นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 176 ความคิดทัศนคติของเสิ่นอีเวยที่เปลี่ยนแปลงไป



บทที่176ความคิดทัศนคติของเงินอีเวย ที่เปลี่ยนแปลงไป

บทที่ 176 ความคิดทัศนคติของเสิ่นอีเวยที่เปลี่ยนแปลงไป

ด้วยนิสัยคนอย่างเสิ่นอีเวยไม่ต้องให้คนขี้โมโหอย่างเพิ่ง เจ๋อเฉิงมาพูดหรอก แต่ครั้งนี้หล่อนเองยังไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะ อะไร แค่ตัวเองรู้สึกว่าระหว่างเธอและเขาควรจะเจอกันน้อยลง

หรือแค่หลีกเลี่ยงความโหโหของเพิ่งเจ๋อเฉิงหรอ? เสิ่นอีเว

ยก็พูดถูก

สิ่งเดียวที่หล่อนรู้ก็คือคำตอบที่สถิตอยู่ในใจนั่นคือหล่อน

ไม่อยากหักหลังความรู้สึกของตัวเอง

“แต่ว่า”

เสียงปลายสายของฉันไม่ยังคงรบเร้าตัวเองไม่เลิก เขายัง ไม่ทันพูดจบหล่อนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ฉันมีเรื่องที่จะต้องทำต่อ วันนี้ไม่มีเวลาจริงๆ ฉันขอไม่คุย ต่อแล้ว ขอให้คุณและคุณหมอพูดคุยกันให้สนุก ขอตัวก่อน

เสิ่นอีเวยใช้คำพูดปกติแล้วก็ตัดสายทิ้ง

หน้าจอโทรศัพท์ดับลงแล้วเสิ่นอีเวยถึงกับถอนหายใจโล่ง

อกไปที
อีกฝั่งหนึ่ง มือขวาของฉันไม่ที่หยิบโทรศัพท์อยู่ถึงกับหยุด นิ่งตอนที่เขาเอาโทรศัพท์ออกจากหู สีหน้าของเขากับไร้ซึ่ง ความรู้สึก

หมอเห็นสีหน้าฉันไม่ในใจคงเข้าใจอะไรขึ้นมา ฉันไม่ ยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา พลางเอ่ยว่า : ”

เวยบอกว่าวันนี้เธอยังไม่มีเวลาปลีกตัวมา เดี๋ยวค่อยมา

วันหลัง

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมากับไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ว่าสีหน้าดูปกติดี

คุณหมออยู่ดีอยู่แก่ใจได้แต่หยิบโทรศัพท์กลับคืนมา แล้วมองสีหน้าเพื่อนของตนเองแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาสักคำ

ฉันโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับหมอ สีหน้ากลับไร้ซึ่ง อารมณ์ ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่ คุณหมอโบกมือไปมาตรง หน้าเขา แล้วถามต่อ : “คิดอะไรอยู่หรอ?”

ฉันไม่เงยศีรษะขึ้นแล้วแกล้งยิ้มให้ “ไม่มีอะไร

คุณหมอถึงกับอดยิ้มไม่ได้ เขารีบจัดการงานที่อยู่ในมือ

และพูดต่อไปพร้อมกัน : “ปัญหาใหญ่ของแกก็คือแกถลำลึกกับ ความรู้สึกมากไป คนที่แกกพูดด้วย แกน่าจะชอบมาหลายปี แล้วใช่ไหม?”

ฉันไม่ยิ้มตอบให้คุณหมอ แล้วเอ่ยตอบกลับ : *ตั้งแต่

มหาวิทยาลัย

คุณหมอถึงกับตกใจและพยักหน้าไปคิดไปด้วย แล้วเอ่ยขึ้น : “ฉันไม่เข้าใจแล้วว่าแกชอบเขามาตั้งแต่มหาวิทยาลัยแล้ว ท่าไมตอนนี้หล่อนแต่งงานกับคนอื่นไปแล้วหล่ะ?”

สายตาของฉันไม่ช่างหมดหวัง เขาถอนหายใจเบาๆ : “เฮ้อ แกก็รู้ว่าฉันพลาดไปแล้ว ตอนนี้ยังมาหัวเราะเยาะฉันอีก

คุณหมอพยักหน้าตอบแล้วค่อยๆวางปากกาที่อยู่ในมือ ลง เหมือนมีเรื่องอะไรที่อยากคุยกับฉันไม่

ที่จริงแล้วคุณหมอลู่ไม่ได้รู้จักกับฉันไม่ตอนเรียน มหาวิทยาลัย ฉันไม่เรียนจบก็ขอทุนบินไปเรียนต่อที่ประเทศ อังกฤษเลยทำให้รู้จักกันที่นั่น จากนั้นคุณหมอก็บินกลับ ประเทศมาทำงานต่อทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา

ฉันไม่เป็นคนเงียบๆเพื่อนเลยน้อยไปด้วย หลังจากกลับ มาจากต่างประเทศก็ติดต่อคุณหมอยู่ทันที ด้วยอายุที่ใกล้เคียง กัน ต่างทำงานในด้านที่ตัวเองถนัดเลยทำให้คุยกันถูกปาก ถูกคอ

จนวันนี้มาเห็นเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับความรักจน เปลี่ยนไปจนถึงขนาดนี้ คุณหมอถึงกับตกใจเลยได้แต่ถาม เขาอยู่หลายประโยค

คุณหมอเห็นสีหน้าฉันไม่เคร่งเครียดขึ้น เขาเลยพูด ตามปกติ : “ฉันไม่ เราก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ฉันมีเรื่อง อยากเตือนแก คุณเงินถึงยังไงก็เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แก น่าจะเข้าใจความหมายของฉัน ฉันรู้ว่าแกจริงใจกับหล่อน แต่ ว่าสามีของเขาคือเพิ่งเจียเจ๋ง ฉันแค่เป็นห่วงว่าแกกับเขาจะมีเรื่องบาดหมางกัน แกเข้าใจความหมายของฉันไหม?

ฉันไม่ได้ยินที่หมอพูดว่า “เชิงเจ๋อเฉิง ” ในสมองกลับ ปรากฏเป็นภาพขึ้นมาที่คราวก่อนที่เขากับเงินอีเวยอยู่ในห้อง โถงนิทรรศการการออกแบบชุดแต่งงานนั่น

พื้นฐานชีวิตของฉันไม่เป็นคนปกติธรรมดาที่ยืนด้วย ลำแข้งของตัวเอง ที่จริงตั้งแต่เจอกับเพิ่งเจ๋อเฉิงเขาก็รู้ดีว่า พื้น ฐานของตัวเองกับผู้ชายคนนั้นมันช่างแตกต่างกัน เขาเป็นคน ธรรมดาเรียบง่ายไป

นอกจากความภาคภูมิใจที่ติดตัวมาและหัวใจของเขาที่ มอบให้เงินอีเวยตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฉันไม่รู้ว่าตัวเอง ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบกับเชิงเจ๋อเฉิงได้เลย

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เงินอีเวยกับเพิ่งเจ๋อเฉิงเขา แต่งงานกันแล้วนี่คือความจริงที่สุดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง มันได้ และเรื่องนี้ก็ยังคงถูกเก็บไว้ในใจของฉันไม่ตลอด เวลาและไม่ยินยอมจะคิดถึงความเป็นจริงของเรื่องนี้อีก

เวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ฉันไม่คิดกับตัวเองมาโดยตลอด ว่าไม่ได้ประพฤติผิดอะไรกับเงินอีเวย เขามีความจริงใจส่งไป ให้ก็ได้รับความจริงใจกลับมา แต่ว่าสิ่งของบางอย่างที่ไม่ สามารถซึมเข้าไปได้ก็ไม่บังคับให้มันซึมเข้าไป

ถ้ารักใครสักคนงแรกที่ควรมีคือจริยธรรม

ยิ่งเมื่อครูได้คุยกับหลอนทางโทรศัพท์ เขาเองก็รับรู้ได้ว่า ความรู้สึกของเสิ่นอีเวยที่มีกับตัวเองนั้นมันเปลี่ยนไปมากพูดแต่ละค่าแต่ละประโยคนั่นชี้ชัดแล้วว่ารู้สึกห่างเห็นไม่ เหมือนเมื่อก่อน เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

ที่จริงฉันไม่ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้จริงๆ แต่ไม่มีทาง ความจริงมันก็คือความจริง หล่อนถึงได้ปฏิเสธเขาซึ่งๆ หน้า

แต่ว่าเขายังไม่ถอดใจตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนถึงวันนี้เวลา ล่วงเลยมาเจ็ดปีเข้าไปแล้ว ในใจฉันไม่ได้แค่แกล้งทำเหมือน ว่าเงินอีเวยไม่ได้มีคนอื่น

คราวที่แล้วที่บินกลับมายังประเทศ ครั้งแรกที่เขาได้เจอ หน้าเสื่นอีเวยหลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว นาทีนั้นเขา โศกเศร้าและผิดหวังจนมันยึดติดกับชีวิตอยู่นาน

ยิ่งตอนที่ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเสี นอีเวยและเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ดีเท่าที่ควร เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขามีความสุขและสบายใจอยู่

ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเธอมาตั้งหลายปี เขาไม่มีวัน เชื่อหรอกว่าหล่อนจะมองไม่ออก เพราะฉะนั้นคราวที่แล้วที่เจอ กันฉันไม่เลยได้สาบานว่าหากเพิ่งเจ๋อเฉิงทำเธอบาดเจ็บ เขา ยินดีที่จะไปรับเธอกลับมา

แต่ตอนนี้เห็นสิ่งที่เสิ่นอีเวยทำกับเขาแล้ว ฉันไม่ถึงกับ ปฏิเสธไม่ได้ว่าอารมณ์ในใจของเขากลับมาคิดมากมายอีก ครั้ง

ทางฝั่งคนที่ตัดสายทิ้ง หล่อนมองงานที่หล่อนทำเสร็จวาง กองอยู่ตรงหน้าแทบไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลยนอกจากจัดการเรื่องพวกนี้ต่อ

สักพัก เงินอีเวยก็ยกแขนขึ้นเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ตั้งแต่คุยกับฉันไม่เสร็จเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

ใจในหล่อนคิดว่า : เขาคงกลับไปจากห้องหมอแล้วแห

ละมั้ง?

หล่อนเงียบอยู่นานจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นิ้วขาวเรียว ยาวค่อยๆเลื่อนหน้าจอให้ขยับเบาๆแล้วกดเบอร์โทรศัพท์โทร

หาคุณหมอลู่

เสียงสัญญาณดังอยู่สามครั้งปลายสายก็รับสาย

“ฮัลโหล คุณเสิ่น”

เสิ่นอีเวยสางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วลุกเดินไปคุยโทร

ศัทพ์ข้างหน้าต่างแทน

“ฮัลโหล คุณหมอ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหมอยังอยู่

ไหม?”

“ไม่ยุ่ง มีอะไรหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ