นายเป็นแค่สามีเก่า

ตอนที่ 27 อาการของโรคกำเริบ



ตอนที่ 27 อาการของโรคกำเริบ

เสิ่นอีเวยเจ็บปวดหัวใจแปลบ และพูดด้วยน้ำเสียงก็ไม่ แฝงความอ่อนโยนว่า “ท่านประธานเชียวค่ะ ฉันรู้ดีค่ะว่าคุณมี อำนาจและอิทธิพลมากมายขนาดไหน แต่สงครามทางธุรกิจอัน ดุเดือดระหว่างคุณกับเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้น เป็นเรื่องของพวกคุณสอง คน ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คนที่สูงส่งอย่างท่านประธานเชียว จะมีเวลาว่างสนใจเรื่องของคนอื่นด้วย”

เส้นอีเวยไม่ใช่ไม่รู้ว่าเซียวหันถึงมีกลอุบายมากขนาดไหน การพูดเสียดสีการเป็นคนของเขาคงมีจุดจบไม่สวยนัก แต่จะ ให้เธอร่วมมือกับคนแบบนี้ต่อกรกับคนที่ตัวเองรัก เธอคงทำไม่ ได้

สีหน้าของเซียวหันถึงนิ่งเงียบ ดูแล้วเหมือนไม่โกรธเคือง เลยสักนิดเดียว “คุณเสิ่นไม่ต้องรีบปฏิเสธผมก็ได้ คุณสามารถ ไตร่ตรองพิจารณาดูก่อน”

หลังเสียงนี้จบลงก็ถูกเสิ่นอีเวยพูดแทรกขึ้นมาว่า “คงไม่ ต้องหรอก ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่านประธานเซียว ค่ะ”

พูดจบก็เดินออกจากประตู

ขณะที่มียังไม่ทันสัมผัสกับประตู ความรู้สึกแน่นหน้าอก อย่างรุนแรงและความรู้สึกวิงเวียนศีรษะก็พรั่งพรูขึ้นมา ทำให้ เส้นอีเวยเกือบจะยืนไม่มั่นคง เธอรู้สึกชาบริเวณขา สุดท้ายเธอ ก็ถอยล้มลงไปข้างหลังอย่างแรง
ก่อนวินาทีที่จะขาดสติ ฝ่ามืออุ่น ๆ ของเชียวหันถึงก็ยืนเข้า

มารับไว้

เมื่อตื่นขึ้นบนเตียงผู้ป่วย ความคิดของเสินอีเวยยังคงวน เวียนอยู่กับเหตุการณ์คุมเชิงเชียวหันถึงในห้องประชุมอยู่ แต่ เบื้องหน้าในเวลานี้เป็นเพียงแค่เพดานสีขาวดุจหิมะกับกลิ่นฆ่า เชื้อโรคอันหนาแน่น

บนข้อมือของเสิ่นอีเวยเสียบเข็มอยู่ ในห้องผู้ป่วยไม่มีใคร สักคน ขณะที่จะเตรียมตัวลงจากเตียง กลับเห็นประตูห้องผู้ป่วย ถูกเปิดออก จากนั้นก็เห็นเซียวหันถึงเดินเข้ามา

เมื่อเห็นสีหน้าเรียวเล็กอันขาวซีดของเสิ่นอีเวย เชียวหัน ถึงก็ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “คุณเสิ่น ดูท่าทางคุณจะตกใจนะ”

“เกิดอะไรขึ้นค่ะ? ทำไหมฉันถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้?”

“คุณสลบในห้องประชุม ผมเลยพาคุณมาส่งที่นี้ คุณ วางใจเถอะ ผมได้แจ้งประธานเชิงแล้ว เขาน่าจะใกล้มาถึง

แล้ว”

เสิ่นอีเวยเปลี่ยนสีหน้า เพิ่งเจ๋อเฉิงจะมาหรอ?

ในด้านธุรกิจแล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงกับเซียวหันถึงเป็นศัตรูกัน เรื่องนี้ไม่มีใครไม่รู้ ถ้าหากเชิ่งเจ๋อเฉิงเห็นว่าตัวเองอยู่ด้วยกัน กับเซียวหันถึง เสิ่นอีเวยไม่กล้านึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นว่าจะ เป็นอย่างไร ทันใดนั้นในใจของเธอก็เกิดความรู้สึกไม่ ปลอดภัยอย่างมหาศาลขึ้น

เมื่อเสิ่นอีเวยเห็นเชียวหันถึงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างมั่นคง จนแทบจะไม่มีวี่แววจากไปนั้น

เส้นอีเวยก็ขบคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า “ขอบคุณท่านประธานเชียวมากที่พาฉันมาส่งโรงพยาบาล แต่ ฉันคงไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ อีกอย่างก็ไม่อยากทำท่าน ประธานเชียวเสียเวลาด้วย”

เชียวหันถึงจัดระเบียบชุดสูทอย่างไม่สนใจ เหมือนกับไม่ ได้สนใจคำพูดของเส้นอีเวยเลย “คุณเสิ่น ไม่ต้องเกรงใจครับ”

ขณะที่เส้นอีเวยขบคิดอย่างเร่งด่วนว่าจะทำยังไงให้เชียว หันถึงจากไปนั้น ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกแล้ว

ร่างเงาที่คุ้นเคยสะท้อนภายในม่านตาของเสิ่นอีเวย ดู เหมือนเรื่องใหญ่ใกล้เข้ามาถึง ในใจของเสิ่นอีเว่นก็สะดุ้ง ตกใจ

สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มีดครื้มเหมือนปกติ เขาชำ เหลือบมองเชียวหันถึงที่นั่งบนเก้าอี้แวบหนึ่ง ก่อนจะกวาดตา มองใบหน้าอันขาวซีดของเสิ่นอีเวยด้วยแววตาเย็นชา น้ำเสียง ที่พูดออกมาก็เย็นชาด้วย “ดูเหมือนช่วงนี้คุณนายเชิ่งจะยิ่งดู ร่าเริงนะ? ว่ายังไง ต้องการอธิบายกับผมไหมว่าทำไหมถึงอยู่ กับประธานเซียวที่นี่ได้?”

เป็นดังที่คาดการณ์ไว้ ยังคงเป็นพฤติกรรมไม่ไว้หน้าคน อื่นแม้แต่นิดเดียว

ชั่ววินาทีที่ได้ยินว่าเซียวหันถึงพูดว่าเสิ่นอีเวยถูกเขาพาส่ง มาที่โรงพยาบาลนั้น เชิงเจ้อเฉิงก็อดไม่ได้ที่อยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้

การเผชิญหน้ากับคำถามของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้น ทำให้ในใจ ของเสินอีเวยเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เสียวฮันฉิงเป็นศัตรู ของเขา ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะสงสัยในตัวของพวกเขาสอง คน!

เชียวหันถึงที่อยู่ด้านข้างมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขา จ้องมองเชิ่งเจ๋อเฉิง พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังคง วางมาดท่าทางสูงศักดิ์ไว้ และไม่พูดออกมาแม้แต่นิดเดียว

เสิ่นอีเวยก้มหน้าลง ดูเหมือนจะชินซากับวิถีการประชด ประชันของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว เธอดึงเข็มบนข้อมืออย่างนิ่งสงบ ออก และเงยหน้าอีกครั้ง ภายในดวงตาได้ปรับอารมณ์สงบนิ่ง มากขึ้นดั่งสายน้ำ

และไม่สนใจผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนด้วย แต่เสี่ นอีเวยเดินตรงออกจากประตูไปข้างนอก จากนั้นข้างหลังก็ได้ ยินเสียงของเชียวหันถึงดังขึ้น

“คุณเป็นเนื้องอกที่ตับ คุณเสิ่นแน่ใจแล้วหรอว่าจะออก จากโรงพยาบาลในตอนนี้?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ