บทที่182 ใช่ว่าชีวิตนี้จะดีเสมอไป
บทที่ 182 ใช่ว่าชีวิตนี้จะดีเสมอไป
เดิมทีเสิ่นอีเวยเรียนเกี่ยวกับการออกแบบชุดแต่งงานอยู่ แล้ว เพราะฉะนั้นงานวาดๆเขียนๆเป็นเรื่องถนัดของเธอ ใช้ เวลาเพียงแปบเดียว เนื้อตัวหน้าตาของเจิ้งอวิ๋นชวนก็เต็มไป ด้วยลายเส้นรูปร่างแบบต่าง ๆ มองแวบแรกมันก็ดูดีทีเดียว รู้สึกเหมือนเป็นงานศิลปะชิ้นเอก
ชายหนุ่มอยู่ในตระกูลร่ำรวยถูกเลี้ยงมาด้วยการ ประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก ๆ การที่จะมาพบเคยเจอเรื่อง แบบนี้มาก่อนได้อย่างไร? เจิ้งอวิ๋นชวนงงเป็นไก่ตาแตก
จนเมื่อดึงสติกลับมาได้ เขากลัวและตกใจจนเหงื่อไหล ไคลย้อย เกิดความโกรธจัด “ผู้หญิงบ้า แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เสิ่นอีเวยไม่สนใจเขาสักนิด ได้แต่ตั้งใจกับการวาดบน เนื้อตัวของเขา ระหว่างที่กำลังวาด เจิ้งอวิ๋นชวนพยายามดิ้นรน เพื่อให้หลุดจากเชือกที่พันธนาการเขาอยู่อย่างสุดชีวิต แต่ก็ ไม่มีประโยชน์ใด ๆ
เวลานั้นเจิ้งอวิ๋นชวนอยู่ในช่วงตึกคะนองจะมาทนให้สาว น้อยคนหนึ่งมากระทำการดูถูกเขาแบบนี้ได้อย่างไร เขาตะโกน ใส่เสื่นอีเวยพอเริ่มโมโหถึงขีดสุด ประโยคภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วก็ปรี่ออกมา “ผู้หญิงบ้า แกรู้ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร ! ถ้าเขารู้ว่าแกปฏิบัติต่อลูกชายของเขาแบบนี้ ฉันสาบานเลยว่า แกจะต้องเสียใจภายหลัง!”
เงินอีเวณหัวเราะ ตอบเขาด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว
พอๆกัน
“ฉันหาข้อมูลมาหมดแล้วว่าพ่อของแกเป็นใครฉันถึงได้ ทำแบบนี้ไงล่ะ เฟลิกซ์สโตว์ใช่ไหม? เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ ลงทุน? พ่อของแกก็เป็นคนจีน พูด ถ้าเขารู้ว่าลูกชายของตัว เองมารังแกคนจีนด้วยกัน แกจะไม่โดนลงโทษเหรอ? ”
เจิ้งอวิ๋นชวนมีนิสัยหยิ่งจองหองมาตั้งแต่เด็ก เขายกคิ้วขึ้น แววตาที่เต็มไปด้วยไฟแค้นของเขาแทบจะเผาเงินอีเวย เป็น จุล: “แกไม่ต้องมาขู่ฉันให้ยาก ฉันจะเตือนแกไว้ก่อนนะยายผู้ หญิงบ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ”
เงินอีเวย ยิ้มเบาๆ วินาทีต่อมา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือ ในกระเป๋าเสื้อของเจิ้งอวิ๋นชวนออกมา หันหน้าจอไปที่หน้าของ เขาวินาทีหนึ่ง หน้าจอโทรศัพท์ถูกปลดล็อคอย่างง่ายดาย
เจิ้งอวิ๋นชวนเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว “แกเอา โทรศัพท์ของฉันไปทำไม
เสียงของ เจิ้งอวิ๋นชวน ถูกกลบด้วยเสียงชัตเตอร์ของ
โทรศัพท์ที่ตั้งตามมา
“แชะ! แชะ!”
เงินอีเวยถือโทรศัพท์มือถือของเจิ้งอวิ๋นชวน กดชัตเตอร์ รัวๆถ่ายภาพชายหนุ่มที่ถูกวาดตามเนื้อตัวอย่างกับสัตว์ ประหลาด ตาของเจิ้งอวิ๋นชวนถูกแสงแฟลชแยงตาจนปวดตา ไปหมด จนเขาต้องหลบไปหลบมา แต่เขากลับหลบไม่พ้นสักที หนึ่ง
ถ่ายภาพพอใจแล้ว เสิ่นอีเลยก็เปิด 5 ของเจิ้งอวิ๋นชวน เธอจัดเรียงรูปภาพเป็นตารางเก้าช่อง เพียงแค่นิ้วเรียวๆของ เธอแตะไปที่หน้าจอ รูปภาพก็ส่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปที่โปรไฟล์ ของเขาทันที
ในเวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีต่อมา ก็มีคนมาแสดงความคิด เห็นต่อรูปของเขาโพสต์แรก: ohy god! ไซรัส? แกแสดงงาน ศิลปะอยู่เหรอ?
เงินอีเวย ยิ้มด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หันหน้าจอ โทรศัพท์มาที่ด้านหน้าของเจิ้งอวิ๋นชวน เพื่อให้เขาดูผลงาน ของเธอ ดูเสร็จฝ่ายนั้นโกรธจนหน้าเขียว
เสิ่นอีเวย สะบัดมือ โทรศัพท์หลุดจากมือเธอไปตกอยู่ด้าน ข้างของเจิ้งอวิ๋นซวน สาวน้อยแก้แค้นจนหายอยากแล้ว ก็
สะพายกระเป๋าออกไปจากโรงแรมอย่างสบายใจ
ตอนจบของเรื่องคือ S ของเจิ้งอวิ๋นชวนแทบจะระเบิด เจ๋ง โป๊หงซึ่งเป็นพ่อของเขาหัวแทบระเบิดพอๆกัน สื่อต่าง ๆ ลงข่าว ล้นหลามอย่างกับน้ำท่วม ข่าวทั้งหมดมีแต่ลงข่าวภาพที่อยู่ ในรของเจิ้งอวิ๋นชวน บริษัทที่เจิ้งโหง ลงทุนเปิดในเงินอีเวยถือโทรศัพท์มือถือของเจิ้งอวิ๋นชวน กดชัตเตอร์ รัวๆถ่ายภาพชายหนุ่มที่ถูกวาดตามเนื้อตัวอย่างกับสัตว์ ประหลาด ตาของเจิ้งอวิ๋นชวนถูกแสงแฟลชแยงตาจนปวดตา ไปหมด จนเขาต้องหลบไปหลบมา แต่เขากลับหลบไม่พ้นสักที หนึ่ง
ถ่ายภาพพอใจแล้ว เสิ่นอีเลยก็เปิด 5 ของเจิ้งอวิ๋นชวน เธอจัดเรียงรูปภาพเป็นตารางเก้าช่อง เพียงแค่นิ้วเรียวๆของ เธอแตะไปที่หน้าจอ รูปภาพก็ส่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปที่โปรไฟล์ ของเขาทันที
ในเวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีต่อมา ก็มีคนมาแสดงความคิด เห็นต่อรูปของเขาโพสต์แรก: ohy god! ไซรัส? แกแสดงงาน ศิลปะอยู่เหรอ?
เงินอีเวย ยิ้มด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หันหน้าจอ โทรศัพท์มาที่ด้านหน้าของเจิ้งอวิ๋นชวน เพื่อให้เขาดูผลงาน ของเธอ ดูเสร็จฝ่ายนั้นโกรธจนหน้าเขียว
เสิ่นอีเวย สะบัดมือ โทรศัพท์หลุดจากมือเธอไปตกอยู่ด้าน ข้างของเจิ้งอวิ๋นซวน สาวน้อยแก้แค้นจนหายอยากแล้ว ก็
สะพายกระเป๋าออกไปจากโรงแรมอย่างสบายใจ
ตอนจบของเรื่องคือ S ของเจิ้งอวิ๋นชวนแทบจะระเบิด เจ๋ง โป๊หงซึ่งเป็นพ่อของเขาหัวแทบระเบิดพอๆกัน สื่อต่าง ๆ ลงข่าว ล้นหลามอย่างกับน้ำท่วม ข่าวทั้งหมดมีแต่ลงข่าวภาพที่อยู่ ในรของเจิ้งอวิ๋นชวน บริษัทที่เจิ้งโหง ลงทุนเปิดในมอบหมายให้ผมเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด เขาเพียงแค่มาเป็น เพื่อนผมเท่านั้นเอง ”
น้ำเสียงของเจิ้งอวิ๋นชวนแฝงไปด้วยความไม่แยแสและ หยิ่งยโส ยิ่งฟังเสิ่นอีเวย ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายหู เธอหัวเราะอย่าง เยือกเย็น: “ฉันคิดว่าความสามารถของคุณในตอนนี้น่าจะมี มากกว่าตอนที่อยู่อังกฤษได้แต่รังแกผู้หญิงนะคะ แต่ไม่เคยคิด เลยว่าเวลาผ่านไปห้าปี คุณยังคงวนเวียนอยู่แค่ช่วงนั้น จะออก มาเจรจาธุรกิจทั้งที่ยังต้องให้พ่อมาคุมด้วย ”
เจิ้งอวิ๋นชวน เติบโตในต่างประเทศ นิสัยค่อนข้างดุร้าย แต่ในเรื่องธุรกิจเขาค่อนข้างวางตัวดีและใจกว้างพอสมควร ยิ่งเผชิญหน้ากับคำเยาะเย้ยและประชดประชันของเสิ่นอีเวย เขาไม่ได้เอามาใส่ใจ เขายิ้มอย่างชั่วร้ายกล่าวว่า : “คำพูดของ คุณเงินทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ อย่างมากก็แค่เจ็บๆคันๆ เท่านั้น”
เสิ่นอีเวย มองเขาอย่างเย็นชา เธอรู้นิสัยของคนรวยแบบ เจิ้งอวิ๋นชวน การที่พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจมา ตั้งแต่เด็ก บวกกับได้อำนาจจากพ่อมาไว้ในมือเยอะ ดังนั้น เวลาที่คุยกับคนธรรมดาที่ระดับต่ำกว่า จะติดนิสัยดูถูกดูแคลน ที่สำคัญคือพวกนี้จะไม่ได้รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองผิดแปลก ตรงไหน
เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่เกรงกลัวอะไรของเจิ้งอวิ๋นชวน เงินอีเว ยก็รู้สึกโมโหขึ้นเรื่อย ๆ เธอยกมือขึ้นกระแทก โต๊ะปิดแฟ้มใน มือของตัวเอง แล้วโยนลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกจากประตูไป
เวลานั้นเอง หางตาของเงินอีเวยก็มองเห็นเจิ้งอวิ๋นชวนก ลุกขึ้นตาม ตอนที่เธอกำลังจะเดินออกจากประตูห้องทำงานนั้น เงินอีเวยรู้สึกว่าแขนซ้ายของเธอถูกดึงให้หยุดอยู่กับที่อย่าง แรง เธอตกใจ รีบหันหน้าไปด้านหลัง เป็นเจิ้งอวิ๋นชวนนั่นเอง
ฝ่ายนั้นมีรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิด อะไร แต่ดวงตาที่ยาวเรียวของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไป ด้วยความดูถูก เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความร้อนจากแขนที่ถูกเขาจับ เอาไว้ส่งผ่านเข้ามายังเธอ ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนกำลังถูก รุกรานอยู่
เธอสะบัดแขนออก แต่แรงของเจิ้งอวิ๋นชวนที่จับไว้มาก เกินไป เธอจึงสะบัดไม่หลุด เธอจ้องไปที่เจิ้งอวิ๋นซวนด้วยแวว ตาที่โกรธแค้น พูดทีละคำ “ปล่อย ฉัน”
เจิ้งอวิ๋นชวนยิ้มอย่างเฉยเมย: “ที่แท้คุณเสิ่นก็มีเวลาที่ถูก คนอื่นยั่วโมโหเหรอครับ? แล้วถ้าผมไม่ปล่อยล่ะ?”
เงินอีเวย กำลังเตรียมที่จะพูดอะไรต่อ สายตาก็เหลือบไป เห็นที่ปลายช่องทางเดินเหมือนจะมีคนสองคนยืนอยู่ เธอรู้สึก ประหลาดใจ จึงหันหน้าไปดู
คนยืนอยู่ที่ปลายสุดของทางเดินก็คือเพิ่งเจ๋อเฉิง ส่วนคนที่ ยืนอยู่ข้างหลังเขาคือ หลินอ
เงินอีเวยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แค่จ้องตากันเพียงครู่เดียว เธอเห็นสีหน้าของเขาอย่างชัดเจน แม้ว่าบนใบหน้าของเชิงเจ๋อเฉิงไม่มีการแสดงออกใด ๆ แต่ในแววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วย ความเย็นชา
ไม่รู้ว่าทําไม แม้กระทั่งเสิ่นอีเวย ก็รู้สึกแปลกๆ ทำไมช่วง เวลาที่เธอเห็นเพิ่งเจ๋อเฉิง ปรากฏตัว เธอต้องรู้สึกประหม่า
แม้แต่อุณหภูมิที่แก้มก็สูงขึ้นเฉยเลย
หล่อนหันหน้ามามองเจิ้งอวิ๋นชวนที่ยังคงจับแขนของเธอ อยู่ ความรุกรมของเธอก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สนใจปัญหาอื่น ๆ อีก น้ำเสียงของเธอเริ่มดังขึ้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
ไม่ต้องรอให้เงินอีเวยใช้อีกมือแกะออก แรงที่จับแขนเธอ ไว้ก็หายไป เจิ้งอวิ๋นชวนปล่อยมือของเขาออก เงินอีเวย เงย หน้ามองค้อน แต่กลับพบสายตาของเขาจับจ้องไปทางที่เพิ่ง เจ๋อเฉิงที่ยืนอยู่อีกปลายของทางเดิน
ชายทั้งสองคนมองผ่านช่องทางเดินที่ยาวเหยียดจ้องมอง กันแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เป็นอีเวยอยู่ตรงกลางของพวกเขาพอดี ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ