บทที่ 322 ในจิตใจเริ่มสั่นไหว
บทที่ 322 ในจิตใจเริ่มสั่นไหว
พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยที่มีความคิดหนักอก ก็เริ่มมีการ
ผ่อนคลายลงไป
เธอนั้นได้ให้เหมียนเหมือนสัมผัสกับสวีเส้าเพิ่งนั้นได้ไม่ นาน แต่เรื่องราวก็กลับมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่เธอนั้น คาดไม่ถึงก็คือ เรื่องราวผ่านมาก็นานโขแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่า เธอนั้นกลับเชื่อในการตัดสินใจของเด็กสาวอายุสี่ขวบ
วันนี้เวลาก็ดึกมากแล้ว เพราะเนื่องจากบริษัทนั้นได้ทำ โปรเจ็คใหม่ ดังนั้นเงินอีเวยก็เลยต้องทําพวกเอกสาร คนที่ เป็นหัวหน้าการออกแบบนั้น จะต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบ มากมายอยู่แล้ว
ดังนั้นการทำโอที เลยทำให้เวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มกว่า เงินอีเวยได้ทำการจัดเอกสารเป็นที่เรียบร้อย กำลังจะลุกไป หยิบเสื้อ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
เงินอีเวยได้เห็นโทรศัพท์แล้วขึ้นชื่อว่า “สวีเส้าเทิง” ทันใด นั้นก็รู้สึกมีความตื่นเต้นตกใจ ไม่ใช่เพราะทั้งสองนั้นทะเลาะ แต่เป็นเพราะว่าช่วงนี้สวีเส้าเพิ่งกำลังจะขอเธอแต่งงาน เ นอีเวยยังไม่ได้มีการเตรียมพร้อมอะไรสักอย่างเลย
ความรักของทั้งสองนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว แต่เสิ่นอีเวย ยังไม่ได้ไว้วางใจอะไรกับผู้ชายคนนี้มากนัก แต่เธอก็ไม่อาจจะ พูดเหตุผลออกมาได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เหมียนเหมือนที่ มีความรู้สึกเมื่ออยู่ในสวีเส้าเทิง ก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลง อะไร
หากพูดไปอีกประโยคก็คือว่า เหมียนเหมียนนั้นไม่ได้ชอบ สวีเส้าเหิงเลย เรื่องนี้ เป็นอีเวยก็ได้เคยพูดคุยกับหยางอันตรา นอยู่บ้าง เธอพูดว่าเหมียนเหมียนนั้นไม่ได้ชอบในตัวของส เส้าเหิง
ดังนั้น ในเมื่อยังไม่สามารถที่จะตัดสินแน่นอนได้ว่าเหมือน เหมียนมีความรู้สึกกับสวีเส้าเพิ่งอย่างไร เป็นเวยก็ยังไม่ได้ คิดจะตอบรับการขอแต่งงานของเขา เพราะเป็นเช่นนี้ เธอเลย ไม่ได้เคารพการเหมียนเหมียนและสวีเส้าเพิ่ง
ดังนั้นการที่พบกับสวีเส้าเหิงแล้วพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตใน อนาคต เงินอีเวยก็ไม่ได้มีความรู้สึกน่าสนใจอะไร เพราะว่า ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ก็ยังไม่ได้จะให้ไปไกลขนาดนั้น
สวี่เส้าเชิงพูดในโทรศัพท์ว่า “อีเวย คุณยุ่งอยู่ไหม ?
เสิ่นอีเวยได้ใส่เสื้ะไรขนสั้นอผ้าแล้วก็พูดว่า “ใช่แล้ว ช่วง นี้บริษัทงานเยอะ ทำโอทีตั้งหลายวัน
สองคนนี้พูดคุยกันเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ดู แล้วเหมือนกับความสัมพันธ์ที่ธรรมดา
“พรุ่งนี้ตอน ทานข้าวด้วยกันไหม คุณก็อาศัยช่วงนี้พัก ผ่อนสักหน่อย พวกเราก็ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว ” เสียงที่ เต็มไปด้วยความร่าเริงและเฝ้าคอย
“แล้วก็ไปฟังดนตรีกันไหม ?” สวีเส้าเทิงไม่ได้เห็นเสี
นอเวยตอบ ก็เลยถามไปต่อ
เงินอีเวยคิดอยู่สักครู่ ตอนที่กำลังจะเดินออกจากห้อง ทำงาน แล้วได้มองไปยังเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ แล้วพูดว่า “ทานข้าวได้แน่นอน แต่ฟังดนตรีคงไม่ไปแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่อง ราวมากมายที่ต้องทำ คุณรู้อยู่แล้ว ตอนนี้โปรเจ็คใหม่ที่กำลัง จะจัดขึ้นแล้ว
สวีเส้าเหิงไม่ได้เพราะเสิ่นอีเวยไม่ไปฟังดนตรีแล้วเสียใจ น้ำเสียงที่ธรรมดาว่า “งั้นก็ได้ กินข้าวสักมื้อ คิดถึงคุณ
คนซื่อตรงอย่างสวีเส้าเหิงนั้น เสิ่นอีเวยก็ชนชามาแล้ว ดัง นั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่พอปิดประตูห้องทำงาน ก็คิด อะไรขึ้นมาได้ทันใด เสิ่นอีเวยสงสัยแล้วถามว่า “แต่ว่าทำไม อยู่ดีดีก็อยากไปฟังดนตรีล่ะ ? หรือว่าคุณชอบในสิ่งพวกนี้หรอ ?”
ความจริงไม่ใช่เป็นการเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม แต่เป็น เพราะว่าความชอบไม่เหมือนกัน
ถึงแม้สองคนนี้ความสัมพันธ์จะไม่ได้ใกล้ชิดอะไรขนาด นั้น แต่ในเมื่อคบหากันมานาน ไม่มากน้อยก็จะเข้าใจในความ เคยชิน
สวีเส้าเชิงพูดว่า “ใช่แล้ว เพียงแค่คุณชอบอะไร ผมก็ สามารถไปได้ทุกที่ที่มีคุณนะ
คำพูดของฝ่ายตรงนี้ เสิ่นอีเลยกลับไม่ค่อยชินนัก เพราะ ว่าเธอนั้นรู้สึกเสมอว่า ต่อให้เป็นความรู้สึกอะไรก็ตาม ทั้งสอง ฝ่ายอย่าไปทำให้ตัวเองนั้นรู้สึกด้อยค่าก็พอแล้ว
เงินอีเวยพบว่า สวีเส้าเพิ่งผู้ชายคนนี้ดูไปแล้วก็ไม่ใช่คนที่ จะร่าเริงอะไรขนาดนั้น ดังนั้นเงินอีเวยตอนที่แนะนำเกี่ยวกับ ไข่มุกถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีการตอบรับที่ดีเลยสักนิด เสิ่นอีเว ยก็ไม่ได้อยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าใด
แต่เธอก็เข้าใจ ความชอบไม่เหมือนกัน ไม่อาจจะบังคับ กันได้ เหมือนกับตัวเอง ก็ที่ไม่เข้าใจกับงานที่เขาทํา สองคนจะ อยู่ด้วยกันนั้น จะต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน
“ใช่แล้วเรื่องการแต่งงานของพวกเรา คุณคิดไปถึงไหน แล้ว ? ” สวีเส้าเพิ่งถามด้วยเสียปกติ แต่เสิ่นอีเวยก็ยังรู้สึก ถึงว่าอีกฝ่ายรอคอยอยู่
หลังจากการที่คบหากันมา เสิ่นอีเวยก็ได้พบว่า สวีเส้าเพิ่ง เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง ที่กับเธอมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขานั้น ไม่เคยโมโหใส่หรือรู้สึกรำคาญเหมียนเหมียนเลยสักนิด
ในส่วนนี้เสิ่นอีเวยรู้สึกมีความพอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ จะมีความพอใจ แต่เธอก็ยังคิดถึงเรื่องแต่งงานตรงนี้ ยังมี ความสงสัยลังเลใจอยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่าเธอเคยมีการแต่งงานที่ล้มเหลวที่สุดในชีวิต ดังนั้นครั้งนี้ก็ขอให้เป็นการเลือกที่ดีที่สุด ดังนั้นก็ต้องคิดให้ หนัก คิดให้มาก
“เส้าเทิง ขอโทษจริง ๆ ตอนนี้ฉันยังไม่อาจจะเตรียม พร้อมกับการแต่งงานได้ เพราะตอนนี้งานก็มากมาย ไม่ได้มี เวลาไปคิดเรื่องพวกนี้ ไม่รู้ว่า คุณจะอภัยให้ฉันได้ไหม
เสิ่นอีเวยกับน้ำเสียงอ่อนนุ่มและการขอโทษ
งานเยอะเรื่องจริง ไม่ครุ่นคิดเรื่องปลอม เสิ่นอีเวยรู้สึกมา ตลอดว่า หากพบรักแท้จริง ตัวเองก็จะไม่ลังเลใจเลย แต่ตอน นี้ปลายสายโทรศัพท์ไม่อาจจะให้การตัดสินใจที่แน่นอนกับเธอ นั้นได้เลย ดังนั้นเธอก็เลยอยากจะคิดให้มากกว่านี้ ให้เวลาเห มียนเหมียน
สวีเส้าเหิงถึงแม้จะโดนปฏิเสธ แต่ก็ยังมีความอดทนแล้ว พูดว่า “อีเวย คุณเคยคิดหรือไม่ เหมียนเหมียนก็โตขึ้นทุกวัน เด็กก็ต้องการครอบครัวนะ “
สวี่เส้นเชิงพูดด้วยคำพูดที่มแทงใจเธอ ใช่แล้วสิ เธอรอ ได้ แต่เหมียนเหมือนไม่อาจจะรอได้ ในชีวิตไม่มีพ่อคอยดูแล ก็เหมือนกับชีวิตที่ไม่สมประกอบ
เสิ่นอีเวยก็เหมือนจะเห็นด้วย อีกสักครู่ก็ให้คำตอบไป “โอเคเส้าเหิง ฉันจะคิดให้ดีที่สุด คุณรอคำตอบฉันเถอะ สวีเส้าเทิงในที่สุดก็พอใจกับคำตอบนี้ ทั้งสองคนก็วางสายไป สวีเส้าเทิงก็ได้โยนโทรศัพท์ไปด้านข้างเตียง แล้วก็หัน ไปกอดผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ