาะลงไปในหัวใจของหล่อน

หนึ่งทุ่ม เสิ่นอีเวยยังคงนั่งทำงานวุ่นอยู่ในห้องทำงานดู เหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปไหน เพราะหล่อนต้องการใช้เวลาที่ เพิ่งเข้ามาทำงานนี้ จัดการการออกแบบชุดแต่งงานของฝ่าย ออกแบบที่จะได้ทำออกมาให้ชัดเจนสำหรับการวางแผนข้าง หน้า หากหวังว่าจะได้อะไรที่มีประโยชน์จากศัตรูอย่างสวี่อันฉิง เชื่อได้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งนักออกแบบคนอื่นหล่อนก็ ไม่ได้เข้าใจอะไรกันมากนัก เลยไม่มีวิธีไหนได้แต่อาศัยตัวเองนี่ แหละ ตอนที่กำลังเปิดต้นฉบับของรูปออกแบบนั้น ห้องทำงาน ก็ถูกเปิดออก เสิ่นอีเวยนึกว่าเป็นสวี่อันฉิง หล่อนไม่ได้เงยหน้า ขึ้นแต่พูดไปว่า : “หัวหน้าสวีจะหาเรื่องมาก่อกวนอะไร พรุ่งนี้ ค่อยมาใหม่นะ ฉันจะเลิกงานแล้ว”

หล่อนไม่ได้ยินเสียงที่ยืนอยู่ปากประตูตอบกลับ เลยสังสัย

จึงได้เงยหน้าขึ้น แล้ว โมโห ใบหน้าของเธอยิ้มอย่างพอใจ

สีหน้าสลดใจของหมี่ย่าที่นั่งอยู่ข้างๆมองสวี่อันฉิงที่โมโห จนเป็นสภาพนี้แล้ว หล่อนก็คาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องที่ จะยกเลิกคำสั่งลาออกคงไม่มีทางเป็นไปได้แล้วยิ่งใกล้จะเลิก งานแล้วด้วย หมี่ย่าเก็บของภายใต้สายตาของทุกคนแล้วเดิน ไปทางประตูขนาดใหญ่

ตอนที่เธอเดินผ่านห้องทำงานของเสิ่นอีเวย หมี่ย่าหยุดพัก ด้านหลังของเธอคือพนักงานทุกคนเพราะฉะนั้นเลยไม่มีใครได้ เห็นสายตาอันน่าสยดสยองของหล่อน ก็เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ การล้างแค้นที่มันกำลังเพาะลงไปในหัวใจของหล่อน

หนึ่งทุ่ม เสิ่นอีเวยยังคงนั่งทำงานวุ่นอยู่ในห้องทำงานดู เหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปไหน เพราะหล่อนต้องการใช้เวลาที่ เพิ่งเข้ามาทำงานนี้ จัดการการออกแบบชุดแต่งงานของฝ่าย ออกแบบที่จะได้ทำออกมาให้ชัดเจนสำหรับการวางแผนข้าง หน้า หากหวังว่าจะได้อะไรที่มีประโยชน์จากศัตรูอย่างสวี่อันฉิง เชื่อได้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งนักออกแบบคนอื่นหล่อนก็ ไม่ได้เข้าใจอะไรกันมากนัก เลยไม่มีวิธีไหนได้แต่อาศัยตัวเองนี่ แหละ ตอนที่กำลังเปิดต้นฉบับของรูปออกแบบนั้น ห้องทำงาน ก็ถูกเปิดออก เสิ่นอีเวยนึกว่าเป็นสวี่อันฉิง หล่อนไม่ได้เงยหน้า ขึ้นแต่พูดไปว่า : “หัวหน้าสวีจะหาเรื่องมาก่อกวนอะไร พรุ่งนี้ ค่อยมาใหม่นะ ฉันจะเลิกงานแล้ว”

หล่อนไม่ได้ยินเสียงที่ยืนอยู่ปากประตูตอบกลับ เลยสังสัย

จึงได้เงยหน้าขึ้น ที่แท้ก็เพิ่งเจ๋อเฉิง

เสิ่นอีเวยตกใจ : “คุณมาได้ยังไง?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆก้าวเท้าไปยังด้านหน้าของเสิ่นอีเวย

“ฉันมาดูผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบว่าทำงานวันแรกสภาะ จิตใจเป็นยังไงบ้าง ดูแล้วก็ยังไหวอยู่”

เสิ่นอีเวยฟังคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ ตอนบ่ายเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เลยตามไปตามนั้น : “รู้สึกว่า ก็ได้อยู่นะ ต้องขออภัยท่านประธานด้วยค่ะที่ดิฉันกลั่นแกล้งนัก ออกแบบมือทองของพวกคุณ”

“อื้อ เธอถูกฉันไล่ออกไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่มาทำงานแล้ว

แหละ”

เสิ่นอีเวยสีหน้าตกใจและไม่มีอากัปกิริยาตอบโต้ใดๆ : “คุณพูดว่าอะไรนะ? หมี่ย่าถูกคุณไล่ออกแล้วหรอ?”

เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ เขานั่งสบายๆบนโซฟามุมห้อง : “ไม่ใช่ว่าเธออยากไล่หล่อนออกหรอ? ฉันก็แค่ช่วยเธอแค่นั้น แหละ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกน่า”

เสิ่นอีเวยโมโหสุดๆ: “ใครอยากให้คุณช่วยกัน ? วันนี้ที่

ฉันพูดว่าเซิ่งชื่อไม่อนุมัติให้หล่อนทำงานที่นี่แล้วก็เพื่อขู่หล่อน เท่านั้นเอง เพื่อจะได้ละลายพฤติกรรมความหยิ่งลงบ้างเท่านั้น เอง อีกอย่างหล่อนเป็นนักออกแบบมือทองของฝ่ายออกแบบ ของที่นี่ ฉันไม่อยากเพื่อฉันแล้วเราจะต้องสูญเสียนักออกแบบ มือทองคนสำคัญออกไป ที่ไหนได้คุณนี่แสนดี ไม่พูดอะไรสักคำ ที่แท้ก็เพิ่งเจ๋อเฉิง

เสิ่นอีเวยตกใจ : “คุณมาได้ยังไง?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆก้าวเท้าไปยังด้านหน้าของเสิ่นอีเวย

“ฉันมาดูผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบว่าทำงานวันแรกสภาะ จิตใจเป็นยังไงบ้าง ดูแล้วก็ยังไหวอยู่”

เสิ่นอีเวยฟังคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ ตอนบ่ายเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เลยตามไปตามนั้น : “รู้สึกว่า ก็ได้อยู่นะ ต้องขออภัยท่านประธานด้วยค่ะที่ดิฉันกลั่นแกล้งนัก ออกแบบมือทองของพวกคุณ”

“อื้อ เธอถูกฉันไล่ออกไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่มาทำงานแล้ว

แหละ”

เสิ่นอีเวยสีหน้าตกใจและไม่มีอากัปกิริยาตอบโต้ใดๆ : “คุณพูดว่าอะไรนะ? หมี่ย่าถูกคุณไล่ออกแล้วหรอ?”

เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ เขานั่งสบายๆบนโซฟามุมห้อง : “ไม่ใช่ว่าเธออยากไล่หล่อนออกหรอ? ฉันก็แค่ช่วยเธอแค่นั้น แหละ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกน่า”

เสิ่นอีเวยโมโหสุดๆ: “ใครอยากให้คุณช่วยกัน ? วันนี้ที่

ฉันพูดว่าเซิ่งชื่อไม่อนุมัติให้หล่อนทำงานที่นี่แล้วก็เพื่อขู่หล่อน เท่านั้นเอง เพื่อจะได้ละลายพฤติกรรมความหยิ่งลงบ้างเท่านั้น เอง อีกอย่างหล่อนเป็นนักออกแบบมือทองของฝ่ายออกแบบ ของที่นี่ ฉันไม่อยากเพื่อฉันแล้วเราจะต้องสูญเสียนักออกแบบ มือทองคนสำคัญออกไป ที่ไหนได้คุณนี่แสนดี ไม่พูดอะไรสักคำ ก็ไล่ออกไปแล้ว ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าอยู่ดีๆก็จับทางเสิ่นอีเวยไม่ถูกจริงๆว่า ในสมองคิดไรอยู่ รู้แค่ว่าเสิ่นอีเวยในตอนนี้เหมือนได้ของถูก แถมยังเล่นกับความรู้สึกได้ด้วย

“ฉันเป็นคนร้าย ฉันยังไม่ได้บอกเลยแล้วมาโทษฉันขึ้นมา เสิ่นอีเวย ใครให้เธอกล้าขึ้นมาได้เนี่ย?” เสิ่นอีเวยฟังจากน้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วรับรู้ได้เลยว่า

เขาไม่ได้โกรธ เขาก็แค่ใช้หน้าตาท่าทางเคร่งขรึมแบบนี้เป็น

ประจำเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ

“พฤติกรรมการแสดงออกของเธอในวันนี้ไม่ใช่ตัวตน ปกติของเธอ ตามที่ฉันจับความรู้สึกได้ เจ้านายเขาคนก่อนคือ สวีอันฉิงเป็นคนแนะนำมาไม่งั้นหล่อนคงไม่ให้ความเคารพกับ ฉันได้ขนาดนั้น ฉันไม่คิดว่าจะเอาเรื่องพวกนี้มาโทษหล่อน ฉัน อยากจะแสดงให้หล่อนเห็นที่หล่อนแสดงนิสัยแบบนั้นกับฉัน หลังแค่ว่าต่อไปความเจ้ายศเจ้าอย่างของหล่อนเก็บๆลงไปบ้าง แล้วก็สามารถทำงานร่วมกับฉันได้ก็พอแล้ว”

เสิ่นอีเวยไม่ได้คิดจริงๆว่าเรื่องความสัมพันธ์พนักงาน เล็กๆจะทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงสนใจขึ้นมา แถมยังคิดไม่ถึงว่าเขาจะ ไล่หมี่ยาออกจริงๆ หล่อนรู้สึกว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่ไปหน่อย แล้วแหละ

เพิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองเธอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาแบบนั้น มันทำให้เส้นอีเวยรู้สึกอบอุ่นอยู่สักพัก ก็ไล่ออกไปแล้ว ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าอยู่ดีๆก็จับทางเสิ่นอีเวยไม่ถูกจริงๆว่า ในสมองคิดไรอยู่ รู้แค่ว่าเสิ่นอีเวยในตอนนี้เหมือนได้ของถูก แถมยังเล่นกับความรู้สึกได้ด้วย

“ฉันเป็นคนร้าย ฉันยังไม่ได้บอกเลยแล้วมาโทษฉันขึ้นมา เสิ่นอีเวย ใครให้เธอกล้าขึ้นมาได้เนี่ย?” เสิ่นอีเวยฟังจากน้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วรับรู้ได้เลยว่า

เขาไม่ได้โกรธ เขาก็แค่ใช้หน้าตาท่าทางเคร่งขรึมแบบนี้เป็น

ประจำเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ

“พฤติกรรมการแสดงออกของเธอในวันนี้ไม่ใช่ตัวตน ปกติของเธอ ตามที่ฉันจับความรู้สึกได้ เจ้านายเขาคนก่อนคือ สวีอันฉิงเป็นคนแนะนำมาไม่งั้นหล่อนคงไม่ให้ความเคารพกับ ฉันได้ขนาดนั้น ฉันไม่คิดว่าจะเอาเรื่องพวกนี้มาโทษหล่อน ฉัน อยากจะแสดงให้หล่อนเห็นที่หล่อนแสดงนิสัยแบบนั้นกับฉัน หลังแค่ว่าต่อไปความเจ้ายศเจ้าอย่างของหล่อนเก็บๆลงไปบ้าง แล้วก็สามารถทำงานร่วมกับฉันได้ก็พอแล้ว”

เสิ่นอีเวยไม่ได้คิดจริงๆว่าเรื่องความสัมพันธ์พนักงาน เล็กๆจะทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงสนใจขึ้นมา แถมยังคิดไม่ถึงว่าเขาจะ ไล่หมี่ยาออกจริงๆ หล่อนรู้สึกว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่ไปหน่อย แล้วแหละ

เพิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองเธอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาแบบนั้น มันทำให้เส้นอีเวยรู้สึกอบอุ่นอยู่สักพัก “เธอไม่ต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ไปทั้งหมด แม้ว่าฉันน้อยครั้ง นักที่จะยุ่งกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแผนกต่างๆ แต่เรื่องนิสัยการ ทำงานของพนักงานทุกคนฉันพอรู้เรื่องอยู่บ้าง หมี่ย่าคนนั้น ทำงานได้โดดเด่น แต่ที่ฉันรู้มา ในความเป็นจริงแล้วชอบ วางตัวเป็นใหญ่ดูถูกคนอื่นไปทั่ว มีช่วงที่แผนกออกแบบได้ให้ คนมาใหม่หล่อนไป หล่อนก็ไม่ค่อยใจเย็นกับคนมาใหม่สักเท่า ไหร่ แถมยังหาเรื่องพวกนี้ในออฟฟิศอยู่บ่อยครั้ง ก็ไม่รู้ว่าไป เรียนมาจากใคร คนแบบนี้เอาไว้ในบริษัทก็ปลาเน่า เลยรีบไล่ ออกไปก็ไม่มีอะไรแล้ว” “เธอไม่ต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ไปทั้งหมด แม้ว่าฉันน้อยครั้ง นักที่จะยุ่งกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแผนกต่างๆ แต่เรื่องนิสัยการ ทำงานของพนักงานทุกคนฉันพอรู้เรื่องอยู่บ้าง หมี่ย่าคนนั้น ทำงานได้โดดเด่น แต่ที่ฉันรู้มา ในความเป็นจริงแล้วชอบ วางตัวเป็นใหญ่ดูถูกคนอื่นไปทั่ว มีช่วงที่แผนกออกแบบได้ให้ คนมาใหม่หล่อนไป หล่อนก็ไม่ค่อยใจเย็นกับคนมาใหม่สักเท่า ไหร่ แถมยังหาเรื่องพวกนี้ในออฟฟิศอยู่บ่อยครั้ง ก็ไม่รู้ว่าไป เรียนมาจากใคร คนแบบนี้เอาไว้ในบริษัทก็ปลาเน่า เลยรีบไล่ ออกไปก็ไม่มีอะไรแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ