นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่345คุณนี่นับวันจะยิ่งเก่งใหญ่แล้วนะ



บทที่345คุณนี่นับวันจะยิ่งเก่งใหญ่แล้วนะ

บทที่345 คุณนี่นับวันจะยิ่งเก่งใหญ่แล้วนะ

ในสมองของหลินอวี้เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมากมาย แม้อีกฝ่ายจะอธิบายคำตอบให้เขาฟังแล้วก็ตาม แต่คำถามนี้ สำหรับเขามันช่างน่าฉงนยิ่งนัก เด็กคนนี้อายุแค่สี่ขวบเท่านั้น

เธอทำได้ยังไงเนี่ย

“แล้วผงสลอดของคุณหนูนี้มาจากไหนกัน” หลินอยด ถามไม่ได้

เหมียนเหมียนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หมิงเชียวให้

มา”

เป็นชื่อที่หลินอวี้ไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย ปกติแล้วหลินอ ก็ไม่ค่อยได้ดูทีวีหรือภาพยนต์ที่เด็กแสดงเสียเท่าไหร่ดังนั้นเขา จึงไม่รู้จัก

” หมิงเซียวคือใครเหรอครับ”

“เขาเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันที่บริษัท เมื่อก่อนตอนเขาถ่าย หนังเคยต้องใช้ผงสลอดด้วย แต่ว่าในกองถ่ายไม่มี เลยต้อง ไปซื้อผงสลอดมานิดหน่อย
พอพูดถึงตรงนี้ เหมียนเหมียนก็ยื่นมือเข้าไปความหาของ ในกระเป๋าเป้กระต่าย สุดท้ายก็หยิบขวดแก้วเล็กๆขวดหนึ่ง ออกมา ขนาดพอๆกับมือเล็กๆของเธอ สาวน้อยถีบตัวจาก เบาะหลังยื่นขึ้นมา มือหนึ่งจับพนักฝั่งของเบาะที่นั่งของหลินอ นั่งอยู่ แล้วยื่นขวดแก้วไปที่บริเวณหน้าของหลินอ

“เนี่ย คุณดูสิ ก็คืออันนี้แหละ ที่ตอนนั้นเขาให้ฉันเล่น ฉัน รู้แค่ว่าถ้าคนเรากินอันนี้เข้าไปจะทำให้ท้องเสีย แต่ไม่คิดว่ามัน จะมันจะร้ายแรงขนาดนี้ ฉันก็แค่ใส่เข้าไปในซุปหัวหอมนิด เดียวเท่านั้นเอง แต่สองคนนั้นกลับนอนอยู่ที่พื้น

หลินอวี่ฟังแล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี และก็ไม่รู้ว่าควรจะ แสดงออกด้วยอารมณ์แบบไหน

ๆอึ้งๆอยู่นานจนสุดท้ายหลุดออกมาประโยคหนึ่งว่า

“คุณหนูนี่ช่าง เก่งจริงๆ

สาวน้อยหัวเราะอย่างเบิกบาน พอคิดได้ก็รู้สึกว่าอาหลิน นั้นชื่นชมด้วยความจริงใจ ดังนั้นจึงตอบไปว่า “ขอบคุณอา หลินที่ชมค่ะ”

หลินอวี้ใจสั่น มือที่จับพวงมาลัยอยู่แทบลื่นหลุด

แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย เรื่องที่ คิดวางยาในอาหารของผู้ใหญ่สองคนนั้น ก็เพื่อที่จะให้ตัวเอง หนีรอดไปได้ ความคิดแบบนี้ไม่ควรจะออกมาจากสมองของ เด็กสี่ขวบ
ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นของคนอื่นที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้คุณหนู มาเล่น ก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง

เสิ่นอีเวณนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่สว่างไสวใหญ่โตของ คฤหาสน์ตระกูลเชิ่ง บางทีก็รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

อันที่จริงครั้งก่อนที่ถูกกลุ่มบอดี้การ์ดของเซิ่งเจ๋อเฉิงเชิญ มาที่นี่นั้น ก็แค่เพราะหล่อนเข้าไปในห้องหนังสือเท่านั้นเอง ซึ่ง จริงๆแล้วหล่อนไม่ได้เห็นรายละเอียดอะไรเลย

แต่ว่าตอนนี้หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ภาพที่ เห็นล้วนเป็นภาพความทรงจำที่คุ้นเคย

ครั้งก่อนที่มาไวไปไวจึงไม่ทันได้สังเกตว่าการตกแต่ง ภายในคฤหาสน์นี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ทุกอย่างยัง คงเหมือนกับเมื่อปีที่แล้ว

ห้องรับแขกที่ชั้นหนึ่งหันไปทางทิศใต้มีหน้าต่างบานใหญ่ หนึ่งบาน ตอนนี้เองที่แสงแดดจากดวงอาทิตย์ด้านนอกสาด แสงเข้ามา ส่องไปที่ร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง

เมื่อดูผ่านแสงสว่าง เสิ่นอีเวยจึงพบว่าชายหนุ่มขึ้นกว่า

แต่ก่อนเล็กน้อย

เพิ่งเจ๋อเฉิงผิวขาวมาก พอเขาหันกลับมา ร่างของเขา

ย้อนแสงทำให้เสื่นอีเวยเห็นเพียงโครงหน้าเขาเท่านั้น

แต่แปลกมากที่ดวงตาของเขานั้นเจิดจรัส นัยน์ตา เหมือนมีแสงสว่างวาบฉายขึ้นมา สายตาที่มองมาอย่างพินิจพิจารณา สายตาที่มีความโกรธเคือง

“เมื่อคุณพูดว่าอะไรนะ พูดอีกรอบได้มั้ย” เพิ่งเจ๋อเฉิง หมุนตัวมาหันมาเผชิญหน้ากับเงินอีเวย ถามด้วยเสียงทุ้ม

เงินอีเวยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะทวนคำถามที่ตนเองถาม ไปเมื่อครู่อีกรอบอย่างใจเย็น: “ฉันบอกว่า เหมียนเหมือนถูก ลักพาตัว ก็คือแฟนเก่าฉันกับแฟนเขา

เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เป็นเวยเองก็ไม่ได้สนใจว่าหลัง จากเพิ่งเจ๋อเฉิงรู้ความจริงแล้วจะเยาะเย้ยหล่อนอย่างไร

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนี้ก็ได้โทรหาหลินอต่อ หน้าหล่อนไปแล้ว

โทรศัพท์ครั้งที่แล้วเขาสั่งการให้หลินอพาคนออกไป กลุ่มหนึ่งเพื่อตามหาเหมียนเหมียน ต้องรายงานให้เขาฟัง ภายในหนึ่งชั่วโมง และต้องพาคนกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเพิ่ งด้วย

เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้มีอำนาจมากขนาด ไหน ดังนั้นเมื่อหล่อนรู้ว่าเขาให้คนของเขาลงมือไปตามหาเหมื ยนเหมียนนั้น หล่อนก็หายเป็นกังวลไปหมดสิ้น

ด้วยเหตุนี้เวลานี้ในใจของเงินอีเวณนั้นกังวลอยู่เพียงเรื่อง เดียว คือเมื่อหลินอพาเหมียนเหมียนกลับมาอยู่ต่อหน้าเขา แล้ว ผู้ชายคนนี้จะแย่งลูกสาวหล่อนไปจะทำอย่างไร

ถึงตอนนั้นหล่อนจะทำอย่างไรถึงจะพาเหมียนเหมียนออกไปจากที่นี่ได้ สมองของเงินอีเวชครุ่นคิดพิจารณาอย่างรวดเร็ว พยายามคิดหาวิธีให้ออก

จากความเข้าใจของหล่อนที่มีต่อผู้ชายคนนี้ เขาอาจจะซื้อ แย่งเหมียนเหมือนไปจากมือหล่อน บวกกับเขารู้แล้วว่าเหมือน เหมียนนั้นเป็นลูกสาวของหล่อนกับเขา ถ้าอย่างนั้นแล้วอีกฝ่าย ก็ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อเรื่องนี้

การที่ได้ฟังคำตอบของเสิ่นอีเวยแล้ว คิ้วของเพิ่งเจ๋อเฉิง ขมวดเข้าหากัน ใบหน้ามีความเยาะหยันแล้วพูดว่า “สี่ปีที่ไม่ ได้เจอกัน เป็นเวย ตอนนี้นับวันคุณจะยิ่งเก่งใหญ่แล้วสินะ ไหนจะแฟนเก่า ไหนจะที่คุณกุเรื่องบ้าบอนขึ้นมาอีก

เงินอีเวณหัวเราะออกมา สายตาหรี่มองเชิงเจ๋อเฉิง: “คุณ เพิ่งคะ ที่คุณพูดประโยคเมื่อกี้นี้ฉันไม่เข้าใจ อะไรที่เรียกว่าฉัน กุเรื่องบ้าบอขึ้นมา ข้อแรกฉันไม่ใช่คนที่เล่นละครเก่ง ฉันไม่ คิดจะเล่นละครเสแสร้งอะไรต่อหน้าคุณ หรือต่อให้ฉันเล่นละคร อย่างที่คุณพูดจริง ฉันก็ไม่ได้เชิญคุณมาดู

เสิ่นอีเวยพูดความในใจที่อยากจะพูดออกมาจนหมด สีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงเรียกว่าดูไม่ได้สุดๆ แต่หล่อนก็ไม่ได้ ใส่ใจอะไรมาก ได้แต่กลอกตาไปมาเหมือนเดิม

เวลาสี่ปีผ่านไปแล้ว ตอนนี้หล่อนไม่ใช่หล่อนคนเดิมที่ ชอบใช้วิธีต่อต้านท้าทายต่อหน้าเขา

เพิ่งเจ๋อเฉิงที่ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าหล่อน ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในท่า นั่ง ด้วยเหตุนี้จากสายตาของชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายได้เปรียบจากการมองดูแล้ว เสิ่นอีเวยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ชายหนุ่มค่อยๆ โน้มร่างลงมา นัยน์ตาสีชาเข้มก็มองเสื่

นอีเวยนิ่งอยู่อย่างนั้น

เงินเลยมองเห็นเงาตัวเองในดวงตาของเซ่งเจ๋อเฉิง ถ้า ตอนนี้เขาไม่ได้กำลังมีอารมณ์ ดวงตาคู่นี้ก็จะเป็นดวงตาที่สวย มากคู่หนึ่งเลยทีเดียว

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เชิงเจ๋อเฉิงกำลังโกรธมาก ดังนั้น นัยน์ตาเขาที่ส่องประกายออกมานั้นทำให้รู้สึกถึงความหนาว เหน็บ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหนาวจนตัวสั่น

หัวใจของเงินอีเวยควบคุมไม่ได้เริ่มสั่นเล็กน้อย เมื่อมอง ใบหน้าอันหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้า หล่อนทนไม่ไหวเผลอ กลืนน้ำลายลงคอ

สมควรตาย

จนถึงตอนนี้

เหลาของเขาอยู่ดี

ตัวเองก็ยังคงอ่อนระทวยให้กับความหล่อ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ