บทที่301 คุณเงินกรุณาชดใช้ค่าเสียหาย
บทที่ 301 คุณเงินกรุณาชดใช้ค่าเสียหาย
ความรู้สึกของการสูญเสียคนในครอบครัวที่สนิทที่สุด เสี นอีเวยไม่อยากจะคิดถึงมันแม้แต่วินาทีเดียว
ความโชคดีคือ ตั้งแต่แปดปีที่พ่อแม่ได้จากโลกใบนี้ไป
โดยเฉพาะสี่ปีที่เธออาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ นิสัยของเธอได้ เปลี่ยนไปมาก สำหรับคนที่เคยทำร้ายตนเองมาก่อน เธอเรียน รู้ที่จะเก็บไว้ในใจและเป็นเฉย
แต่การเมินเฉยไม่ได้หมายความว่าเธอจะลืมความเจ็บ ปวด ข้อนี้ ในใจของเสิ่นอีเวยแยกแยะได้อย่างชัดเจน แต่ เชิงเจ๋อเฉิงล่ะ?
ตอนนี้ตนเองกับผู้ชายคนนั้น แท้จริงแล้วควรจะรู้สึกแบบ ไหน? เธอควรมองเขาในฐานะอะไรจึงจะเหมาะสม?
ศัตรู? พ่อของเหมียนเหมียนน้อย? หรือว่า…คนรักใน อดีตของตนเอง
ทั้งสามสถานะนี้ อันที่จริงไม่ว่าจะแบบไหน เป็นเวยไม่ ค่อยอยากยอมรับ เพราะดูเหมือนไม่ว่าจะในสถานะแบบไหนเธอก็ต้องติดต่อกับเพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ดี ตอนนี้เธอควรปฏิบัติต่อ ผู้ชายคนนั้นในฐานะคนแปลกหน้า
แต่ในใจของเธอชัดเจน ข้อแรกคือเรื่องนี้ดูแล้วไม่น่าจะ เป็นไปได้ เพราะเพื่อความยุติธรรมสำหรับพ่อและแม่ของเธอ เธอจะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับเซ็งเป็นอน แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงถึง อย่างไรก็คือลูกชายของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับผลก ระทบ
ข้อสอง เกี่ยวกับเรื่องอำนาจการจัดการของบริษัทหัวน ตอนนี้เธอไม่แน่ใจในทัศนคติของเซ่งเจ๋อเฉิง ถึงแม้วันนี้ใน ห้องทํางานผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรีบโอนบริษัทหัวนให้ตนเอง แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่คนธรรมดามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เงินอีเวย ไม่รู้ว่าเบื้องหลังถ้อยคำพวกนี้ จะมีเรื่องราวอย่างอื่นแอบแฝง อยู่หรือไม่
ดังนั้นเธอต้องระวังตัว จนกว่าตนเองจะเตรียมตัวพร้อม ก่อนอื่นต้องพยายามอย่าไปติดต่อกับผู้ชายคนนั้นโดยตรง
การกลับมาครั้งนี้ เสิ่นอีเวยตัดสินใจพาเหมียนเหมือน น้อยมาพักที่บ้านเก่า ดังนั้นตอนเพิ่งบินมาถึงเธอจึงหาแม่บ้าน ทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง วันนี้จึงเป็นวันย้ายเข้า
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เสิ่นอีเวยจะพาเหมียนเหมียนน้อย
ไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้ในประจำวันเพิ่มเติม
เมื่อคิดที่จะลงหลักปักฐาน ก่อนอื่นต้องมีแหล่งที่มาทาง ทรัพยากรการเงิน เงินอีเวยจึงหางานใกล้ๆบ้าน ที่เกี่ยวกับการออกแบบชุดแต่งงาน
ส่วนฝีมือการทำอาหารของเธอนั้นดีเสมอต้นเสมอปลาย รอจนถึงสุดสัปดาห์ เมื่อสองแม่ลูกไม่มีธุระก็อยู่บ้านทำอาหาร ไม่กี่อย่าง เป็นวันธรรมดาๆที่ช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน
เพียงแต่เสิ่นอีเวยไม่รู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองดวงดีมากเกินไป หรือเปล่า เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่น ดังนั้นจึงไม่ทันได้ ระวังตัวเจอเข้ากับเรื่องยุ่งเหยิงอย่างจัง
เช่นในตอนนี้ เธอกำลังมองดูผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ ด้วยแววตาอันแสนเยือกเย็นที่ยากจะเข้าใจ
“คุณเงิน ขอโทษครับ ผมขอรบกวนสักครู่ นี่คือราย ละเอียดของค่าใช้จ่ายที่คุณต้องชดใช้
ผู้ชายสวมใส่แว่นตากรอบสีดำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เหมือนกำลังบีบบังคับกันดื้อๆ
น้ำเสียงแบบนี้ ทำให้เสื่นอีเวยไม่พอใจทันที หากไม่เกี่ยว กับน้ำเสียง ไม่เกี่ยวกับสีหน้า วิธีการพูดแบบนี้ เธอแทบจะคิด ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือมนุษย์ที่ถอดแบบมาจากเพิ่งเจ๋อเฉิง
เงินอีเวยเงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตผู้ชายคนนี้อย่างละเอียด อีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามแต่งตัวด้วยชุดสูทและรองเท้าหนัง พร้อม กับสวมแว่นตากรอบสีดำ ดังนั้นจึงเผยให้เห็นความละเอียด รอบคอบและไม่มีร่องรอยของข้อบกพร่อง
หากเป็นเมื่อก่อน เสิ่นอีเวยจะชื่นชมคนที่มีความละเอียดรอบคอบแบบนี้ แต่ตอนนี้ อาจเป็นเพราะตนเองนิสัยเปลี่ยนไป แล้ว เมื่อเห็นคนแบบนี้ จิตใต้สำนึกทำให้เกิดความรู้สึกขัด แย้งนิดหน่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีดำที่ ไม่น่าไว้ใจ เมื่อโดนสายตาแบบนี้มองเข้า เสิ่นอีเลยรู้สึก เหมือนโดนจ้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนกลางถนนใหญ่
จนกระทั่งผู้ชายใส่แว่นตาส่งใบรายการให้ตนเอง เสี นอเวยก็ยังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย จึงถามกลับไปอย่างไม่อาย “ถามหน่อยค่ะ นี่คืออะไรคะ?
ผู้ชายใส่แว่นตา:
เงินอีเวยสังเกตเห็น เมื่อเธอถามว่า นี่คืออะไรคะ” ฝ่าย ตรงข้ามมีท่าทีมึนงงจนเห็นได้ชัดเจน
แต่ถึงอย่างไรผู้ชายใส่แว่นค่อนข้างเป็นคนที่มีสมบัติผู้ดี พอสมควร เขายกมือขึ้นผลักแว่นตาของตนเอง แล้วตอบว่า “คุณเสิ่นลืมแล้วหรอครับ? รถของพวกผมโดนรถของคุณชน เพียงแต่ว่าทางฝั่งของผมได้นำรถไปซ่อมที่ร้าน 45 เรียบร้อย แล้ว คุณคือคนก่อเรื่อง ดังนั้นทางฝั่งของผมไม่สมควรต้องออก ค่าใช้จ่าย ดังนั้นผมจึงมาหาคุณ
ผู้ชายใส่แว่นตาพูดอย่างมีเหตุผล หากไม่ใช่เพราะเสี่ นอีเวยไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอคงจะเชื่ออย่างง่ายดาย เงินอีเวยยิ้มอย่างเยือกเย็น เธอเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน
: “คุณแซ่อะไรคะ? ”
ผู้ชายใส่แว่นตาถูกทำทางเหยียดยามและยั่วยของเธอ ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก จึงตอบคำถามอย่างซื่อๆ” ผมแซ่ซ่ง ครับ
เงินอีเวยพูดต่อ : “งั้นขอเรียกว่าคุณซึ่งนะคะ ได้ค่ะ นี่คือ ความผิดของฉันเอง เพียงแต่ว่าความผิดของฉันคือก่อนออก จากบ้านไม่ได้ดูดวงประจำวัน ดังนั้นจึงชนเข้ากับรถของพวก คุณ แต่ว่า—“
พูดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยหยุดชั่วคราว : “แต่มันไม่ถูกต้อง นะคะ คุณดูสิ ฉันเป็นคนเชื่อฟัง ออกจะเป็นพลเมืองที่ดีที่ เคารพกฎหมายด้วยซ้ำ ฉันจะไปชนรถของคุณได้อย่างไรกัน? และดูจากท่าทีการแสดงออกของคุณ เหมือนคุณจะหาว่าฉัน จงใจขับรถชนหรอคะ? ”
ผู้ชายใส่แว่นตะลึงไปสักพัก : “ผมไม่ได้จะขัดข้อกล่าว หาว่าคุณเงินจงใจขับรถชน แต่รถคันนี้ คุณเป็นคนขับชน
เสิ่นอีเวย:
เอาล่ะ วันนี้ต้องมาพบเจอกับคนดื้อรั้นแบบนี้ งั้นมาเริ่ม เล่นเกมต่อคำกับเธอดีไหม? ยิ้ม ค่อนข้างรับมือยากหน่อยนะ
เงินอีเวณนั่งตัวตรง ดันแว่นตากันแดดขึ้นบนหน้าผากอีก ครั้ง พูดปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ” คุณซึ่ง ถ้าคุณต้องพูด เรื่องนี้ให้ได้ งั้นฉันต้องสนใจด้วยหรอ? ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสีหน้าหรือว่าวิธีการพูดของฉันทำให้คุณเกิดความเข้าใจผิด ทำให้คุณเข้าใจว่าฉันชอบรังแกคน ดังนั้นจึงทำให้คุณเอากอง เอกสารเกะกะพวกนี้มาให้ฉันจ่ายค่าชดใช้? คุณถ่างตามอง ฉันให้ดีดี ฉันดูเหมือนคนมีเงินอย่างนั้นหรอ?
ผู้ชายใส่แว่นได้ยินคำพูดนี้ คิดอยากจะพูดโต้แย้งบ้าง แต่เสิ่นอีเลยกลับไม่ให้โอกาสเขาโต้ตอบ เธอพูดต่อว่า : “ฉัน กำลังคิด เป็นไปได้ไหมว่าคุณขับรถชนฉัน ตอนนี้กลับกลาย เป็นคนทําผิดเป็นฝ่ายฟ้องร้องก่อน แต่ฉันดูแล้วคุณก็ไม่เหมือน คนไม่มีเงินนะ! ”
เมื่อเผชิญหน้ากับการทิ้งระเบิดของเสิ่นอีเวย ผู้ชายใส่ แว่นนิ่งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เขายังคงรักษาท่าทีที่สง่างาม ของลูกผู้ชาย เขาส่งสายตาเย็นชา พูดว่า “งั้น ดูจากท่าที ของคุณเงิน วันนี้คงจะไม่ยอมจ่ายค่าชดใช้ใช่ไหมครับ?
คิดจะใช้อำนาจคุกคามฉันหรอ? เงินอีเวยคิดในใจ
ในใจคิดแบบนี้ ปากจึงถามออกไป เธอใช้สายตาเย็นชา มองไปที่ใบหน้าของฝั่งตรงข้าม : “ทำไมหรอ? คุณซึ่งกำลัง คิดว่าฉันไม่กลัวคุณหรอ? ถ้าฉันไม่ชดใช้ค่าเสียหาย คุณคิด จะทำยังไงกับฉันหรอ? “
ถึงแม้ว่าผู้ชายฝั่งตรงข้ามจะดูแข็งแรงกว่าตนเอง มาก แต่ภายในใจของเงินอีเวยกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ