นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่384ทางที่ดีที่สุดเธอควรเชื่อฟังฉัน



บทที่384ทางที่ดีที่สุดเธอควรเชื่อฟังฉัน

บทที่ 384 ทางที่ดีที่สุดเธอควรเชื่อฟังฉัน

ทั้งห้องเงียบสงบ ไฟในห้องรับแขกอยู่ดีก็เริ่มสลัวตั้งแต่ ตอนไหนก็ไม่ทราบ เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าความคิดของตัวเองหลุด ลอยหรือเปล่าเพราะเธอมองใบหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ ค่อยชัด

หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานปิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทว่าผ้าม่านถูกเปิดไว้ แสงจันทร์นวลผ่องในค่ำคืนนี้สาดส่อง ทะลุกระจกเข้ามาสาดส่องใบหน้าของทั้งคู่ เสิ่นอีเวยมองเห็น รูปลักษณ์บนใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่เด่นชัดช่างราวกับรูปปั้น แกะสลักที่สุขุมนุ่มลึกเสียจริง

สักพักเธอค่อยๆเอ่ยขึ้น “สี่ปีที่แล้ว เซียวหันถึงเขาไม่รู้ เรื่องของฉันจริงๆ ตอนที่ฉันไปจากที่นี่ฉันก็ไม่ได้บอกเขาด้วย ซ้ำ ฉันไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกเขาเลย

สิ่งที่เสิ่นอีเวยพูดออกมาเมื่อครู่นั้น เพิ่งเจ๋อเฉิงพอใจที่จะ ฟังมาก เขารีบตอบเธออย่างทันควัน: “เรื่องนี้ฉันรู้ดี แต่เธอ อย่าลืมนะว่า เมื่อก่อนเขาคิดอะไรกับเธอ กล้ามายุ่งกับผู้หญิง ของฉัน แล้วจะให้ฉันปล่อยเขาไปง่ายๆได้ยังไง?

ผู้หญิงของฉัน
เงินอีเวยกล้ำกลืนกับคำนี้อยู่ในใจ ก่อนหน้านี้เพิ่งเจอเ งก็เคยพูดกับเธอมาก่อน แต่ว่าคำนี้ในเวลานี้ความรู้สึกมันช่าง ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย

ก่อนหน้านี้ที่เคยได้ยินเพิ่งเจ๋อเฉิงเอ่ยคำนี้มานั้นเธอรู้สึก ว่ามันตลกมาก แต่เมื่อครู่… ใบหน้าของเธอกลับมีความรู้สึก ร้อนผ่าวแทน

เงินอีเวยพยายามที่จะเก็บความรู้สึกแปลกประหลาดที่อยู่ ในใจของตัวเองเอาไว้และก็ยังหวังว่าตัวเองจะเรียกอารมณ์ กลับมาคุยในหัวข้อเมื่อครูได้

เธอเงียบอยู่นานไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆออกมา แต่เธอก็ไม่ ได้สนใจสีหน้าของเซ่งเจ๋อเฉิงที่แทบดูไม่ได้เลย ศีรษะของเสี นอีเลยเอาแต่เบนออกไปด้านข้าง ทว่ากลับถูกเขาบังคับให้ กลับมามองเขาในเวลานี้

“เสิ่นอีเวย หากความรู้สึกฉันไม่ผิดพลาดละก็ เธอกำลัง สงสารเดียวกันถึงอยู่ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงแสดง ความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

เสิ่นอีเวยอึ้งอยู่แบบเดียวก็รีบอธิบายให้เขาฟังอย่างรีบ ร้อน : “ฉันเปล่านะ! คุณอย่าพูดมั่วๆได้ไหม!

การอธิบายและท่าทางที่แสดงออกมาช่างเร่งรีบ น้ำเสียง ค่อนข้างเสียงดัง หลังจากที่เธอพูดออกมาถึงได้รู้ว่าตัวเอง ทําตัวเกินเลยไปนิด
ทว่าเพิ่งเจ๋อเจ๋งมองเห็นเธอรีบร้อนอธิบายให้เขาฟัง ในใจ เขากลับรู้สึก แทน

เรื่องนี้มันสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า ในใจของเธอ ใส่ใจกับปัญหานี้เช่นกัน

ในตอนนั้น เพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา : “งั้น ปัญหานี้ก็ อธิบายกันจนชัดเจนแล้ว งั้นเราก็ควรกลับไปที่คำถามเดิมได้ แล้วว่ารองเท้าคู่นี้เป็นของใครกันแน่?

เงินอีเวยใจสั่นแถมยังโกรธมากด้วย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึง ไม่ยอมให้เธอรอดไปได้เลย หรือว่าเขาชอบให้เธอรู้สึกว่าไม่มี ทางหนีเขาพ้นแบบนี้หรอ

ในเวลานี้ เสิ่นอีเวยอยากจะต่อยเขาที่หน้าสักทีสองที เขา จะได้หุบปากสักที ทว่าไฟมันสลัวแบบนี้เธอต่อยยังไงก็สู้เขาไม่ ได้อยู่ดี ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ

“บอกฉันมา เธออยู่กับผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า?” น้ำเสียง ของเซ่งเจ๋อเฉิงเริ่มแผ่รัศมีความโหดร้าย

สมองของเงินอีเวยวิ่งฉิวไม่หยุดอยากจะหาวิธีเอาอะไรสัก อย่างมาอุดปากเพิ่งเจ๋อเฉิง แต่การที่ถูกผู้ชายตรงหน้าซักใช้ได้ เรียงแบบนี้ เธอไม่มีวิธีอื่นจริงๆได้แต่บอกความจริงกับเขาไป

“ตอนนี้ฉันเป็นสาวโสดแถมในบ้านก็ยังมีเด็กน้อย

สำหรับฉันแล้วความปลอดภัยต้องสำคัญที่สุดเสมอ ช่วงวัน หยุดฉันก็อยู่กับบ้านไม่อยากออกไปไหน หากวันไหนไม่อยากทํากับข้าวเองก็เรียกให้คนเอาข้าวมาส่งแทน

หลายปีมานี้คนที่ทําอาชีพส่งของตามบ้านก็ก่อคดีกัน

ขโมยของในบ้านมากมาย ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวอย่างก็ตาม ฉันก็ ไม่อยากที่เอาไม้ตีคนส่งข้าวให้ตาย แต่เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ก็ ไม่สามารถที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเองใช่ไหม?

ฉันเลยตั้งใจเอารองเท้าผู้ชายมาวางไว้หน้าประตูเพื่อที่จะ ให้พวกคนส่งของเห็นว่าที่บ้านก็มีผู้ชายอยู่ด้วย การที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยให้ตัวเองอีกอย่าง

เงินอีเวยอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจนแถมยังไม่ลืม เสริมสรุปตอนท้าย: “เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ทราบ ว่าท่านยังมีคําถามอะไรที่สงสัยอีกไหมคะ?

เพิ่งเจ๋อเฉิงฟังจบอย่างเงียบๆได้แต่มองดวงตาของหญิง สาวที่อยู่ใกล้เขาไม่ถึงนิ้ว เขายากเกินจะอธิบายได้ว่า ผู้หญิงที่ ไม่กลัวฟ้ากลัวดินนั้นจะขี้กลัวเป็นเด็กไปได้

ในใจของเขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา คราวที่ แล้วที่ต่อสู้กับเธอในครั้งนั้นเขากลับเข้าใจความรู้สึกบางอย่าง ขึ้นมา

มันคือความปวดใจและความเสียใจกับเรื่องต่างๆ ที่เกิด

ขึ้นมาก่อนหน้านี้

ความปวดใจที่ว่าคือความกล้าของเธอที่มีน้อยนิดในยาม นี้แต่กลับไม่ยอมปริปากร้องขอความช่วยเหลือส่วนความเสียใจกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้คือการที่ตัวเองไม่ หวงแหนเธอเลย ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนนอก สำหรับเธอที่ถูกเธอทำห่างเหินจัดระยะห่างให้เขาเกินกว่าสิบ เมตร

เขาไม่รู้ว่าใครเคยพูดประโยคนี้ขึ้นมา ตอนนี้นึกขึ้นมาได้ ก็คิดว่ามันเป็นหลักการแบบนั้นจริงๆ

การเย่อหยิ่งจองหองมันสุขใจในเวลานั้น แต่การง้อเมีย คืนมันก็เหมือนการสู้กองไฟในงานศพแทน รู้สึกเหมือนจะพูด แบบนี้นะ…

หลังจากเงินอีเวยอธิบายความจริงให้เขาฟัง หัวใจที่หนัก อึ้งของเขาถึงได้ปล่อยวางลงได้ ทว่าท่านประธานที่เย็นชายังไง ก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม ในใจที่ยินดีปรีดาแต่จะแสดงออกทาง สีหน้าได้ยังไง?

สักพัก เชิงเจ๋อเฉิงกระแอมแต่สีหน้ากลับเรียบเฉย: “ตาม ที่เธอรู้อยู่แล้ว ตอนนี้เธอไม่ยอมกลับบ้านตระกูลเชิงกับฉัน ฉัน ก็จะไม่บังคับเธอ วันนั้นฉันก็พูดแล้วว่าฉันจะรอให้เธอพร้อม จากใจของเธอเองจะไม่บังคับให้เธอไม่เต็มใจ เรื่องพรรค์นี้ฉัน เข้าใจดี เรื่องความรู้สึกพวกนี้ ฉันยินดีที่จะให้เวลาเธอและก็จะ รอเธออย่างไม่ลดละเช่นกัน

เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์เขา เปลี่ยนไปได้ดีขนาดนี้เลยหรอ?

เชิงเจ๋อเฉิงรีบพูดเสริมอีกประโยค: แต่ว่า ฉันขอออกตัวแรงก่อนเลยแล้วกัน ก่อนที่เธอจะกลับไปอยู่บ้านตระกูลเชิงลึก ครั้งหากฉันรู้ว่าเธออยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนอื่น เป็นเวย เธอ ตายแน่ ทางที่ดีที่สุด เชื่อฟังหน่อยละกัน

ตอนที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดประโยคนี้ขึ้นมาน้ำเสียงช่างโหดร้าย ยิ่งทำให้คนไม่สามารถที่จะทิ้งคำพูดของเขาไปได้

เสิ่นอีเวยไม่กล้าปฏิเสธได้เลยว่า เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ แล้ว ผู้ชายคนนี้บนตัวเขายังทำให้เธอรู้สึกถึงความหวาดกลัว กับท่าทีของเขา แต่ว่าด้านได้อายอด พูดข่มคนอื่นใครจะทำ ไม่เป็นล่ะ? เธอไม่อยากให้เขามาดูถูกเธออย่างเดียว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นอีเวยก็พูดเพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง ทันที “คุณชายท่านี้ ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจปัญหานี้ผิดไปจาก ประเด็นนะ ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนนั้นไม่มีอะไรกัน แล้ว ก็แค่เคยอยู่ด้วยกันแล้วก็มีลูกด้วยกันแค่นั้น แถมยังหย่า กันแล้ว เราทั้งคู่ต่างอยู่ในสถานะโสด เพราะฉะนั้นฉันจะอยู่กับ ใคร จะนอนกับผู้ชายคนไหน น่าจะเป็นสิทธิของฉันใช่ไหม?

เมื่อเสิ่นอีเวยพูดจบ สีหน้าของเขายิ่งดูขรึมขึ้นกว่าเดิม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ