บทที่461ช่วยคนคือเป้าหมายที่แท้จริงของผม
บทที่461 ช่วยคนคือเป้าหมายที่แท้จริงของผม
เมื่อครู่ที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดประโยคนั้นออกมา แววตาซ่อน ความแค้นเอาไว้ เสิ่นอีเวยมองเห็นได้ชัด
ทั้งสองไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กันต่อ เพิ่งเจ๋อเฉิงเดินมาที่ข้าง เตียง ค่อยๆ โน้มตัวลงมาแล้วเอามืออันอบอุ่นวางลงบนศีรษะ เงินอีเวย แววตาเต็มไปด้วยความทะนุถนอมและอบอุ่น เขา มองมายังหล่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “คุณยังไม่ต้อง รีบตัดสินใจ รอให้จัดการเรื่องที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน หลังจาก กลับไปแล้วคุณค่อยให้คำตอบผม สี่ปีผมยังรอได้ นี่เวลาแค่ สองสามวันผมไม่กลัวหรอก”
แม้ว่าประโยคนี้ฟังดูแล้วไม่ได้เฉียบคมอะไร แต่กลับทำ ให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความตั้งใจแน่วแน่ของผู้ชายคนนี้ เธอไม้ม ปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร ตอนนั้นเองก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น
“ติ๊งต่อง”
“ใคร” เพิ่งเจ๋อเฉิงหันไปถาม
“ลูกพี่ ผมเองเสียงหลินอวี้ดังมาจากนอกประตู ได้ยินไม่ค่อยชัดจึงรู้สึกเหมือนเสียงไม่ค่อยสดใส
“มีเรื่องอะไร”
“มีคนมาหาคุณ บอกว่าขอพบคุณด้วยตัวเองสักครั้ง หลิน
อวี้กล่าว
คิ้วของเซิ่งเจ๋อเฉิงขยับขึ้น : “ใคร”
เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เวลาดึกดื่นขนาดนี้ ช่วง ที่สถานการณ์คับขันแบบนี้มาขอพบเพิ่งเจ๋อเฉิง ต้องไม่ใช่คน ธรรมดาแน่ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องสำคัญมาก
แต่เขาก็ถามแบบนี้ออกมาต่อหน้าหล่อน ไม่ได้มองว่า หล่อนเป็นคนนอก เสิ่นอีเวยรู้สึกอบอุ่นใจ เม้มปากเบาๆเงียบๆ ไม่ได้ตัดบทเขา
ความรู้สึกที่สนิมสนมแบบนี้ หล่อนรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยเอาซะเลย
แต่ต่อจากนั้น วินาทีที่หลินอวี้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูแล้วพูด ชื่อนั้นออกมา กลับดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเสิ่นอีเวย
“เขาบอกว่าชื่อหานฉีเฟิง รอพบคุณที่ศาลาด้านหลัง
หลินอพูดออกมาอย่างหนักแน่น เมื่อเสิ่นอีเวยได้ยินชื่อนี้ ก็ชะงักไปเล็กน้อย หานเพิ่งเหรอ
ในสถานที่แบบนี้ ยังจะมีหานนี้เพิ่งไหนอีก ก็มีแค่ผู้ชาย คนนั้นเท่านั้น หลังจากที่เพิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินชื่อนั้น เขาหันกลับมา สบตาเสื่นอีเวย
เพิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้ว เงียบไปชั่ววินาทีก่อนตอบว่า “ได้ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากพูดจบประโยค ก็ไม่มีเสียงอะไรดังมาจากด้าน นอกประตูอีก เชิงเจ๋อเฉิงหันมามองเสิ่นอีเวย สีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่ ก่อน อีกครึ่งชั่วโมงผมกลับมา ได้ไหม”
ผู้ชายคนนี้ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้พูดกับหล่อน เ นอีเวยรู้สึกไม่เคยชินเลย แต่หล่อนก็ตอบเขากลับไปอย่าง รวดเร็วตามสัญชาตญาณว่า : “ตกลง”
เพิ่งเจ๋อเฉิงเห็นท่าทางเชื่อฟังของหล่อน ก็รู้เบาใจลงไปได้
แผ่นหลังที่ใหญ่และยาวของชายหนุ่ม เดินมุ่งหน้าไปที่
บ้าง
ประตู
ลานโล่งเล็กๆด้านหลังโรงแรม เพราะแสงจันทร์คืนนี้จึง ทำให้ไม่มืดมากนัก พื้นที่ปลูกต้นไม้รอบๆ ปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ มากมายที่ไม่รู้จัก แต่รอบๆก็มีวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด โต๊ะและ ม้านั่งหินด้านข้างมีชายหนุ่มสวมเสื้อกันลมสีดำนั่งอยู่ เขาหัน หลังให้กับเซิ่งเจ๋อเฉิง
เขาค่อยๆเดินเข้าใกล้คนๆนั้น เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดัง
ชัดเจน ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ผู้ชายที่นั่งอยู่บนม้าหินได้ยินเสียง ฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในใจก็ยิ่งร้อนรนมากยิ่งขึ้น เพราะ เขาก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อผู้ชายที่อยู่ด้านหลังนั้นรู้ความจริงแล้ว จะทําอย่างไรกับเขา
“มาแล้วเหรอ”เซิ่งเจ๋อเฉิงหยุดยืนห่างจากชายคนนั้น ประมาณสามเมตรแล้วถามด้วยเสียงทุ้ม
“อืม” หานเพิ่งตอบพลางยืนขึ้นแล้วหันมาเผชิญหน้ากับ
เซิ่งเจ๋อเฉิง
ดวงตาคู่ดำขลับของเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ค่อยๆแย้มปากออก : “อืม เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ถ้าคุณไม่มา หาผม ผมก็ต้องไปหาคุณ ในเมื่อผู้หญิงของผมถูกคุณพามาที่นี่ เรื่อง นี้ผมต้องคิดบัญชีกับคุณ
คำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ว่า “ผู้หญิงของผม” ก็คงหมายถึง เสิ่นอีเวย
คิดถึงผู้หญิงที่แข็งแกร่งคนนั้น มุมปากของหานนี้เพิ่งเกิด รอยยิ้มขึ้นในความมืด เป็นเพราะย้อนแสงเซิ่งเจ๋อเฉิงจึงมอง เห็นท่าทีของเขาไม่ชัด
เขารีบเก็บรอยยิ้มนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างจริงจัง ว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจจะพาผู้หญิงของคุณมาที่นี่ เธอมาที่นี่เพราะ มีเรื่องต้องทำ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของคุณ แต่ผม รู้ว่าเธอคือเงินอีเวย ตอนที่เป็นภรรยาของคุณ จึงตัดสินใจใช้ เธอเป็นตัวล่อให้คุณมาที่นี่ แต่ผมไม่ได้คิดจะบีบบังคับเธอ หรือทำร้ายเธอเลย เรื่องเลวร้ายที่เธอต้องเจอมันอยู่นอกเหนือ ความคาดหมายของผม และผมก็ช่วยชีวิตเธอไว้ครั้งหนึ่ง ”
สีหน้าที่คร่ำเคร่งของเพิ่งเจ๋อเฉิง เบนความสนใจทั้งหมด
ไปรวมอยู่ที่คำพูดของหานฉีเฟิงที่ว่า “เรื่องเลวร้ายเหล่านั้น “หล่อนเจอเรื่องอะไรมา” ชายหนุ่มถามออกมาทีละค่า
เหมือนผ่านน้ำแข็งที่เย็นจัด ทำให้คนหวาดกลัว
แต่หานฉีเฟิงกลับไม่หวั่นเกรง ในเมื่อสถานะของเขาเอง
นั้นก็ไม่ธรรมดา เป็นสายลับอยู่ข้างกายท่านฉินมานานกว่าครึ่ง เกิดความหวาดกลัวได้ง่ายๆ
ปี ต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆ สารพัดจนชินชา ไม่มีทางที่เขาจะ
“เธอเกือบโดนลูกน้องสองคนของท่านฉันข่มเหงเอา” หานฉีเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
เพิ่งเจ๋อเฉิง ใจสั่น สายตามีแววอาฆาตแค้น ริมฝีปากบาง
เผยอขึ้น: “ไอ้สองคนนั้นตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ถูกผมฆ่าตายในที่เกิดเหตุแล้ว ดังนั้นการช่วยหล่อนคือ เป้าหมายที่ผมขอให้คุณช่วย
หานฉีเฟิงพูดอย่างสบายใจ เหมือนกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองเลยแม้แต่น้อย
คําตอบของหานฉีเฟิงทำให้เพิ่งเจ๋อเฉิงแปลกใจ เขาขมวด คิ้วแล้วพูดว่า : “ผู้หญิงของผมถูกรังแก ผมต้องแก้แค้นให้เธอ แน่ แล้วมันกลายเป็นหน้าที่คุณเป็นลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่
ประโยคนี้ของเพิ่งเจ๋อเฉิงน้ำเสียงมีแววโจมตีอีกฝ่าย ชัดเจน หานฉีเฟิงก็ไม่ได้ตอบโต้ มีแค่แววตาหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “ในสถานการณ์ที่คับขันแบบนั้น ผมอาจจะไม่ทันได้ คำนึงถึงความคิดของคุณ ผมสาบานแล้วว่าจะปกป้องเธอให้ ปลอดภัย ดังนั้นจึงไม่ปล่อยไอ้สองคนนั้นไป
พูดถึงตรงนี้หานฉีเฟิงก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ในทางกลับกัน ครั้งนี้ชีวิตของคุณเงิน เป็นผมที่ช่วยเอาไว้ นี่ คือสาเหตุพอที่ผมรีบออกไปขอความช่วยเหลือจากคุณพอดี ผมเดาว่าคุณเงินเองก็ต้องสนับสนุนคุณเช่นกัน”
อยู่ๆก็มีลมพัดเข้ามาในศาลา เพิ่งเจ๋อเฉิงสบตากับผู้ชาย ตรงข้าม ไม่พูดไม่จาสักพักใหญ่ จนสุดท้ายเขาก็ปริปากออก มาว่า
“หานฉีเฟิง คนอย่างผมแต่ไหนแต่ไรไม่เคยติดค้างอะไร ใคร ในเมื่อคุณช่วยเธอไว้ บุญคุณนี้ผมก็ต้องทดแทนให้คุณ เรื่องของคุณผมจะช่วย
นึกถึงประโยคที่ผู้หญิงคนนั้นพูดกับเขา “ถ้าหานนี้เพิ่งคิด จะทำเรื่องอะไร คุณช่วยเขาได้ไหม”
มุมปากของเซิ่งเจ๋อเฉิงยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อทั้งสองฝ่ายต่าง ไม่ติดค้างกัน ก็ไม่มีอะไรต้องหวนคิดถึงกันอีก แม้ว่าเขาจะไม่ ได้ใส่ใจ แต่ในใจเขากลับไม่อยากให้มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ หล่อนแม้เพียงนิดเดียว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ