บทที่388เขาดูดเลือดที่แผลของเธอ
บทที่ 388 เขาดูดเลือดที่แผลของเธอ
ในใจเสนอเวยหวนนึกถึงวิธีการทําข้าวอบซี่โครงหมู พลางนึกถึงครั้งนั้นที่เธอทำอาหารนี้เป็นครั้งแรกด้วย
ครั้งนั้นเธอก็ทำให้เพิ่งเจ๋อเฉิงกิน ในตอนนั้นเธอยังอาศัย อยู่ที่บ้านตระกูลเชิง สถานการณ์ในวันนั้นกับวันนี้มันช่าง คล้ายคลึงกันอยู่ สิ่งที่เหมือนๆกันในวันนั้นและวันนี้ก็คือเขาไม่ สนใจอะไรเลยเอาแต่เอะอะให้เธอทำข้าวอบซี่โครงหมูให้เขา กินให้ได้
ในวันนั้นเธอยอมจำนนให้เขา วันนี้เธอก็ยอมทำให้เขา
เหมือนกัน
แล้วทำไมตัวเองถึงไม่ยอมปฏิเสธเขาไปล่ะ? หรือเหตุผล น่าจะมาจากก้นบึงที่ลึกที่สุดของหัวใจของตัวเองไม่ยอมปล่อย วางความทรงจําที่ดีแบบนั้นมั้ง?
เงินอีเวยถึงกลับถอนหายใจอยู่ในใจ มือที่กำลังทำ กับข้าวอยู่ยิ่งวุ่นวายกับการทำอาหารมากขึ้น เธอไม่ได้ทำ อาหารแบบนี้มานานแล้วแต่ว่าการทำอาหารชนิดนี้กลับคุ้นเคย เหมือนวันวานที่เคยทำ
วัตถุดิบในการทำข้าวอบซี่โครงหมูทุกอย่างถูกจัดใส่ในหม้อเรียบร้อย หลังจากที่เงินอีเวยปรุงรสเรียบร้อยเธอก็ยืน มองอาหารอยู่ด้านข้าง
หลังจากปรุงรสเสร็จ ข้าวอบซี่โครงหมูอย่างเดียว เหมือนจะธรรมดาไปหน่อย เส้นวยคิดแล้วคิดอีก จนถึง
ขนาดเปิดตู้เย็นแล้วหยิบวัตถุดิบทุกอย่างที่คิดว่าน่าจะเอามา ทำกับข้าวได้ออกมาทั้งหมด
โดยปกติแล้วเธอจะทํางานตลอด ส่วนเหมือนเหมือนก็ไม่ ค่อยอยู่บ้านสักเท่าไหร่ การซื้อผักแต่ละครั้งนั้นไม่จำเป็นต้อง ซื้อเยอะ วัตถุดิบที่สำคัญไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเยอะแต่ดูกันที่ ความสดใหม่เสมอ
เมื่อก่อนตอนที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่ของเธอมัก บอกเรื่องนี้อยู่เสมอ เสิ่นอีเวยจำฝังใจ
เธอมองหัวหอมที่อยู่บนเขียงหลายหัวที่สุดมาก อยู่ดีๆเ นอเวยก็นึกอะไรออก เลยรีบหันไปถามเขา “คุณกินหัวหอม หรือเปล่า?”
อยู่ดีๆก็ถูกถามขึ้นมา เขาเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “เธออยู่กับฉันมาตั้งนาน ฉันชอบกินแบบไหนเธอไม่รู้หรอ?”
เงินอีเวยแบะปากไปมา ส่วนในใจนั้นเธอกำลังทำท่าไม่ สนใจแทน
เพิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่เธอรักมาตั้งหลายปี เธอรู้ดีอย่าง แน่นอนว่าเขาชอบรสชาติไหนและชอบทานอะไร
“เราเลิกกันมาตั้งนานแล้ว ฉันจะรู้ได้ยังไงว่ารสชาติที่ คุณชอบมันเปลี่ยนไปหรือเปล่า?” เป็นอีเวยตั้งใจที่จะพูดเหน็บ
เพิ่งเจ๋อเฉิงเขม็งตาให้เธอแต่ก็ไม่ได้คิดจะหาเรื่องเธอแต่
อย่างใด
เงินอีเวยหั่นหัวหอมใส่ในจานแล้วก็นั่นแครอทเป็นลูกเต๋า แถมโรยดอกหอมกับน้ำมันงาบนไข่ข้นสีเหลืองอ่อน เสร็จแล้ว ก็น่าไปนั่งต่อ
เสียงหม้อส่งเสียงร้องว่า เสิ่นอีเวยก็ยังรู้สึกหิวขึ้นมา แถมเธอยังทำผัดหมูเบคอนสไลด์กับน้ำซุปผักเพิ่มเติมอีกด้วย กับข้าวขนาดนี้คงจะพอดีกับการที่สองคนรับประทาน
โดยปกติแล้วเสิ่นอีเวยไม่ค่อยทำกับข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่ว่าในตู้เย็นกลับมีวัตถุดิบทุกอย่างอีกทั้งผลไม้ก็เต็มตู้ ต้อง ขอบคุณแม่บ้านที่ตั้งใจรับผิดชอบทุกอย่างอย่างจริงจังไม่ว่า เธอจะสั่งหรือไม่สั่งก็ตาม แม่บ้านก็จัดการซื้อของเดิมอยู่ไม่ ขาด
สัญญาณไฟตั้งเวลาหุงข้าวดังขึ้น ข้าวอบเรียบร้อยแล้ว เสี นอีเวยเดินไปดูแล้วคิดว่าเหมือนขาดอะไรบางอย่าง มันขาด ผักชีเลยนั่นเพิ่มอีกนิด ตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าตั้งตึกๆมาทาง ด้านหลัง
เสิ่นอีเวยคิดว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงคงเบื่อที่จะรอแล้วเลยเผลอพูดออกไป: “คุณรอแบบหนึ่ง กับข้าวพร้อมเสริฟแล้ว!”
เมื่อเธอพูดจบ บริเวณเอวคอดของเธอก็มีมือสองข้างเข้า มาสวมกอด เสิ่นอีเลยก้มศีรษะมองถึงได้รู้ตัวว่าเพิ่งเจ๋อเฉิง สั่งกอดเธอไว้แน่น เธอถึงกับอึ้งไปสักพักพอรู้ตัวก็พยายามที่จะ ทำให้ตัวเองหลุดจากการกอดให้ได้ แต่จะไปสู้อะไรกับแรง มหาศาลของเซ่งเจ๋อเฉิง
เงินอีเวยไม่มีวิธีอะไรที่ดีกว่านี้ทำได้แต่นั่นผักที่เธอกำลัง ทำอยู่ทำต่อไปเรื่อยๆ การที่ถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงสวมกอดแบบนี้ อารมณ์ที่กำลังสนใจเรื่องอาหารอยู่ถึงกับลอยละล่องไปไกล แทบไม่ได้นิ่งสงบเหมือนเมื่อครู่เลย
“โอ๊ย!”
ใบมีดหั่นผักแหลมคมบาดนิ้วเสิ่นอีเวยจนเลือดไหลอาบ ออกมาจนใจหายวาบ
ในตอนนั้นเอง มือที่กอดเอวของเสิ่นอีเวยอยู่ก็ผ่อนลงยิ่ง เขาเห็นเงินอีเวยบีบนิ้วของตัวเองไว้แน่นมันเจ็บจนน้ำตาซึม เพิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้วแล้วรีบดึงมือเธอเข้ามาหยุดเลือดที่กำลัง ไหลอยู่
“…ไม่ ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร…..
เสิ่นอีเวยตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าจะพูดหรือ แสดงอาการอะไรออกไป
เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้ลิ้นอุ่นๆตวัดปลายนิ้วของเงินอีเวยเอาไว้ส่วนเสิ่นอีเลยรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองราวกับโดนไฟช๊อตจนรู้ สึกวูบวาบทั่วทั้งตัว ในสมองเธอเหมือนมีเสียง ซึ่งดังขึ้น
สมองของเธอว่างเปล่า
ใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ใกล้เพียงนิ้วจนเธอสามารถมอง เห็นขนตางามงอนและเส้นจมูกโด่งเรียวที่สวยงามบนใบหน้า ของผู้ชายคนนี้
การที่ได้มองเห็นใบหน้าของผู้ชายที่หล่อเหลาบาดใจ ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในสมองเป็นเวยกลับไปคิดถึง ภาพ…เรื่องพรรค์นั้นระหว่างเธอกับเพิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นมาได้
มันเหมือนกับการฉายหนังอีกครั้งทุกอย่างมันวิ่งเข้ามาใน สมองของเธอเป็นฉากๆแวบไปมา เธอกำลังคิดเลยเถิดไป ไกลจนหน้าเธอแดงระเรื่อ ใบหูก็แดงแจ๋เช่นกัน
การที่ได้เห็นภาพต่างๆ ที่อยู่บบนหน้า เสิ่นอีเวยถึงกับตื่น เต้นจนถึงขนาดไม่กล้าหายใจการที่เธอกลั้นหายใจไว้มันทำให้ หน้าอกเริ่มหายใจติดๆขัดจนเจ็บหน้าอกขึ้นมาแทน
เพิ่งเจ๋อเฉิงดูดเลือดเสิ่นอีเวยไปเยอะ ในที่สุดก็ยอมปล่อย นิ้วมือเธอ เธอเห็นว่าเขายอมปล่อยเธอแล้วเลยพยายามพูด อะไรสักอย่างเพื่อสร้างบรรยากาศในการลดอาการเก้อเขิน แทน
ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ
เธอพูดอะไรเลยสักคํา
เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่คิดที่จะให้โอกาส
ช่วงที่เล่นอีเวยกำลังอ้าปากเพื่อพูดอะไรออกมา เพิ่งเจอเ งกลับใช้มืออีกข้างเกี่ยวกระหวัดปลายคางของเธอเข้ามาจูบ ทว่าการจูบในครั้งนี้กลับไม่เหมือนกับการที่เขาดูดเลือดที่รอย แผลเธอเมื่อครู่
เมื่อครู่เขาใช้ความอ่อนโยน ในการดูดแถมยังทำเหมือน ต้องการปลอบโยนเธอ ทว่าในเวลานี้ การกระทำของเพิ่งเจือ เฉิงกลับเหมือนโกรธจนอยากจะกลืนกินเป็นอีเวยลงท้องแทน ส่วนเงินอีเวยไม่สามารถที่จะสู้เขาได้เลย
ความดุดันและเร่าร้อนจากการจูบของเขามันมีพลังความ ดุร้ายซ่อนอยู่จนเสิ่นอีเวยไม่สามารถปฏิเสธได้
เผลอแปบเดียวร่างกายของเงินอีเวยก็อ่อนปวกเปียกจน เซถลาเข้าอ้อมกอดของเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอเป็นคนตัวเบามาก เพิ่ง เจ๋อเฉิงถึงกลับอุ้มเธอขึ้นมา
การที่ร่างกายอยู่ดีๆก็ลอยขึ้นมาบนอากาศนั้น เป็นเวยที่ ขี้กลัวอยู่แล้วถึงกับร้องเสียงหลงเพราะว่าเธอกลัวว่าตัวเองจะ ตกลงด้านล่าง ในขณะที่เขายังอุ้มเธออยู่ เพราะฉะนั้นเธอเลย ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวอย่างทันควัน ด้วยการเอาขาของ ตัวเองกระกวดเกี่ยวเอวของเพิ่งเจ๋อเฉิงเอาไว้แน่น
เงินอีเวยไม่รู้ว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า เพิ่งเจือ เฉิงอยู่ดีๆก็ทำท่าที่ถูกใจ แถมหัวเราะพึมพำอยู่ในคอ
อีกทั้งยังมีการหัวเราะเยาะเธออีก จนเธอหน้าแดงแจ๋ ผู้ชายคนนี้เป็นปีศาจจริงๆ
“ไม่ได้การแล้ว….
เงินเลยพยายามง้างปากตัวเองที่แสนยากเย็นแสนเข็ญ พูดออกมา ส่วนประโยคหลังยังมีอีกแต่ไม่มีโอกาสได้พูดออก
มา
เพราะเธอไม่สามารถที่จะผลักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าออกไป
ได้
เพิ่งเจ๋อเฉิงมีพละกำลังมหาศาล เสิ่นอีเวยเหมือนว่าตัวเอง กำลังเผชิญหน้าต่อสู้กับก้อนหินเลย
เสิ่นอีเวยถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงอุ้มทางด้านหลังออกมาจากอ่าง ล้างจาน เพราะฉะนั้นท่าทางของเธอในตอนนี้ทั้งแปลก ประหลาด…ทั้งน่าอายชะมัด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ