นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 330เสิ่นอีเวยสติหลุด



บทที่ 330เสิ่นอีเวยสติหลุด

บทที่ 330 เสิ่นอีเวยสติหลุด

ยิ่งเห็นอมั่นมั่นแสดงอารมณ์หยิ่งจองหอง ความโกรธที่ อยู่ในใจที่มีมันถึงจุดสูงสุดอย่างเต็มที่ เธอเข้าใจตัวเองอย่าง ชัดเจนที่สุด เหมียนเหมียนกลายเป็นข้อต่อรองที่อยู่ในมือของ สวีเส้าเหิงกับอมั่นมั่นไปซะแล้ว พวกเขาอยากจะใช้เหมือนเห มียนมาบีบบังคับให้เธออ่อนข้อลง

ทว่าพวกเขาคงลืมไปแล้วมั้งว่าหล่อนคือเงินอีเวยจะมา จัดการประนีประนอมง่ายๆแล้วก็ปล่อยไปหรอ

พูดกันด้วยหลักการแล้วไม่สามารถคุยกันรู้เรื่อง งั้นอย่า มาโทษเธอก็แล้วกันที่เธอต้องอาละวาดออกมา

เมื่อคิดได้นั้น เป็นอีเวยก็ไม่คิดที่จะเสวนากับคนอย่างอ มั่นมั่นต่อ เธอค่อยๆคลายมือที่อยู่บนปกเสื้อของอีกฝ่ายลงบ้าง แล้วยืนขึ้นสำรวจบริเวณโดยรอบ ทุกคนต่างเห็นว่าหล่อนกำลัง ควานหาของอะไรบางอย่างอยู่ ทว่ารังสีความโกรธที่แผ่ออก มาทั้งตัวนั้นค่อนข้างรุนแรง แทบไม่มีใครกล้าที่จะหยุดเธอเลย และอีกอย่างแทบไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้หล่อนด้วยซ้ำ

สายตาของเสิ่นอีเวยไปหยุดที่มุมห้องหนึ่ง ตรงนั้นมันมี ท่อนเหล็กครึ่งท่อนวางไว้อยู่ ความยาวประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้ หล่อนแทบไม่ลังเลเลยเดินสาวเท้าไปหยิบแท่งเหล็ก นั้นขึ้นมา แล้วเอามาสะบัดในอากาศอยู่สองครั้ง คือ ลักษณะ เหมือนกำลังเหมาะมือพอดี

ยิ่งตอนที่หันศีรษะกลับมานั้นสีหน้าของเงินอีเวยแทบไม่ ได้แสดงอาการใดๆออกมาเลย สายตาที่ทอดออกมานั้นช่าง เย็นยะเยือกอย่างมาก หากคนอื่นมองมันเหมือนกับการก่อ สงครามเย็นแบบนั้น

เงินอีเวยมุ่งหน้าไปทางอมั่นมั่น ในมือของเธอมีอาวุธ ติดมือมาด้วย อมั่นมั่นรู้สึกเหมือนว่ามีรังสีอันตรายเข้ามา ใกล้ตน ยามเมื่อเงินอีเวยค่อยเดินเข้ามาใกล้เขาทุกที เขา แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่พร้อมทั้งหันไปทางสวี่เส้าเหิงเพื่อจะ ซุกหลบในอ้อมกอดของเขา

ทว่าทางด้านสวีเส้าเทิงเองล่ะ? ตอนนี้เขาเห็นเป็นอีเวณที่มี อาการออกมาดังกล่าวจนเขาหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เขา เป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับหล่อนมานาน เลยรู้ว่านิสัยตัวตนที่แท้ จริงของอีกฝ่ายเป็นคนหัวดื้อมาก เขาไม่ใช่ว่าคนที่ไม่รู้จักตัว คนหล่อนซะที่ไหนล่ะ

จากการที่เห็นในมือของหล่อนมีท่อนเหล็กที่ความหนา ขนาดเท่ากับข้อมือ ในตอนนั้น ในใจสวีเส้าเหิงก็พอจะเดาได้ว่า หล่อนอยากจะทําอะไร

ถ้าจะโทษก็โทษผู้หญิงโง่ๆคนข้างๆเขานี่แหละ! ถ้าไม่พู ดมั่วๆออกไป จะทำให้เสื่นอีเวยสติแตกจนโมโหจนถึงขนาดนี้หรอ!

สวีเส้าเหงอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด แต่ จากสายตาของเงินอีเวณที่ต้องออกมานั้น เขาแทบไม่กล้าพูด ประโยคนั้นออกมา

เงินอีเวยยื่นมือด้านซ้ายออกมาแล้วลากแขนเรียวยาวขอ งอมั่นมั่น แค่ใช้แรงนิดเดียว ตัวทั้งตัวของฝ่ายตรงข้ามก็ถูก ลากมาพื้นที่ว่างๆ ด้านข้าง ส่วนพวกลูกสมุนปากมากพวกนั้น ก็ได้แต่กรูถอยหลังไปตามๆกัน

ปีก!”

ดวงตาของเงินอีเวยแทบไม่ได้กระพริบสักครั้ง หล่อนใช้ ท่อนเหล็กอันนั้นฟาดลงบนหลังอมั่นมั่นเข้าอย่างจัง แทบไม่ ได้ออมแรงเอาไว้เลย

“โอ้ย!” เสียงอมั่นมั่นกรีดร้องดังลั่นออกมาจากในห้อง ยิ่งคนที่ได้ยินต่างกังวลใจกันทั่ว ขนาดหัวโจกหัวล้านเหม่งที่นั่ง อยู่บนเก้าอี้คนนั้นที่กำลังคอยดูละครเด็ดอยู่ พอเห็นว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันช่างรุนแรงขึ้น เขาถึงกับนั่งขมวดคิ้วอยู่ ตลอด

ท่อนเหล็กนะไม่ใช่ท่อนไม้ พอฟาดลงไปมันเจ็บแสบติด เนื้อเลยแหละ แถมตอนนี้เป็นฤดูร้อนอีกด้วย ทุกคนต่างสวม ใส่เสื้อผ้าที่เบาบาง เมื่อครู่ที่อมั่นมั่นโดนท่อนเหล็กฟาดไปที่ หนึ่งนั้น คงเจ็บน่าดูแค่คิดตามก็พอจะรู้แล้ว
ที่นี่เป็นโรงงานร้าง ส่วนของที่กลาดเกลื่อนอยู่ก็จะเป็น ของที่นี่ที่ไม่ใช้แล้วหรือของเก่าพวกนั้น ที่เป็นเวย ก็เพราะว่า เมื่อครูที่เธอจับท่อนเหล็กขึ้นมานั้นมันมีสนิมอยู่เต็มไปหมด ยิ่ง ตอนที่เธอใช้แรงฟาดหล่อนไปนั้น เธอรับรู้ได้ทันทีว่าสนิมที่อยู่ บนท่อนเหล็กนั้น เวลาสัมผัสกับมือช่างรู้สึกไม่สบายมือเท่าไหร่ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ เธอแทบไม่รู้สึกว่ามันเจ็บ

หลังจากที่หล่อนไปหนึ่งที่ เสิ่นอีเวยถึงได้กลายมือลง เพราะเธอมีคำถามที่อยากจะถามหล่อนอยู่ น้ำเสียงของเธอ หากฟังดูแล้วก็สงบนิ่งเป็นปกติดี แต่ไม่มีใครรู้ว่า ในหัวใจของ เธอนั้นมันหวาดกลัวขนาดไหน หวาดกลัวว่าเหมียนเหมือนจะ ได้รับอันตราย “ลูกสาวฉันล่ะ?” เธอถามอย่างนิ่งๆ

หลังจากการโดนเสิ่นอีเวยฟาดเข้าอย่างแรง ผู้หญิงคน หนึ่งจะไปทนกับความเจ็บเมื่อครู่นี้ได้ยังไง ร่างกายของมัน มั่นหมดเรี่ยวแรงหล่นไปกองอยู่ที่พื้น ส่วนบริเวณด้านหลังที่ โดนฟาดนั้นมันทั้งเจ็บแสบร้อนเหมือนไฟลุกเผาไหม้แบบนั้น ความรู้สึกแบบนั้น มันเหมือนว่าผิวหนังถูกคนแร่ออกเป็นชิ้นๆ แบบ น

อมั่นมั่นที่ยังคงกองอยู่ที่พื้นร้องโอดโอยอย่าไม่สนใจ สายตาผู้คนเลย แทบจะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ ตอนนั้นเอง เสี นอีเวยแทบจะเดือดอย่างที่สุด เลยถามย้ำอีกครั้ง “ฉันถามเธอ อีกครั้ง ลูกสาวฉันล่ะ?”

สวีเส้าเพิ่งเห็นอมั่นมั่นที่เจ็บจนนอนกองอยู่ที่พื้นกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมายังแทบไม่มี เขาเริ่มอ่อนลง จะพูดยังไงดีล่ะ ก็เคยเป็นคนที่เคยคบกันมาก่อนแล้วมาถูกที่แถมสภาพแย่ ขนาดนี้ จะให้เขาเงียบต่อไปไม่พูดอะไรเลยสักคำเลยหรือ

“อีเวย อมั่นมั่นถึงยังไงก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง นะ เธอลงมือเอาซะหนักขนาดนี้ได้ยังไงกัน!” สวีเส้าเชิงพูดสวน เงินอีเวย ส่วนเงินอีเวยก็เบนสายตากลับมาที่ตัวเขาแทน

การกระทําของเงินอีเวยแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แค่หันมาค้อนขวับใส่สวีเส้าเทิง “ทำไม ปวดใจแล้วหรอ? หรือ ว่าคุณจะมารับแทนเธอล่ะ?”

สวีเส้าเหิง: “………..

ค่าพูดที่เสิ่นอีเวยพูดออกไปคนที่อยู่ในห้องนั้นแทบไม่มี ใครกล้าส่งเสียงอีกเลย

บริเวณมุมปากเสิ่นอีเวยกระดกขึ้นแสดงอาการยิ้ม ถากถางออกมา แต่หล่อนก็ต้องเป้าไปที่สวีเส้าเพิ่งแทนแล้ว โพล่งคำพูดออกมา : “ขยะสังคม

สวีเส้าเหิงขมวดคิ้วแน่น จะยังไงก็แล้วแต่เขาก็เป็นผู้ชาย จะมาทนให้ผู้หญิงด่าสาดเสียเทเสียอย่างนี้ได้ยังไงกัน ขยะ สังคมนั้นหรอ? แต่ตอนนี้เขาถูกมัดมือใดเท้าไว้แบบนี้ ทำอะไร ก็ไม่ได้

เดิมทีก็คิดว่าหลอกเรื่องเงินของเสิ่นอีเวยจะเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ เรื่องมันจะกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้

อวีมั่นมั่นนอนกองอยู่ที่พื้นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด หล่อนเจ็บจนไม่สามารถมีเสียงออกมา

ทว่าเป็นอีเวยไม่สนใจเรื่องอื่น คนพวกนี้มากล้าแหย่ หลอกลวงหล่อนก่อน แถมผู้หญิงหน้าด้านยังกล้าแตะต้อง ลูกสาวที่หล่อนรักสุดหัวใจของเธออีก ใครจะยอมเรื่องนี้ง่ายๆ ละ

มือขวาของเงินอีเวยหยิบท้อนเหล็กอันนั้นมา แล้วหล่อนก็ นั่งยองๆข้างอมั่นมั่นโดยเอาขาขึ้นมาหนึ่งข้าง แล้วเอ่ยพูด อย่างเยือกเย็น: “คุณอมั่นมั่นใช่ไหมคะ? คือเราต่างก็เป็น ฉลาดเหมือนกัน การที่ฉันมาออกมาแสดงพฤติกรรมทำร้ายคน อื่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเอาซะเลย แต่ว่าฉันพูดกับแกดีๆแล้ว แต่ไม่ ยอมฟังเอง ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะทนอะไรได้ขนาดนั้น ที่ทำได้ก็แค่ จัดการลงมือแกต่อ หากฉันยังไม่ได้ยินคำตอบที่ฉันต้องการ หากแกไม่ว่าอะไร ฉันก็จัดการแกต่อเรื่อยๆ

มันเป็นประโยคที่แสดงความน่ากลัวเอามาก ทว่าคำพูดที่ พูดออกมาจากเงินอีเวณนั้น หล่อนพูดนิ่งๆ น้ำเสียงก็ดูนิ่งๆเช่น กัน เหมือนกับพูดคุยเรื่องสภาพอากาศวันนี้เลย

“พูด! ลูกสาวฉันอยู่ไหน!

เสิ่นอีเวยที่กำลังโมโหอย่างเดือดดาล หล่อนเอาท่อน เหล็กฟาดอีกครั้ง หล่อนทราบดีว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นคือผู้หญิง เหมือนกับเธอ แต่ว่ามาทำเรื่องทุเรศจับลูกสาวเธอเรียกค่าไถ่มักจะเป็นผู้หญิงเสมอเลย เธอไม่มีความอดทนที่จะไปสนใจใย ตีพูดดีๆกับพวกมัน

ส่วนด้านไอ้หัวใจกหัวล้านเหน่งนั่น เห็นสภาพเป็นเวย โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนตาแดงแบบนั้น แถมเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ยิ่งต่อความยาวสาวความยึดไปเรื่อยตัวเองก็ไม่สามารถ ควบคุมได้ เลยพยายามพูดวกกลับเรื่องเงินขึ้นมาแทน ถ้าได้ ตามเป้าที่กำหนดไว้ก็จะได้ปล่อยคนไปสักที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ