นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่241ท่านประธานบริษัทให ญ่ก็เข้าครัวเป็นด้วยเหรอ



บทที่241ท่านประธานบริษัทให ญ่ก็เข้าครัวเป็นด้วยเหรอ

บทที่ 241

ท่านประธานบริษัทใหญ่ก็เข้าครัวเป็นด้

วยเหรอ

เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่พอเขาพูดออกมา เธอก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาพร้อมกั บข้าวผัดไข่ถ้วยใหญ่ ยอมรับอย่างรู้สึกเสียหน้านิดๆ ตั้งแต่ที่เขาถือข้าวผัดไข่ถ้วยนั้นเข้ามา

เธอไม่ได้ละสายตาจากข้าวผัดไข่ถ้วยน้

นเลย แต่เธอไม่ยอมกมหัวให้กับเขาเพราะ ข้าวผัดแค่ถ้วยเดียวแน่ๆ ความขัดแย้งระหว่างเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิง ไม่สามารถลบล้างได้ด้วยข้าวผัดไข่ถ้ว ยเดียว แม้ว่าข้าวผัดไข่ถ้วยนั้นจะมาได้ทันเวลา ที่ท้องของเธอกำลังหิวพอดีก็ตาม

เงินอีเวยเบนสายตาจากข้าวผัดไข่ไ ปที่ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนมองดวงตาลึกคู่นั้นของชายหนุ่ม และพูดเบา ๆ ว่า: “ไม่เป็นไร ฉันไม่หิว ฉันจะนอนแล้ว”

“โครก คราก”

ทันทีที่เสิ่นอีเวยพูดจบเสียงแปลก ๆ ก็ดังขึ้น

ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าเสียงต้นทางม จากไหนเวลาเพียงแค่แบบเดียว

ใบหน้าของเธอแดงราวกับมะเขือเทศที่ แช่ไว้ในตู้เย็นห้องครัว

แทบไม่ต้องสงสัย ต้นเสียงมาจากท้องของเสิ่นอีเวย กลิ่นหอมอบอวลของข้าวผัดไข่ในอาก

าศแตะจมูกของเธอ

ทำให้เธอหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัว เมื่อเสิ่นอีเวยรู้สึกตัวว่าท้องตัวเองรั

อง

ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองท้ องของตัวเอง

ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมา

ใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตร งข้ามกับเธอปรากฏรอยยิ้มแปลกๆ

ยังไม่ทันที่เสิ่นอีเวยจะดึงสติกลับมา เชิงเจอเฉงก็เอ่ยขึ้นมาวา

“ถ้าเธอไม่หิวจริง

ๆท้องของเธอจะร้องดังอย่างนี้เหรอ?” ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไ ปที่ท้องของเสิ่นอีเวย เธออายจนหน้าแดงก่ำ

ถูกเยาะเย้ยถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่ให้หาข้อแก้ต่างให้กับตัวเองได้อ ย่างไร

ดวงตาที่สดใสราวกับกวางน้อยของเ สิ่นอีเวยจ้องตาโตมาที่เขา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ?”

พลางพูดอย่างโกรธๆว่า :

นานๆ

ทีจะเจอเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ถือสากับคำพูดกั บทาทางที่เลวร้ายของเสนอเวย เขาผลักถ้วยข้าวผัดไข่บนโต๊ะที่อยู่ตรง หน้า แล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไรหรอก หิวก็กิน จะได้มีแรงแก้ไขปัญหาต่อ”

น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงสงบราบเรีย

บ เสิ่นอีเวยไม่รับรู้ถึงเจตนาว่าเขาต้องกา รแกล้งเธอเลยสักนิด ดังนั้นความระวังตัวของเธอก็ค่อยๆคลา ยลง

เสิ่นอีเวยกัดฟัน ตอนแรกอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีที่ยอมอ่อนข้ อให้ของเซิ่งเจ๋อเฉิง รวมทั้ง … รวมทั้งตอนนี้เธอหิวมากจนแทบจะเป็น ลม

ร่างกายส่งสัญญาณเป็นในๆจนยากที่จะ ปฏิเสธได้

เสิ่นอีเวยหลับตาลง

หล่อนตกอยู่ท่ามกลางภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออกจริงๆเลย เรากลายเป็นคนไร้น้ำยาแบบนี้ไปตั้งแต่ เมื่อไหร่กัน!

สามวินาทีต่อมา

ในที่สุดคนที่กำลังหิวก็ยอมก้มหัวให้กับ ข้าวผัดไข่

เสิ่นอีเวยเหยียบบนรองเท้าแตะแล้ว กระเถิบๆเดินไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิง เสียงรองเท้าแตะลากถูไปกับพื้นไม้ส่งเ สียงครืดคราดในค่ำคืนที่เงียบสงบเสียง นี้ช่างดังเป็นพิเศษ

เธอนั่งลงตรงหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิง หยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มกินคำแล้วคำเล่ า โชคดีที่ข่าวผิดไมเย็นไปซะก่อน เสิ่นอีเวยกินอย่างเอร็ดอร่อย

เป็นไปไม่ได้ว่าข้าวผัดไข่ที่เพิ่งเจ๋อเ ฉิงทำจะอร่อยได้จะต้องเป็นเพราะเธอ หิวมาก ๆ ถึงได้รู้สึกว่าอร่อยขนาดนี้ เสิ่นอีเวยได้ข้อสรุปเก็บไว้ในใจ ดังนั้นเธอจึงกินด้วยความสบายใจมาก

ในระหว่างที่เธอกำลังกินข้าวอย่างเ อร็ดอร่อยนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พูดอะไรสักคำ เสิ่นอีเวยก็ไม่แสดงท่าทีว่ารีบร้อนอะไร

อีกอย่างเธอก็ไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับเ ขาอยู่แล้ว คืนนี้เขามาหาเธอเอง เห็นแก่ข้าวผัดไข่ถ้วยนี้ เธอจะอยู่เงียบๆอย่างสุภาพ ไม่รู้ว่ามันเริ่มเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เงินอิเวยรู้สึกว่าระหว่างเธอและเชิงเจ๋อ

เฉิง การอยู่อย่างเงียบๆนั้นเป็นวิธีแสดงออก ถึงการเคารพซึ่งกันและกัน

ปกติเธอกินข้าวไม่เร็วมาก แต่เธอใช้เวลาแค่สามนาทีในการจัดกา รกับข้าวผัดไข่ถ้วยใหญ่นี้ หลังจากที่เธอกินจนอิ่ม เสิ่นอีเวยเรอเสียงดัง หล่อนวางตะเกียบและถ้วยลงด้วยควา มสบายใจ

เวลาไม่มีถ้วยข้าวมาบังหน้า

ทำให้เธอมองเห็นสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิ งที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เงินอีเวยแทบจะสะอึก กนอมแล้วเหรอ?

เซิ่งเจ๋อเฉิงหรี่ตาลง เขาถามเสิ่นอีเวยอย่างเฉื่อยชา

อิ่มจนแทบจะไม่อยากพูดอะไร เสิ่นอีเว่ยพยักหน้าเล็กน้อย

จากนั้น เสิ่นอีเวยก็เงียบเป็นเวลานาน หล่อนรู้สึกอายนิดๆ คิดไปคิดมา ยังไงก็ตามผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เธอกินอิ่ม ถ้าอย่างนั้นก็ … เปิดปากพูดสักประโยคสองประโยคแล้ วกัน

หลังจากตัดสินใจได้

เสิ่นอีเวยกระแอมทีหนึ่ง พูดอย่างลอย

ๆว่า

:”คิดไม่ถึงว่าคุณจะทำข้าวผัดไข่เป็นด้ว แม้ว่าคำพูดเหล่านั้นเธอกำลังพูดกับ เซิ่งเจ๋อเฉิง

แต่เสิ่นอีเวยกลับไม่มองหน้าเขาเลยสัก นิด

สายตาจ้องไปที่ถ้วยสีขาวที่วางอยู่บนโ ต๊ะอย่างสงบ

“ก็ทำเป็นแค่อย่างเดียวล่ะ

แลดูช่างถ่อมตัวเหลือเกิน เสิ่นอีเวยคิดในใจ รู้สึกตลกพิกล

ประมาณเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทั้งสองมีความทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ไม่มีใครคิดว่า

ในเวลานี้พวกเขาจะคุยกันเพราะข้าวผัด ไข่ถ้วยเดียว

ต้องยอมรับว่า เชคชะตาบางครั้งก็เล่นตลก

“เมื่อไรจะสอนฉันบ้าง”

เชิงเจ๋อเฉิงพูดออกมาทันควัน

เ นอีเวยรู้สึกงงๆ

ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา: “หะ จะให้ฉันสอนอะไร”

เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบว่า

“กับข้าวที่เธอทำเมื่อคราวที่แล้ว –– ตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า

“ข้าวอบซี่โครงหมู”

ความคิดแวบเข้ามาในหัวของเสิ่นอีเ วย อ๋อ ที่แท้ก็กับข้าวนั้นเหรอ

“แต่ … ”

สีหน้าท่าทางของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วย ความสงสัย:

“ทำไมคุณถึงอยากเรียนทำอาหารล่ะ?” ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเพิ่งเจอเฉงอยาก

เรียนวิธีทําข้าวอบซี่โครงหมู ประเด็นคือคำพูดเหล่านี้พูดออกมาจาก ปากของชายที่อยู่เหนือคนอื่น ดูมันจะแปลกเกินไปหรือเปล่า?

อีกอย่างคือ … *** สายตาของเสิ่นอีเวยเหลือบมองไปที่ถ้ วยที่วางอยู่บนโต๊ะ ผู้ชายคนนี้ลงมือทำข้าวผัดไข่ให้เธอกิน หรอ?

คนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอ ย่างเพิ่งเจ๋อเฉิง มือน่าจะไม่เคยแตะอะไรเลยไม่ใช่หรือ

เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนจะลมจับกับเรื่องน่ าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นต่อหน้า เมอพงคาถามของเงินอเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงเชิดสายตาขึ้น ขมวดคิ้ว มีสัญญาณว่าเขากำลังจะหมดความอด ทน:

“ทำไมฉันถึงอยากเรียนมันก็ไม่เกี่ยวอะ ไรกับเธอ บอกให้สอนก็สอน จะถามอะไรมากมาย”

เห้อ ช่วงเวลาที่ดีงามได้ผ่านไป ในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็แสดงทีท่าบงการค นอื่นเหมือนเดิม

โชคดีที่ชินซะแล้ว เห็นแก่ข้าวผัดไข่ที่เพิ่งกินลงท้องไป เสิ่นอีเวยเลยไม่อยากถือสาหาความอะ ไรกับผู้ชายตรงหน้า

“โอเค คุณอยากเรียนเมื่อไหร่ล่ะ?” เสิ่นอีเวยเอนตัวไปพิงพนักด้านหลัง ถามลอยๆขึ้นมา ภายในแววตาลกลาของเชิงเจอเองเ

ป็นประกายขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่พักเดียวก็จางหายไป ไม่ทันที่เสิ่นอีเวยจะสังเกตเห็น

“เมื่อไรก็ได้”

ประโยคสั้นๆที่ประกอบขึ้นมาแต่เงิน อีเวยดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ “เมื่อไรก็ได้? ปกติงานคุณยุ่งจะตาย เวลากลับบ้านยังแทบไม่มี คุณแน่ใจเหรอว่าเมื่อไรก็ได้?”

เชิงเจ๋อเฉิงไม่ได้สนใจประเด็นหลัก ในคำพูดของเสิ่นอีเวย ได้แต่พูดด้วยท่าทีที่เอาจริงเอาจัง “ฉันบอกว่ามีเวลาก็มีเวลาสิ เธอไม่ต้องคิดแทนฉัน จะสอนยังไงให้ได้ผลถึงจะเป็นเรื่องที่เ ธอควรคิด” ห ช่างเบนนาเสียงทอหงเสียจริง ๆ เสิ่นอีเวยอดไม่ได้ที่จะมองบน

ขณะที่กำลังจะโต้กลับ เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ดังขึ้นอีก “แต่ว่า ”

เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นมองเขา

“ต่อไปเธอไม่ต้องไปทำงานที่บริษัท เซ็งชื่อแล้ว อยู่บ้าน ตั้งใจสอนฉันทำอาหารก็พอ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเด็ดขาดข

องเขา คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเซิ่งเจ๋ อเฉิง เขาแทบไม่ต้องการคำปรึกษาใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อคำพูดประโยคนั้น คำพูดนั้นแทงใจ ของเสิ่นอีเวย ทำให้เธอหน้าถอดสีทันที 200824791_244836147410118_873091522619467308_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ