บทที่460หรือนี่คือชะตาฟ้าลิขิต
บทที่460 หรือนี่คือชะตาฟ้าลิขิต
ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแผ่วเบาแต่ละค่อ่อนโยนเหมือน ขนนกที่ลอยละล่องอยู่ในใจของเงินอีเวย หล่อนรู้สึกว่ามีบาง อย่างผิดปกติ เขายื่นมือมาลูบคลำใบหน้า จึงพบว่าใบหน้า ตนเองนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา
หรือว่าทั้งหมดนี่คือชะตาฟ้าลิขิตไว้
เหตุผลที่หล่อนมาที่ภูเขาจิ๋วเหมิงครั้งนี้ ก็เพราะหล่อน ต้องการมาขอคำตอบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับเรื่องความ สัมพันธ์ระหว่างพวกเขา สุดท้ายคำตอบไม่ได้มาจากสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับต้องมาจากเขาอีก
ในเมื่อ พระพุทธเจ้าสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ถ้า อย่างนั้นตอนนี้เมื่อเขามาแล้ว ก็หมายความว่าความทุกข์ ทรมานของหล่อนก็จะหายไปด้วยใช่หรือไม่
“อีเวย ผมคิดถึงคุณมาก…ถ้าคุณคิดจะขอบคุณผมจริงๆ รับปากผมเรื่องหนึ่งได้ไหม” เพิ่งเจ๋อเฉิงพร่ำเพ้อเรียกถึงแต่ชื่อ ของหล่อนไม่หยุด เหมือนกำลังบูชาลัทธิอะไรสักอย่าง
เสิ่นอีเวยได้ยินอีกประโยคหนึ่งของเขาชัดเจน สมองตื่น ตัวขึ้นมาทันที ถามเขาด้วยเสียงสั่นเครือ : “เรื่องอะไร”
แววตาของชายหนุ่มมีน้ำตารื้นเล็กน้อย แล้วอยู่ๆก็เงย หน้าขึ้นมามองหล่อนอยู่อย่างนั้น พูดอย่างจริงจังว่า “ กลับมา อยู่ข้างกายผม เป็นภรรยาของผมต่อไปได้ไหม
ใจของเสิ่นอีเวยสั่นเทา ขนตาก็สั่นตามเบาๆ ในระหว่างที่ กำลังปลาบปลื้มปีติอยู่นั้นหล่อนก็ตกใจตัวเอง เพราะเมื่อครู่ที่ เพิ่งเจ๋อเฉิงถามคำถามนั้น ค่าตอบแรกที่ผุดขึ้นในใจหล่อนคือ คําว่า: “ได้”
หลังจากจิตใจสงบลงแล้ว เสิ่นอีเวยรู้สึกว่ายังโชคดีที่ตัว เองไม่ได้ผลีผลามพูดอะไรออกมาเร็วเกินไป เพราะหล่อนกลัว จริงๆ
เรื่องสบู่อันฉงนั้น เขายังจัดการไม่เรียบร้อย ถ้าจะกลับไป อยู่กับเขาจริงๆ เธอคงรับไม่ได้หากมีข้อขุ่นเคืองใจแม้แต่นิด เดียว ความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์ใจ เธอไม่อยากจะเจอเรื่องแบบนี้ อีกแล้ว
ในเมื่อผู้ชายคนนี้เคยอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ สอันจึงให้เธอฟังแล้ว ว่ามันไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น
เวลาเนิ่นนานพักใหญ่ เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ยินคำตอบอะไร ออกจากปากหล่อน เสิ่นอีเวยมองเห็นอุณหภูมิในแววตาของ เขาค่อยๆเย็นลง สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยเธอ
จิตใต้สำนึกเสิ่นอีเวยอยากจะคว้ามือของเขาไว้ แต่การ เคลื่อนไหวของของเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นรวดเร็วมาก เขายืนขึ้นมา แล้ว ร่างสูงใหญ่มองลงมาที่หล่อน แต่ครั้งนี้หล่อนมองเห็นได้อย่างชัดเจน สายตาที่ชายหนุ่มมองหล่อนนั้นไม่ได้บ้าอำนาจ และเย็นชาเหมือนเมื่อก่อน แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความผิด หวังและใจสลาย
ในชั่ววินาทีนั้น เสิ่นอีเวยคิดว่าตนเองมองผิดไป
เสิ่นอีเวยไม่เคยเห็นเพิ่งเจ๋อเฉิงเป็นแบบนี้มาก่อน ในใจ หล่อนรู้ดีว่าการนิ่งเฉยเมื่อครู่นั้นทำร้ายเขา แต่หล่อนไม่รู้จะทำ อย่างไร ในสภาวะที่เรื่องราวทุกอย่างยังไม่ได้จัดการให้ เรียบร้อย หล่อนก็ยังไม่ไว้ใจให้ตัวเองกลับไปอยู่ข้างกายเขา และหล่อนก็ยังมีเหมียนเหมียนอีกคน
“เธอยังกังวลเรื่องอะไรอยู่”เพิ่งเจ๋อเฉิงถาม เสิ่นอีเวยตกใจ ที่เขาอยู่ๆก็ยืนขึ้นมา เขาไม่ได้จะไปเหรอ ทำไมอยู่ๆถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา
“เรื่องของสอนฉิง คุณจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ”เสี่ นอีเวยถาม
หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่คุณจะมาภูเขาจิ๋วเหมิง ผมบินไปที่
อเมริกามา พินัยกรรมของเซอวี่เจียงถูกเปิดแล้ว สุดท้ายเขาก็ ให้อภัยผม ผมกับสอันฉิงจึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
เงินอีเวยตกใจ พินัยกรรมถูกเปิดแล้ว ผู้ชายคนนี้จัดการ
เรื่องนี้ได้รวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ
“เงินหุ้ย” เสิ่นอีเวยยังคงอยากรู้ว่าตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน
เมื่อได้ยินหล่อนเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิง เคร่งเครียดขึ้นมา: “ต่อไป ผมจะไม่ให้คุณกับคนๆนี้เกี่ยวข้อง อะไรกันอีก คืนนั้นหลังจากจบงานเลี้ยง ผู้ชายที่เมามายคนนั้น ที่คุณเจอ เป็นคนที่เงินหุ้ยส่งมาทำร้ายคุณ
เงินอีเวยตะลึงอ้าปากค้าง “เป็นไปได้ยังไง
ระหว่างคุณกับเงินหุ้ยมีบุญคุณความแค้นที่ลึกซึ้ง คุณเอง ไม่คิดจะเอาเรื่องที่เขาทำกับพ่อแม่คุณ แต่เขากลับเอาความ แค้นที่มีต่อพ่อแม่คุณมาลงที่คุณแทน ผมสืบดูแล้วผู้ชายคนนั้น เป็นคนที่เงินหุ้ยส่งมา เรื่องนี้ผมไม่จำเป็นต้องโกหกคุณ
ในน้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงมีความหนักแน่นซ่อนอยู่ ใน ความคิดของเงินอีเวย หลายปีที่ผ่านมานี้สิ่งหล่อนที่เจอไม่ว่า จะเรื่องเล็กหรือใหญ่ ทำให้หล่อนรู้ว่าทำดีได้ดีประโยคนี้มันไม่ ได้จริงเสมอไป
สำหรับคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ประโยคที่ว่าทำดี ได้ดีคงจะไม่มีอยู่ในหัว สุดท้ายเงินอีเวยจึงรู้ว่าคนอย่างสอน นิ่งหรือเงินหุ้ย คนอย่างพวกเขาก็แค่คนที่เดินผ่านเข้ามา เท่านั้น
นั่นเป็นเพราะว่าหล่อนไม่มีทางทำชั่วเหมือนกับพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นเหตุเห็นพวกเขามีจุดยืนตรงข้ามกัน หล่อนยืนอยู่ ในด้านสว่างตลอด แต่พวกเขายืนอยู่ในเงามืด ทุกเวลาทุก วินาทีคอยแต่จะคิดว่าจะจัดการกับคนอื่นอย่างไรเพื่อที่ตนเอง จะได้รับผลประโยชน์
ตอนนี้ หล่อนเริ่มจะเชื่อเพิ่งเจ๋อเฉิงหมดหัวใจแล้ว ดังนั้นที่ เขาพูดว่า เขาไม่ได้โกหก แต่เมื่อหล่อนได้รู้ว่าผู้ชายที่เมาเหล้า แล้วมาทำร้ายหล่อนคนนั้นเป็นคนที่เป็นหุ้ยส่งมา หัวใจของเ นอีเวยก็ยากที่จะควบคุมความเจ็บปวดเอาไว้
แต่ว่าครั้งนี้ เธอไม่เลือกที่จะให้อภัยและไม่มีทางใจอ่อน อีกแล้ว
เพิ่งเจ๋อเฉิงมองนัยน์ตาของเสิ่นอีเวยที่มีความแค้นจางๆ พาดผ่าน จากนั้นจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ต่อไปนี้ มีผมอยู่ จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณได้แม้แต่น้อย
“คุณกับหานฉีเฟิงเป็นอะไรกัน พวกคุณสองคนรู้จักกันมา ก่อนใช่ไหม อยู่ๆเสิ่นอีเวยก็ถามขึ้น
เพิ่งเจ๋อเฉิงอึ้งไปเล็กน้อย ตอนแรกไม่ได้คิดจะบอกหล่อน เรื่องนี้ แต่ก็ตอบว่า “เคยพบกันเมื่อนานมาแล้ว”
เมื่อกี้ตอนนั่งรถมาหล่อนหลับตลอดทาง ดังนั้นจึงไม่รู้เลย ว่าระยะทางของรถจากที่หล่อนหนีออกมามันไกลแค่ไหน แต่ เมื่อมองจากสภาพแวดล้อมรอบๆตัวแล้ว ความรู้สึกเสิ่นอีเวย บอกหล่อนว่าพวกเขายังอยู่ในถิ่นของท่านฉัน
ยิ่งคิดถึงพวกผู้หญิงกับนักศึกษาสาวๆที่ยังอยู่ในมือของ พวกมัน เสิ่นอีเวยก็ใจสั่นรัว ในตาคู่นั้นเป็นประกาย : “หาน ฉีเฟิงต้องการช่วยคนพวกนั้น คุณช่วยเขาได้ไหม”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงกระตือรือร้นของหล่อน เขาก็ขมวดคิ้วสายตาคมกริบเยือกเย็นมองออกไป: “คุณกับหานนี้เพิ่งรู้จักกัน ยังไม่ถึงสัปดาห์ ในใจคุณเขาสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ
เสิ่นอีเวยชะงัก ต่อมาจึงรู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเริ่มหึงเธอเข้า
ให้แล้ว
จึงรีบอธิบายว่า “ไม่ใช่ ฉันก็แค่เป็นห่วงคนที่ถูกจับมา
เสิ่นอีเวยพบว่าหลังจากที่เธอพูดไปแล้วเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่มี ท่าทีอะไร วินาทีนั้นในใจหล่อนก็เข้าใจขึ้นมาทันที : “คุณรู้ว่า พวกของท่านฉินจับคนพวกนั้นมา
เพิ่งเจ๋อเฉิงหลุบตาลง พับแขนเสื้อของตนอย่างลวกๆแล้ว พูดว่า : “ท่านฉันเป็นคนแบบไหน ผมรู้ดี”
เสิ่นอีเวยเม้มปากไม่พูดอะไร จะว่าไป อำนาจบารมีของ ตระกูลเชิงนั้นก็ยิ่งใหญ่จนน่ากลัว เมื่อก่อนตอนที่ท่านผู้เฒ่าเพิ่ง ยังมีชีวิตอยู่ เส้นทางอำนาจและความสัมพันธ์ต่างๆ ก็ถูก ควบคุมอย่างแน่นหนา ต่อมาเมื่อเพิ่งเจ๋อเฉิงมารับช่วงต่อที่ บริษัทเชิงซื่อ และท่านผู้เฒ่าเพิ่งเสียชีวิต อำนาจและความ สัมพันธ์เหล่านี้ก็ต้องตกไปอยู่ในความครอบครองของเพิ่งเจอ เฉิงต่อไปอย่างอัตโนมัติ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ