บทที่406คิดผิดไปเองชั่วขณะ
บทที่ 406 คิดผิดไปเองชั่วขณะ
ที่โรงพยาบาลกว่าเงินอีเวยจะตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาสอง ทุ่มกว่าไปแล้ว
ปลายจมูกได้กลิ่นยารุนแรงมาก เป็นกลิ่นที่มีเฉพาะใน
โรงพยาบาลเท่านั้น
อันที่จริงแล้วหล่อนก็ยังไม่ได้สติเสียทีเดียว ศีรษะยังปวด
อยู่มาก มึนๆงงๆ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตนเองหลับไปนานมาก ช่วง เวลาที่หลับอยู่นั้นเหมือนมีคนป้อนน้ำดื่มให้หล่อน ต่อมาก็ป้อน ยา ยาขมมาก หล่อนจึงคายออกมาอย่างไม่เกรงใจ
เสิ่นอีเวยกลัวรสขมมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่ ยังไม่ได้ตื่นเต็มที่ แต่หล่อนก็สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าสิ่ง ไหนที่หล่อนชอบกิน สิ่งไหนที่หล่อนไม่อยากกิน
แต่คนที่ป้อนยาให้ตนเองนั้นกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายที่ป้อน ยาหล่อนเข้าไปอีก ยาที่ถูกคายทิ้งไปก็ถูกเขาป้อนอันใหม่มา
อีก
บวกกับสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว ในความฝัน เสิ่นอีเวยร้องไห้โฮออกมา แต่ก็มีเสียงหนึ่งคอยปลอบประโลม หล่อนอยู่ คอยปลอบใจและดึงหล่อนเข้าไปในอ้อมกอด
“เซ็ง…เจ๋อเฉิง “เสิ่นอีเวยหลับตาแน่น แต่ปากกลับไม่
หยุดพร่ำเพ้อเรียกชื่อนี้ออกมา
คนที่ถูกเรียกชื่ออึ้งไปเล็กน้อย วินาทีต่อมาก็ยื่นมือมาจับ ใบหน้าเล็กของเสิ่นอีเวยแล้วจูบลงบนหน้าผากของหล่อน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ หลังจากที่เสิ่นอีเวยตื่นกลับไม่ เหลือความทรงจำเหล่านี้อยู่เลย แม้แต่ถูกส่งกลับบ้านมา อย่างไร หล่อนยังจำไม่ค่อยได้
ตอนที่ตื่นจากที่นอนของตัวเอง เสิ่นอีเวยเห็นโพสต์อิท แผ่นหนึ่งวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงเมื่อหยิบมาดูก็รู้โดยทันทีที่เห็นว่า คือลายมือของเซิ่งเจ๋อเฉิง
เขียนว่า ตู้เย็นในบ้านคุณสะอาดกว่าหน้าอีก ผมออกไป ซื้ออาหารเช้า อีกสิบนาทีกลับมา ถ้าคุณตื่นแล้วก็ดื่มน้ำอุ่นแก้ว ที่อยู่ข้างๆนั้นด้วย
โพสต์อิทไม่ได้ลงชื่อไว้ แต่หล่อนรู้ว่าเป็นเขา
มีความรู้สึกอบอุ่นไหลผ่านในใจ เสิ่นอีเวยวางโพสต์อิท ในมือลง หันกลับไปมอง มีแก้วน้ำวางอยู่ตรงนั้นจริงๆ อุณหภูมิกำลังพอดี หล่อนหยิบมาดื่ม ตอนที่น้ำอุ่นไหลผ่านลำ คอ รู้สึกแสบร้อนนิดหน่อย ความรู้สึกไม่สบายตัวเห็ดชัดว่า ทุเลาลงไปเยอะแล้ว
เสิ่นอีเวยนั่งเหม่ออยู่บนเตียงพักหนึ่ง รอจนเพิ่งเจ๋อเฉิงก ลับมา จึงนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ตัวเองป่วยนอนโรงพยาบาลหนึ่งวันนั้นไม่ได้ไปทํางาน ยังไม่ได้รายงานAlexเลย
หล่อนยื่นมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าที่วางอยู่
ข้างๆ กำลังจะโทรหาเจ้านาย กลับพบว่าข้อความที่มีจุดสีแดง สว่างยังไม่ได้อ่านจึงกดเข้าไป เป็นของ Alexส่งมา ท่าน ประธานเชิงลางาน ให้คุณแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง รักษาตัวที่บ้าน ให้ดี ขอให้หายเป็นปกติเร็วๆ
ด้านหลังประโยคนี้ยังมีวงเล็บอีก ด้านในเขียนว่า มาที่ บริษัทแล้วมาเล่าเรื่องของเธอกับเขาให้ฉันฟังด้วยนะ
เห็นประโยคนี้เสิ่นอีเวยถึงกับพูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้น5นาทีเพิ่งเจ๋อเฉิงก็กลับมา พร้อมกับเสี่ยวหลง เปาสองชุด แล้วก็ยังมีโจ๊กฟักทอง ล้วนแต่เป็นของที่เสิ่นอีเวย ชอบกินทั้งนั้น
“ลุกขึ้นมาทานอาหารเช้า”เสียงของชายหนุ่มเย็นชา
เหมือนมีอะไรในใจ
เสิ่นอีเวยเหมือนจะสัมผัสได้ ตอนที่ใช้ตะเกียบคีบเสี่ยว
หลงเปาขึ้นมา เบิกตาถามเพิ่งเจ๋อเฉิงว่า “คุณเป็นอะไร”
เพิ่งเจ๋อเฉิงกินโจ๊กฟักทองไปหนึ่งคำ ตาเหลือบไปมอง หล่อน : “คุณทำผิดอะไรไว้ไม่รู้ตัวรึไง”
เงินอีเวยชะงัก : “ฉันไปทำผิดเรื่องอะไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงวางตะเกียบในมือลง มองหล่อนอย่างจริงจัง น้ำเสียงมีความจริงเช่นกัน “เป็นไข้สูงตั้ง39 องศาฯ ทำไมไม่โทรหาผม คุณคิดว่าสมองของคุณยังโง่ไม่พออีกเหรอ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีให้มีไข้เพิ่มขึ้นมาอีก
เสิ่นอีเวย
คุณชาย ฉันเป็นคนป่วยนะ เพิ่งจะตื่นขึ้นมาคุณก็มาเล่น งานฉันแบบนี้ จะดีจริงเหรอ เสิ่นอีเวยโวยวายอยู่ในใจ
เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเห็นท่าทางหล่อนก็รู้ว่าต้องแอบด่าเขาอยู่ ในใจ จึงเตือนด้วนความหวังดีว่า “อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ ต้องเก็บไว้ในใจ”
เสิ่นอีเวยมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรต่างคนต่างกัน เสี่ยวหลงเปา
“เสิ่นอีเวย ตอบคำถามผมนะ ทำไมไม่โทรหาผม” เพิ่ง
เจ๋อเฉิงถามอีกครั้ง เหมือนกับว่าถ้าไม่ได้รับคำตอบก็จะไม่หยุด
เงินอีเวยก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งหายป่วยหรือ เปล่า สติสตังกับปฏิกิริยาในการโต้ตอบของหล่อนจึงยังไม่ กลับมาเหมือนปกติ เมื่อเจอคำถามของเพิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนจึง คิดหาคำตอบที่เหมาะสมมาให้อีกฝ่ายไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น
สุดท้ายจึงได้แต่ตอบไปตามความจริง : “ฉันไม่อยาก รบกวนคุณ”
เพิ่งเจ๋อเฉิงชะงักสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “คุณพูดอีกที”
“ฉันไม่อยากรบกวนคุณ” ครั้
ครั้งนี้เสียงของเสิ่นอีเวยดังกว่า
เมื่อครู่
“ทำไมถึงไม่อยากรบกวนผม”
เสิ่นอีเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรผิดปกติกับความรู้สึกของตัวเอง หรือไม่ หล่อนรู้สึกว่าประโยค ทำไมถึงไม่อยากรบกวนผม ของเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นมีความซาดิสม์แฝงอยู่
เสิ่นอีเวยอึ้งอยู่พักใหญ่คิดคำพูดอะไรไม่ออก จึงพูด ประโยคหนึ่งออกมา “คุณเชิง ขอถามหน่อยคุณเป็นพวกมา โซคิสม์ชอบความเจ็บปวดเหรอ”
เพิ่งเจ๋อเฉิงคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะกล้าถามออกมาตรงๆแบบ นี้ สีหน้าเขาคล้ำลงทันที แต่ท่านประธานเชิงยังไงก็คือท่าน ประธานเชิง เรื่องแบบนี้เขาจะแพ้ให้กับคนกระจอกๆอย่างเสี นอีเวยได้อย่างไร
เพิ่งเจ๋อเฉิงวางของในมือลง ทิ้งตัวลงไปที่พนักพิงของ เก้าอี้แล้วพูดว่า ” มาโซคิสม์เหรอ คุณเองก็รู้จักคำนี้ ทำไม อยากลองเล่นอะไรสนุกบ้างดูมั้ยล่ะ”
“ตึก ตึก”เสียงหัวใจของเงินอีเวยดัง รู้ความหมายที่เพิ่ง เจ๋อเฉิงพูดทุกเซลล์ทั่วร่างกายต่างปฏิเสธ: “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉัน ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด…”
“ถ้าไม่ใช่คุณก็กินข้าวซะ”หลังจากพูดประโยคนี้แล้วเพิ่ง เจ๋อเฉิงก็ไม่มองเสิ่นอีเวยอีกเลย
หลังจากทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จ เพิ่งเจ๋อเฉิงถูกแขน เสื้อเชิ้ตของตัวเองขึ้นเตรียมเก็บจานชาม แขนของเขาอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำที่ตัดเย็บอย่างดี ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่
แข็งแรง
การมองดูรูปร่างสูงโปร่งของเขา เรียกว่าก็คือนายแบบ
ดีๆนี่เอง เสิ่นอีเวยรำพึงในใจ
หลังจากรำพึงรำพันเสร็จ ก็มีผู้หญิงบางคนเริ่มไม่พอใจ
เสิ่นอีเวยตกลงเธอจะรักษาหน้าตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย อย่า เอาประเด็นไปไว้ที่หน้าคนอื่นได้มั้ย เขาก็ไม่ใช่ของเธอแล้ว
“คุณดูพอรึยัง” เพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ๆก็โพล่งขึ้นมา
เสิ่นอีเวยตกใจจนสะดุ้ง รีบเก็บสายตาตนเอง
หล่อนลุกจากเตียงแล้วเปลี่ยนชุดที่จะใส่ออกจากบ้านวันนี้ ถอยไปด้านข้างมองเชิงเจ๋อเฉิงที่กำลังเก็บของอย่างมีระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอน อยู่ๆ ในใจเกิดความรู้สึกโหยหาเสียดายขึ้นมา
เพราะว่าวินาทีนั้นเสิ่นอีเวยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายระหว่าง สามีภรรยา
ที่ไม่เหมือนกันก็คือ ตอนนี้ระหว่างหล่อนและเพิ่งเจ๋อเฉิง ไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว ดังนั้นกลิ่นอายแห่งความสุข อาจจะ เป็นเพราะตัวหล่อนคิดผิดไปเองก็เป็นได้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ