นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่453คุณอย่าก่อเรื่อง ให้ผมอีก



บทที่453คุณอย่าก่อเรื่อง ให้ผมอีก

บทที่ 453 คุณอย่าก่อเรื่อง ให้ผมอีก

ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอคนหนึ่งกล้าที่จะพูดเรื่องฆ่าคนออกมาได้ นับว่าเขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ

เงินอีเวยนั่งเงียบๆอยู่บนเตียงอยู่สักพักจนเธออาการดี ขึ้นมานิดหนึ่ง เธอถึงได้ค่อยๆเบนสายตาไปยังบริเวณใบหน้า ของหานนี้เพิ่งแทนพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ทำไมคุณต้องฆ่าพวก เขาด้วย?”

มือของหานนี้เพิ่งที่กำลังติดกระดุมแขนเสื้อยู่ถึงกับหยุด นิ่งทันที เขาเงยหน้าจ้องตาเสิ่นอีเวยแทน : “ทำไมฉันต้องฆ่า พวกมัน? เมื่อกี้นี้ตัวเธอเองก็พูดออกมาแล้วไม่ใช่หรือไง ว่า หากเธอมีมีดอยู่ในมือ เธอก็ต้องฆ่าพวกมัน แล้วทำไมต้องมา ผมกลับอีกล่ะ?”

“สองคนนั้นมันทำร้ายฉัน ฉันเลยมีเหตุผลที่จะฆ่าพวกมัน แต่คุณล่ะทำไมกัน? ที่จริงคุณก็สามารถควบคุมตัวมันไว้ได้ ทําไมจะต้องฆ่าคนด้วย?” น้ำเสียงเสิ่นอีเวยช่างเยือกเย็น

เอาเข้าจริงเธอก็ไม่ใช่คนที่จิตใจบริสุทธิ์มากมายอะไร อีก อย่างเธอกับหานฉีเฟิงก็เจอหน้ากันแค่อาทิตย์เดียว ถึงแม้ว่า คนๆนี้จะให้ความรู้สึกว่าไม่เหมือนคนอื่นก็ตาม แต่เธอเองกับคนๆนี้ก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์หรือความรู้สึกที่สนิทชิดเชื้อเลย

ชีวิตคนสองคนนี้ หานเพิ่งแก้แค้นแทนเธอ เงินอีเวยรู้สึก หนักใจเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขานั้น มันยังไปไม่ ถึงขั้นนั้นเลย

หานนี้เพิ่งจับจ้องดวงตาของเงินอีเวยเอาไว้แต่ไม่ได้พูด อะไรออกมา

เรื่องที่อยู่ในใจเสิ่นอีเวยมันมากมายนัก ยิ่งเรื่องไม่ ชั่วโมงก่อนหน้าที่ทำให้เธอตกใจนั่นด้วย ฉะนั้นในตอนนี้ อากัปกิริยาของเธอค่อนข้างดูแย่มาก การที่เธอตื่นขึ้นมาก็ พบศพสองศพมันยิ่งทำให้อาการแย่หนักกว่าเดิมอีก

“ตอบคำถามฉันมา คุณไม่ได้ยินหรอ?” เสิ่นอีเวยถามอีก ครั้ง น้ำเสียงที่พูดมันนั้นพยายามบีบให้เขาตอบ

หานฉีเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ส่วนสายตานั้นกลับเป็นเป็น ดุดันและอันตรายขึ้นมาทันที เขาลุกขั้นแล้วเดินสาวเท้าไปทาง เสิ่นอีเวยทันที เสิ่นอีเวยที่ยังไม่ได้สตินั้น ก็ถูกฝ่ามือของเขาจับ บริเวณหัวไหล่ไว้แน่น ลมหายใจหานฉีเฟิงพ่นลดปลายจมูก ของเธอ

ณ วินาทีนั้นเอง เสิ่นอีเวยเงยหน้าจ้องมองหานฉีเฟิงด้วย ดวงตาแน่วแน่มุ่งมั่น ซึ่งเป็นอาการเช่นเดียวกับหานฉีเฟิงที่ มองเธอแบบนั้นเช่นกัน

เสียงเขาอยู่ใกล้บริเวณหู ลมหายใจอุ่นๆ ปานรอกินเลือดกินเนื้อพ่นรดบนใบหน้าของเธอ “ฉันขอเตือนเธอไว้เลย หาก เธอกล้าพูดมาอีกสักประโยค ฉันไม่อาจรับประกันได้ว่าฉันจะ ทําอะไรเธอบ้าง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากันนั้น เสิ่นอีเวยรับรู้ทันทีว่าผู้ชาย คนนี้ไม่ธรรมดา แต่อากัปกิริยาที่เกิดขึ้นต่อหน้านี้ เธอเพิ่งเคย เห็นหานฉีเฟิงเป็นแบบนี้ครั้งแรก

สายตาโหดร้าย ลักษณะเหมือนสติสัมปชัญญะหลุดลอย ไป จนท้ายที่สุดเสิ่นอีเวยก็ไม่พูดอะไรออกมา

ทั้งสองต่างยืนเกร็งกันอยู่สักพัก หานเพิ่งค่อยๆปล่อยหัว

ไหล่เสิ่นอีเวยลง: “ฉันขอใช้คำพูดเดิม เชื่อฟังกันหน่อย อย่า

หาเรื่องให้ตัวเอง อย่าก่อเรื่องให้ผม หากเงินอีเวยไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบละก็

เธอก็คงสวนกลับไปแล้ว

หานฉีเฟิงลุกขึ้นเพื่อเตรียมจะออกไปข้างนอกห้องอีกครั้ง เสิ่นอีเวยที่อยู่ด้านหลังเรียกเขาเอาไว้ “คุณจะออกไปไหน?

ตอนที่เขาหันกลับมานั้น ใบหน้าของเขาไม่เย็นชาและน่า กลัวเหมือนเมื่อครู่แล้วแต่สีหน้าเปลี่ยนมาเป็นดูสบายๆแทน มุมปากของเขากระดกขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มดูร้ายนิดๆขึ้นมา แทน เขาจ้องมองเสิ่นอีเวยแล้วถามกลับ: “ทำไม? กลัวว่าฉันจะ ไปแล้วไม่สนใจคุณหรอ?”

เสิ่นอีเวยไม่ใส่ใจกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับการหยอกล้อเช่นนี้ ได้แต่ใช้คางไปที่ศพสองศพที่นอนอยู่กับพื้น “คุณคิด ว่าจะให้พวกเขาอยู่ที่นั่งั้นหรอ?”

หานฉีเฟิงหัวเราะเบาๆแล้วตอบขึ้นมา : “ใช่สิ ก็คุณอยู่ที่นี่ คนเดียวนี้ ผมเห็นว่าคุณออกจะเหงาก็เลยให้พวกเขาอยู่เป็น เพื่อนกับคุณเนี่ยแหละ”

เสิ่นอีเวย: ……. คุณประสาทแดกไปแล้วปะเนี่ย

หานฉีเฟิงถึงกับหัวเราะออกมาแทน ก่อนที่จะออกจากห้อง ไปเขาสั่งกำชับด้วย “สถานที่แห่งนี้พอตกกลางคืนอากาศจะ ลดลงมาก ในห้องนี้ก็ไม่มีเครื่องปรับอากาศ แถมไม่มีผ้าห่ม เหลือให้คนอื่น หากคุณรู้สึกว่ามันหนาวก็ลุกขึ้นมากระโดด ท่าทากบกับพื้นสักหลายๆรอบหน่อย

เสิ่นอีเวยถึงกับหมดคำพูด บนพื้นมีศพนอนอยู่สองศพเขา จะให้เธอมากระโดดเหมือนกับหลายๆรอบงั้นหรอ? ตัวเขาเอง ทําเรื่องแบบนี้ได้ด้วย?

เสิ่นอีเวยเห็นหานนี้เพิ่งกำลังจะเดินมุ่งหน้าไปทางประตู

ในใจเธอมันรู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่าขึ้นมาทันที เธอคิดเรื่อง หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ทั้งหมดขึ้นมา ใจเธอย่อมตกไปอยู่ห้วง เหวลึกทันที

“หานฉีเฟิง!” เธอยอมเรียกเขาไว้อย่างร้อนรน หานฉีเฟิงยอมหันกลับมาจ้องหล่อนเหมือนเดิม สายตาของเสิ่นอีเวยนั้นแสดงอาการเรียกร้องอย่างชัดเจน: “อย่าล็อกประตูจากด้านนอกอีกเลย อย่าให้กุญแจกับ ใครอีก คุณเลือกเอาว่าจะเอากุญแจมาให้ฉันหรือคุณจะเอา กุญแจติดตัวไว้เองก็ได้

หานนี้เพิ่งอึ้งอยู่สักพัก เขาใช้น้ำเสียงทุ้มพราถามเธอ กลับ: “ทําไม?”

เงินอีเวยย้อนกลับไปคิดเรื่องเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ ที่สองคนนั้นเปิดประตูเข้ามาในห้องนี้ หัวใจของเธอเต้นจนเจ็บ ปวดเป็นระยะ

“เพราะฉันไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปฝากไว้กับมือคนอื่น

อีก” เธอพูดเน้นทีละคำ เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้หากไม่มีข้อยุติที่ สามารถพูดคุยกันได้ หานเพิ่งไม่ยอมตกลงข้อเสนอของเธอ เธอก็ยังยืนหยัดให้ถึงที่สุด สักพัก เขาถามเธอออกมาหนึ่งคำถาม: “อ้าว แล้วผม

ไม่ใช่คนอื่นหรอ?”

เสิ่นอีเวยจ้องตาเขากลับ เธอนิ่งอยู่แวบเดียวก็ตอบกลับ มา : “อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้ทำร้ายฉัน เรื่องนี้ฉันมั่นใจ

หานนี้เพิ่งมองตาเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร ท้ายสุดเขาก็เอา กุญแจเก็บไว้ที่ตัวเอง: “ได้ กุญแจผมเป็นคนถือเอาไว้ หูจอกับ อาปืนเป็นคนคอยส่งข้าวส่งน้ำให้กับคนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ ดัง นั้นพวกเขาเลยมีกุญแจของทุกห้อง แต่ว่ากุญแจห้องนี้ผมยึด เอาไว้แล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง
อีกเรื่องหนึ่ง กุญแจเอาไว้ที่ตัวผมเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน หากมีเรื่องที่นอกเหนือจากนี้เกิดขึ้น ผมจะเป็นคนมาช่วยคุณ ทันที

เสิ่นอีเวยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหานฉีเฟิงพูดจริงหรือว่าเท็จ แต่ใน ใจลึกๆเธอเลือกที่จะเชื่อใจผู้ชายคนนี้

“ตกลง”

“เอ่อ วันนี้ตอนบ่ายที่ผมเข้ามาช่วยคุณตอนนั้น ผมได้ยิน คุณเรียกชื่อผู้ชายคนนั้น” จนแล้วจนรอดหานฉีเฟิงก็ยอมเปิด ปากพูด

หัวใจเสิ่นอีเวยถึงกลับเครียดขึ้นมาทันที “ใคร?”

น้ำเสียงของหานฉีเฟิงดูไม่ออกเลยว่าอารมณ์เขามาไม้ ไหน: “ผู้ชายคนที่มาตามหาคนเมื่อสามวันก่อนไง แซ่โม่นั่น

เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าเขาหมายถึงเพิ่งเจ๋อเฉิง แต่เธอกลับไม่เคย คิดเลยว่าตัวเองจะกล้าเพ้อชื่อเขาในยามคับขันเช่นนั้นได้

หลังจากหานฉีเฟิงออกจากห้องไปแล้ว ในห้องก็เหลือเธอ เพียงคนเดียวแล้วก็ศพที่นอนอยู่ที่พื้นสองศพ หานเฟิงไม่ได้ เอาศพออกไปจากห้อง บางทีเขาอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องไป จัดการถึงได้ไม่คิดจะให้ใครคนอื่นมาเห็นศพในเวลานี้

ในใจเสิ่นอีเวยไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด เธอแค่รู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้ช่างอนาถหนัก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องมา ติดแหง็กที่นี่อีกนานเท่าไหร่…
ดวงไฟในห้องก็ไม่ได้ปิดมันเลยส่องแสงสว่าง เสิ่นอีเวย รู้สึกว่าบรรยากาศช่างเงียบงันซะเหลือเกิน เธอนั่งกอดขาทั้ง สองข้างเอาไว้ แล้วใช้คางพากบนหัวเข่า เธอเอาแต่จดจ้อง ผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดบนเตียง

หานฉีเฟิงลงมือได้อย่างร้ายกาจมาก ในห้องมีกลิ่นคาว เลือดเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงเลย ใน เวลานั้น สมองของเธอกลับมีแต่ชื่อชื่อหนึ่งตราตรึงไว้เต็มไป หมด

คนเรามักเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ? ในยามค่ำคืนที่เงียบงัน มักคิดถึงคนที่ตนเองรักแต่เขากลับไม่รักตอบอยู่บ่อยครั้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ