นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่470ตอนอวสานรักคุณตลอดไป



บทที่470ตอนอวสานรักคุณตลอดไป

บทที่470 ตอนอวสาน รักคุณตลอดไป

หลังจากเสร็จงานกลับไปถึงเมืองหลินไฟนั้นก็เป็นเวลา ทุ่มกว่าแล้ว เมื่อร่ำลาแยกทางกับเพื่อนร่วมงานแล้ว เสิ่นอีเวย เห็นว่ายังไม่ลึกมาก จึงกำลังตัดสินใจว่าจะไปหาเพิ่งเจ๋อเฉิง

ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว กลางคืนอากาศก็จะเริ่มเย็น ขึ้น เสิ่นอีเวยมือหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางเดินไปข้างหน้า ส่วน อีกมือดึงเสื้อคลุม แล้วยื่นมือไปโบกเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง

ชั้นที่24 ของบริษัทเพิ่งซื้อ ไฟสว่างไสวไปทั้งชั้น ค่ำคืนนี้ คนที่ยังทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมีไม่น้อย จำนวนมากที่สุดก็ คือแผนกออกแบบของบริษัทเพิ่งซื้อ

คืนนี้เป็นคืนที่ห้าติดต่อกันแล้วที่พวกเขาต้องทำงานถึงห้า

หัวหน้าแผนกออกแบบ เป็นหญิงสาวอายุสามสิบกว่า

ทุ่ม

นามสกุลโอ หัวหน้าโอชงกาแฟเสร็จก็วางเบาๆไว้บนโต๊ะ ทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิง : “ประธานเชิง กาแฟค่ะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงที่สวมชุดสูทสี ใบหน้าเคร่งเครียด นั่งอยู่บน เก้าอี้ทำงาน นิ้วเรียวยาวของเขากำลังหมุนปากกาลูกลื่นแท่งหนึ่งอยู่ สีหน้าเคร่งเครียด ดูแล้วเหมือนมีอะไรหนักใจ แต่ท่าที เย็นชาดจภูเขาน้ำแข็งบนร่างของเขานั้นยังคงรุนแรงเหมือน

ชายหนุ่มเหมือนกำลังใจลอยคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินว่ามี คนพูดกับตนเองจึงชำเลืองมองแล้วมองอีก เห็นควันหอมกรุ่น ลอยออกมาจากแก้วกาแฟบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ว่า “ผมไม่ต้องการกาแฟ”

หัวหน้า โอไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่มือไปมา สีหน้ามีท่า ที่ขัดๆเขินๆเล็กน้อย ห้องทำงานที่กว้างใหญ่เงียบกริบ มีเพียง เสียงของเครื่องทำความชื้นที่อยู่มุมห้องทำงานอย่างเงียบๆ กับเสียงกลืนน้ำลายของหัวหน้าโอที่กำลังตื่นกลัวอยู่เท่านั้น

แม้ว่าหล่อนจะเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบที่บริษัทเพิ่งซื้อ มานานแล้วก็ตาม แต่ไม่รู้ว่าทำไม จนถึงตอนนี้พอท่านประธาน พูดอะไร หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นกลัว

เมื่อต้องมาสัมผัสกับแววตาเยือกเย็นไร้ซึ่งอารมณ์อื่นใด ของอีกฝ่าย คำพูดที่เตรียมไว้อย่างดีก็กลับลืมไปจนสิ้น

เมื่อต้องมาสบตาคู่ที่มีพลังทำร้ายล้างสูงของเซิ่งเจ๋อเฉิง หัวหน้าโอผู้ที่คิดจะถอยกลางคันก็ยอมตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นว่า

“เอ่อคือ ท่านประธานเซิ่ง แผนกออกแบบทำงานล่วงเวลา มาห้าวันติดต่อกันแล้ว ท่านประธานว่า….”

หัวหน้า โอก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อสักครู่นาฬิกาบนผนังบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง รองหัวหน้าแผนกกับลูกน้องใน แผนกออกแบบหลายคน มาถึงหล่อนไปปรึกษากันที่มุมห้อง เพื่อที่จะให้ไปขอเพิ่งเจ๋อเฉิงว่าวันนี้ขอไม่ทำงานล่วงเวลา

เรื่องที่ไม่มีใครรู้จะทำอย่างไร ทุกคนมาขอร้องวิงวอน

หล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้เลย ก่อนที่หล่อนจะเดินเข้าประตูไป ผู้ ช่วยแผนกออกแบบยังส่งสายตาแหลมคมที่เต็มไปด้วยความ หวัง หล่อน สายตานั้นยังเต็มไปด้วยความหวังที่ทุกคนฝากไว้กับ

ศึกนี้เรียกว่าเป็นศึกพลีชีพก็ว่าได้

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เพิ่งเจ๋อเฉิงลุกมาจากเก้าอี้แล้วเดิน มายืนอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่างบานใหญ่ เขาก้มหน้าลงมองที่ โทรศัพท์มือถือ ทอดอารมณ์ไปบนกระจกใส

ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้โทรมา แววตาของเพิ่งเจ๋อเฉิงซ่อน ความวิตกกังวล ไม่ใช่ว่าลงจากเครื่องบินนานแล้วเหรอ ทำไม ยังไม่โทรหาเขา ไม่มาหาเขาล่ะ

เงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างคือเมืองที่มีแสงไฟนีออน สว่างไสว มองไปที่แสงไฟจากบ้านเรือนมากมาย เขาคิดถึงผู้ หญิงคนนั้นเหลือเกิน

คำพูดของหัวหน้า โอเมื่อครู่นั้นแน่นอนว่าเขาได้ยินชัดเจน เขาหันหน้ากลับมาใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆพูดด้วยน้ำเสียง เย็นว่า: “แผนงานผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของแผนกออกแบบเสร็จ แล้วเหรอ”
หัวหน้าโอที่ยืนอยู่ข้างประตูนิ่งอึ้งหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หล่อนก็บอกพวกเขาไปแต่แรกแล้วว่าผลจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ พวกเขาก็ไม่เชื่อ

หลังจากที่ห้องทํางานตกอยู่ในความเงียบมาสักพัก หัวหน้า โอก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทางแล้วพูดว่า “ค่ะ ดิฉันเข้าใจแล้ว ถ้าท่านประธานเชิงไม่มีอะไรแล้วดิฉัน ขอตัวนะคะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองหล่อน ไม่ได้ตอบอะไร หัวหน้าโอควบคุม ความกดดันที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจแล้วรีบถอยออกจากห้อง ทํางานเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากหัวหน้า โอเดินออกจากห้องทำงานมาถึงทางเดิน เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมายาวๆ หล่อนรู้สึกว่าอากาศ ที่ตรงทางเดินนี้ดีกว่าอากาศในห้องทำงานของท่านประธาน หลายเท่านัก ที่นั่นคือทำให้หายใจไม่ออกเลย

บรรดาพนักงานที่แผนกออกแบบเห็นหัวหน้าโอกลับมา ก็ หันไปมองหล่อนอย่างมีความหวัง แต่กลับได้ยินคำพูดกับ ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหล่อนสามคำ “ทำงานต่อ

ทุกคนต่างหมดอาลัยตายอยาก

หน้าจอโทรศัพท์มือถือยังคงไร้วี่แววของผู้หญิงคนนั้น เพิ่ง เจ๋อเฉิงนับวันจะยิ่งร้อนใจ จนแทบจะทนไม่ไหว ใช้หมัดของตัว เองต่อยไปที่กระจกตรงหน้า กระจกนี้เป็นกระจกนิรภัย เกิด เสียงดัง : “ปีง”ขึ้น
เซ่งเจ๋อเฉิงกำลังกระวนกระวายใจอยู่จึงไม่ทันได้สังเกตว่า ประตูที่อยู่ด้านหลังได้ถูกเปิดขึ้นอีก วินาทีต่อมา เขาได้ยิน เสียงที่คุ้นเคยของผู้หญิงคนนั้นดังมาจากทางด้านหลัง “มือ คุณไม่เจ็บแต่กระจกคงจะเจ็บ

มือของเพิ่งเจ๋อเฉิงค้างอยู่อย่างนั้น มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้น มา แต่วินาทีต่อมาก็แกล้งทำเป็นเย็นชา โกรธบึ้งตึง ใส่แทน

เสิ่นอีเวยกลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำ โดยเฉพาะ การเดิน ทางไปทำงานเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจึงอยากจะอาบจะอาบน้ำให้ ตัวเองสะอาดสะอ้านสดชื่นขึ้นบ้าง เสิ่นอีเวยเดินมาที่ด้านหลัง ของเพิ่งเจ๋อเฉิง จึงมือของเขาไปสำรวจดู เห็นกระดูกนิ้วมือที่ นูนๆขึ้นมานั้นมีรอยแดงๆ เพราะเขาต่อยกระจกอย่างแรง เสี นอีเวยขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเพิ่งเจ๋อเฉิง แล้วพูดเชิงตักเตือน ว่า: “เพิ่งเจ๋อเฉิง คุณเป็นเด็กยังไง”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำสุดท้ายที่หล่อนพูด เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ดึง หล่อนเข้าไปในอ้อมกอดของตนเอง ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวจูบ ประทับลงไป ร่างของเสิ่นอีเวยแข็งเกร็งไปทั้งตัว นี่มันที่ทำงาน นะ เมื่อตอนที่หล่อนเข้ามาไม่ได้ปิดประตู ข้างนอกก็มีคนอยู่ตั้ง เยอะแยะ

ผู้ชายคนนี้ก็จริงๆเลยคิดถึงหล่อนจนบ้าไปแล้ว จูบก็ รุนแรงเหมือนจะกลืนกินหล่อนเข้าไปก็ไม่ปาน เสิ่นอีเวยเริ่มที่ จะหายใจไม่ออก ดูแล้วเขาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยหล่อน หล่อนก็ ร้อนใจมากจนอดไม่ได้ที่จะยื่นมืออกไปผลักร่างเขาออก
ช่วงจังหวะนั้นเอง ในที่สุดหล่อนก็เป็นอิสระ ผู้ชายที่จับ ใบหน้าเธออยู่นั้นดูเหมือนจะเกิดอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย หน้าผาก เชยชิดกับหล่อนแล้วพูดว่า “ทําไม เป็นห่วงผมเหรอ”

เงินอีเวยพยักหน้า: “อืม เป็นห่วงกระจก กระจกบานนี้ น่าจะราคาแพงมากเลยนะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงเลิกคิ้ว: “คุณไม่กลัวตายเลยนะ”

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หัวหน้าโอกลับรู้สึกว่าตนเองไม่กลัว ตายอีกแล้วแหละ เธอมองสองคนที่กำลังจูกันอยู่ในห้อง ทำงาน เคาะประตูแล้วถามว่า : “ท่านประธานเชิง แผนงาน ของแผนกออกแบบทำเสร็จแล้วค่ะ ทุกคนเลิกงานได้แล้วใช่มั้ย คะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงเอามือออกจากด้านหลังเอวของเงินอีเวย ชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ที่ประตู พูดด้วยเสียงเรียบๆว่า : “ได้ แน่นอน พวกคุณควรจะไปตั้งนานแล้ว”

หัวหน้า โอ:

รองหัวหน้าพูดไว้ไม่ผิดว่า ขอแค่คุณผู้หญิงอยู่ข้างกาย ท่านประธานเซิ่ง ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปโดยง่าย

ชั้น2ของบริษัทเพิ่งซื้อ ทุกคนกลับไปหมดแล้ว พื้นที่ว่าง กว้างขวางอยู่ในความเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงหายใจถี่รัว ของคนสองคน หญิงสาวที่เพิ่งอาบน้ำมา ผมยาวสลวยดั่ง น้ำตกมีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหลงใหลคลั่งไคล้เหมือนสัตว์ที่กำลังคลุ้มคลั่ง

เงินอีเวยถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เสียงที่น่าดึงดูด และแหบพร่าของเพิ่งเจ๋อเฉิงกระซิบข้างหูเสิ่นอีเวย “ตั๋วเครื่อง บินซื้อเรียบร้อยแล้ว ต้นเดือนหน้า ผมจะพาคุณไปเที่ยวรอบ โลก”

ในสมองเสิ่นอีเวยมึนงงเล็กน้อย เพราะมือของเขาที่อยู่บน ร่างของหล่อนแผ่ความร้อนไปทั่ว หล่อนได้ยินเพียงเสียง ซาบซึ้งอ่อนโยนของตนเอง: “ค่ะ”

ชายหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบพร่า : “ยายทีม ทำไมไม่ ถามว่าจะไปที่ไหน”

เงินอีเวยผลักเขาออกไปเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปตวัดรัด รอบคอของเขา หล่อนมองเห็นเงาตนเองในแววตาของเขา ใน นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

“ไปกับคุณ ไม่ว่าที่ไหน ทำอะไรก็ดีหมด ฉันรักคุณ”

เพิ่งเจ๋อเฉิง คุณคือแสงสว่าง ขอบคุณที่สาดส่องเข้ามา ชีวิตฉัน ฉันรักคุณตลอดไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ