นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่408 ใช้ปัญญาและความกล้าต่อสู้ กับพวกปากแร้งปากกา



บทที่408 ใช้ปัญญาและความกล้าต่อสู้ กับพวกปากแร้งปากกา

บทที่ 408 ใช้ปัญญาและความกล้าต่อสู้กับพวกปากแร้ง ปากกา

ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยหายใจถี่ กำปั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขน เสื้อกำแน่น แน่นเสียจนเล็บแทบจะเจาะไปที่ฝ่ามือ

“นี่ พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันก็นึกขึ้นมาได้ เรื่องนั้นเธอ คงเป็นคนวางแผนเองล่ะท่า? ตอนแรกคงอยากจะจัดการกับ พี่สาวตัวเอง แต่สุดท้ายตัวเองก็พลาดท่าเสียทีไปด้วย นี่แหละ ที่ใครเขาพูดว่าเวรกรรมตามทันในชาตินี้หน่ะ……

คำพูดเสียดสีไหลมาเป็นระลอกเข้าหูของเสิ่นอีเวย มี คนในบริษัทยืนอยู่ข้างๆ มีทั้งเพื่อนร่วมงานคนเก่าและคนที่พึ่ง เข้ามาใหม่ เธอสังเกตเห็นแววตาสับสนของพวกเขาที่เพ่งมอง มาที่เธอ

“หลอกล่อผู้ชายของพี่สาวตัวเอง แล้วยังจะทำเรื่องแบบนี้ อีก ในโลกนี้คงไม่มีใครจิตใจหยาบช้าเท่าเธออีกแล้วล่ะมั้ง?”

พูดตามจริง เสิ่นอีเวยไม่อยากจะอธิบายอะไรทั้งสิ้นใน ตอนนี้ เธอแค่ต้องการปิดปากผู้หญิงปากยาวพวกนี้ก่อนเท่านั้น เสิ่นอีเวยแย้มมุมปาก เหมือนจะยิ้ม จากนั้นเธอเดินไปหาผู้หญิงคนที่พูดประโยคเมื่อสักครู่จบ แล้วกระชากคอเสื้อของ หล่อนขึ้นมาแล้วพูดเสียงแข็งว่า “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉัน ทําอะไร ไหน ลองอธิบายให้ฉันฟังหน่อยสิ ”

อาจเป็นเพราะน้ำเสียงเย็นเฉียบของเสิ่นอีเวย ทำให้ฝ่าย ตรงข้ามรับรู้ถึงความน่ากลัว ดังนั้นแววตาของฝ่ายที่ถูก กระชากคอเสื้อเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตัวหล่อนสั่นเทา “เธอ เธอจะทำอะไร?”

คนที่อยู่ในที่นั้น เมื่อก่อนล้วนรู้จักเงินหุ้ย และสหรูชิน ส่วนเสิ่นอีเวยที่พวกหล่อนเคยรู้จักเป็นคนนิสัยอ่อนโยน ไม่มี ทางที่จะใช้กำลังข่มขู่เด็ดขาด

แต่ตอนนี้ เสิ่นอีเวยที่พวกหล่อนเห็นเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างสิ้นเชิง

คนในกลุ่มของหล่อนมีอยู่คนหนึ่งที่กล้ากว่าคนอื่น อยาก จะช่วยคนที่ถูกเสิ่นอีเวยกระชากคอเสื้ออยู่ ก่อนที่อีกฝ่ายนั้นจะ ปริปากพูด เสิ่นอีเวยก็หันไปพูดกับคนในบริษัทว่า: “เข้าห้อง กันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง

ปกติตอนที่เสิ่นอีเวยอยู่ในบริษัท เธอเป็นคนที่มีความ สามารถและมีแต่คนเชื่อฟัง ดังนั้นเมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ก็ ทำตามอย่างเคร่งครัด

“เสิ่นอีเวย ที่จริงแม้ว่าเธอจะผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา ก็ ไม่ควรทำตัวตกต่ำแบบนี้ ถ้าลำบากอะไรก็มาขอความช่วยเหลือจากพวกเราสิ เห็นแก่หน้าของพี่สาวเธอ ยังไงเราก็ต้อง ช่วย

ทันทีที่ประโยคนี้พูดออกมา ก็มีคนพูดเสริมขึ้นมาทันที “ก็ใช่นะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีงานทำหรือเปล่า ถ้าไม่มี ฉัน แนะนำให้ได้นะ บ้านฉันเส้นสายเยอะ

โถงทางเดินนั้นก็ครึกครื้นขึ้นมาทันใด คนอื่น ๆ ก็เริ่มพูด กระแหนะกระแหนแสแสร้งทำเป็นอยากช่วยนั้นช่วยนี่ ผู้หญิงที่ ถูกกระชากคอเสื้อเห็นคนอื่นพูดข่มเงินอีเวย ก็เริ่มไม่กลัวเลย แสดงแววตายั่วยุเธอ

เสียงพูดของพวกหล่อนดังลั่น ประกอบกับสิ่งที่พวกหล่อน กำลังทำอยู่ ทำให้ได้รับความสนใจจากคนที่เดินผ่านไปผ่าน มา คนทั่วไปก็เริ่มรุมล้อมเข้ามากขึ้นเพื่อรอดูเสิ่นอีเวยขายหน้า

ครู่หนึ่ง เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนเธอย้อนกลับไปเมื่อเจ็ดปี ก่อน หลังจากที่เธอและเงินหุ้ยเกิดเรื่อง เป็นข่าวโด่งดังและ เธอโดนทุกคนประณามถูกยัดเยียดว่าเป็นนางอสรพิษ

ในหัวความคิดวุ่นวายสับสน รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด จนแทบอยากอาเจียน

เรื่องนี้มันก็ผ่านมานานมากแล้ว ตอนแรกเสิ่นอีเวยคิดว่า เธอน่าจะปล่อยวางเรื่องนี้ได้แล้ว แต่พอวันนี้มาได้ยินคำพูดเลว ร้ายเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมา เธอถึงรู้ว่าเธอไม่สามารถควบคุม อารมณ์ที่รู้สึกแย่และคับแค้นใจไว้ได้เลย
เงินอีเวยยิ้มเยาะอย่างแข็งกร้าว มือที่กระชากคอเสื้อของ ผู้หญิงคนนั้นยังคงกำไว้แน่น เธอขยับเข้าใกล้หล่อนอีกก้าว หนึ่ง แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า : “คนอย่างพวกเธอหน่ะเหรอ ที่อยากแนะนำงาน ให้ฉันทำ? ฉันไม่รู้เลยว่า พวกที่ทำตัว เหมือนกาฝากดีแต่ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆอย่างพวกเธอ จะมี ปัญญาอะไรมาแนะนำงานให้ฉัน? ฉันว่าพวกเธอเช็ดก้นของ ตัวเองให้สะอาดก่อนแล้วค่อยมีหน้ามาพูดจะดีกว่ามั้ง! ”

คำพูดเหล่านี้ถึงแม้จะหยาบคายไม่น่าฟัง แต่ตอนที่เสี่ นอีเวยพูดทีละคำ ๆ ออกมานั้น เธอก็รู้สึกสะใจสุดๆ ยิ่งเห็น หน้าถอดสีของคนที่พูดเมื่อสักครู่ เสิ่นอีเวยก็ยิ่งสะใจเข้าไป ใหญ่

พวกหล่อนเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ การที่ถูกคนดูถูก แบบนี้จะอดทนได้ยังไงกัน? คนที่เพิ่งโดนตอกหน้าหงายฟัง แล้วรู้สึกอารมณ์ขึ้น รีบแก้ต่างขึ้นมาทันที “เธอพูดเรื่องบ้าบอ อะไรกัน? ที่จริงตอนนี้ชีวิตเธอก็แย่อยู่ไม่ใช่เหรอ … ”

พอถึงตอนนี้ คนที่รวมกันอยู่ที่โถงทางเดินทั้งหมดก็เงียบ สงบอย่างประหลาด

เงินอีเวยหันหลังให้ทางเดิน เธอจึงไม่รู้สถานการณ์ด้าน หลังของเธอ รออยู่นานไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นพูดต่อให้จบ ประโยค ส่วนผู้หญิงที่เธอกระชากคอเสื้ออยู่มองไปที่ด้านหลัง ของเธอด้วยสายตาหวาดกลัวผสมกับความประหลาดใจ

เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายทำท่าน่าขันจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและเย็นชา “ทำไมไม่พูดต่อล่ะ? เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

แต่ทุกคนก็ยังเงียบเหมือนเดิม เสิ่นอีเวยถึงรู้สึกว่าเริ่มผิด

ปกติ

เธอหันหน้าไปมองด้านหลัง ถึงรู้เหตุผลว่าทำไมคนที่ล้อม เธออยู่ที่โถงทางเดินถึงได้เงียบขึ้นมาเฉยๆ มือที่กระชากคอ เสื้อของผู้หญิงคนนั้นค่อยๆคลายลง

เงินอีเวยไม่รู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงมาปรากฏตัวที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร และแน่นอนว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ชายหนุ่ม ก้าวขายาวๆของเขาไปข้างหน้า ไม่กี่ก้าวก็ไปยืนอยู่ข้างหน้า เธอ ร่างกายของเขาแผ่รังสีอำมหิต และท่าทางที่น่าเกรงขาม ของเขาทำให้คนที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นยำเกรงเขาขึ้นมาทันที

เสิ่นอีเวยหายใจเข้าลึกๆ พยายามบังคับตัวเองให้สงบจิต สงบใจลง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด วินาทีแรกที่เธอเห็น ผู้ชายคนนั้น ใจเธอก็ไม่สามารถสงบลงได้

เซิ่งเจ๋อเฉิงสวมสูทสีเทาเข้ม

ความรู้สึกหรูหรามีรสนิยม

กระดุมข้อมือสีดำทอง

ให้

ร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่ หลังตั้งตรงเหมือนกับต้นไม้ สีหน้าเย็นชา ริมฝีปากเม้มแน่น จนเกือบจะเป็นเส้นตรง เสี่ นอีเวยรู้ว่าท่าทางแบบนี้แสดงว่า เพิ่งเจ๋อเฉิงกำลังโกรธจัด

เพิ่งเจ๋อเฉิงก้าวไปยืนตรงหน้าเป็นอีเวยนิ่งครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็คล้องเอวของเสิ่นอีเวยเข้าหาตัว แต่เขาออกแรงมากไป นิดหนึ่ง ทำให้เป็นอีเวยที่สวมรองเท้าส้นสูงยืนไม่อยู่เซถลา เข้าไปในอ้อมอกของเขาพอดี

กลิ่นตัวเขายังเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ประจำที่คุ้นเคย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เมื่อเธอได้กลิ่นน้ำหอมนี้แล้ว ทำให้ อารมณ์ที่โกรธเกรี้ยวของเสิ่นอีเวยสงบลงได้

ชาตินี้เสิ่นอีเวยคงไม่ลืมท่าทางคล้องเอวเธอของเขาเป็น แน่ เวลาที่เขาต้องการให้ใครเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาก็ – มักจะใช้การกระทำแบบนี้เสมอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ