นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่180อยู่ดีๆก็เจอเจิ้งอวิ๋นชวน



บทที่180อยู่ดีๆก็เจอเจิ้งอวิ๋นชวน

บทที่ 180 อยู่ดีๆก็เจอเจิ้งอวิ๋นชวน

เสิ่นอีเวยคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอยู่ในใจ จนในที่สุดก็ยอมสงบปากสงบคำ

ถึงยังไงเซิ่งเจ๋อเฉิงก็กลับมาที่บริษัทก็แค่รอเวล

าที่จะรู้ช้าหรือรู้เร็วเท่านั้น

หล่อนพูดตอบกลับอย่างปกติ : “ได้ค่ะ

ฉันทราบแล้ว

ถ้าเวลาไหนที่ท่านประธานสะดวกที่จะรับสายฉั

รบกวนผู้ป่วยหลินช่วยบอกเขาให้โทรกลับหาฉั

นด้วย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเขา ขอบคุณ

คุณไว้ก่อนล่วงหน้าละกันค่ะ”

“ไม่มีปัญหาครับ

ผมจะแจ้งให้ท่านประธานทราบ คุณเสื่นไม่ต้องเกรงใจครับ

หลังจากวางสายเสร็จ

เ นอีเวยที่กำลังยืนชิดขอบหน้าต่างสูงจรดพื้น มองออกไปมองทัศนียภาพด้านนอกหน้าต่าง อีกฝั่ง หลินอวี้เก็บโทรศัพท์เรียบร้อย

เขามองผู้ชายที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดที่นั่งอยู่ด้าน หลังเบาะนั่ง พลางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม :

“คุณเสินโทรมาครับ

เธอฝากบอกว่าถ้าคุณว่างรบกวนโทรกลับไปหา

เธอหน่อยครับ

เพิ่งเจ๋อเฉิงที่ได้ยินคำว่า “เรื่องด่วน” ถึงกับเงยศีรษะขึ้นมา

สายตาของเขาช่างยากแก่คนอ่านออกเหมือนเ

แต่ว่าสีหน้ากลับมีความเหนื่อยล้าอย่างหนัก

“หล่อนได้พูดไหมว่ามีเรื่องด่วนอะไร?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงถามกลับ

หลินอวี้ดอบกลับมา :

“คุณเสิ่นไม่ได้แจ้งไว้ครับ”

เหมือนจะไม่มีปัญหา

เชิงเจ๋อเฉ่งได้แต่พยักหน้าไปมา

หลินอวี้มองสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง

คิดอยู่ในใจสักพักเลยถามเขาไปแบบอ้อมๆ : “เช่น น จะโทรศัพท์กลับไปหาคุณเสื่นไหมครับ? น้ำเสียงที่เธอพูดเมื่อสักครู่ รีบร้อนอยู่ครับ

เพิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปสักพัก

เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่แล้วก็รำพึงรำพันอ

อกมา : “เรื่องด่วน?

ก็แค่กลัวว่าฉันจะไม่ช่วยหล่อนแค่นั้นแหละ”

หลินอวี้ฟังออกว่าน้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงมันแ อบซ่อนความหมายที่ใหญ่หลวงอยู่ในนั้น แต่เขาเป็นแค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น

ในเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลามาถามอะไรมาก

หลินอวี้ที่กำลังเงียบอยู่ยิ่งได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ ของเขาก็ไม่กล้าจะที่ซักไซ้ต่อความยาวสาวควา มยืดต่อ ในเวลานี้ มีข้อความเข้ามาพอดี

เขารีบกวาดสายตาอ่านแล้วรีบแจ้งแก่เซิ่งเจ๋อเฉิ

ง : “ท่านประธานเชิง

ผู้ร่วมเซ็นสัญญาทางฝั่งยุโรปใกล้จะมาถึงบริษั

ทเชิงชื่อแล้ว

พวกเราต้องรีบกลับไปที่บริษัทเชิง

ชื่อครับ

เพิ่งเจ๋อเฉิงก้มศีรษะลงจัดการคอเสื้อที่ยับยู่ยี่ให้ เรียบร้อย เขาครุ่นคิดอยู่ในใจสักพักแล้วเอ่ยขึ้น : “ออกเดินทางกลับเ ง อตอนนี้เลย”

หลินอวี้รับคำสั่งแล้วแจ้งให้คนขับรถขับรถออก

ไป

ในตอนนี้

ผู้ร่วมลงทนฝั่งยุโรปได้นั่งพักในห้องโถงขนาดใ หญ่ของชั้นยี่สิบสี่ของบริษัทเชิงชื่อ

ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นลูกค้าของบริษัทเชิงชื่อเล

ยก็ว่าได้ CEO

ภาคพื้นยุโรปเฟลิกซ์สโตว์ก็เขาร่วมในการประชุ มครั้งนี้ด้วย เขาเป็นคนเชื้อสายจีน

ชื่อจีนของเขาก็คือเจิ้งโป๊หง

เจิ้งโป๊หงถึงแม้อายุจะเกินห้าสิบไปแล้ว

แต่ว่าจิตวิญญาณถือว่าร้อยเปอร์เซนต์

สําหรับเรื่องการลงทุนในธนาคารเขาเป็นคนที่มี ชื่อเสียงมาก

คราวนี้เขามาเซ็นสัญญาความร่วมมือการลงทุน ทางธนาคารกับเชิงเจ๋อเฉิงที่บริษัทเซิ่งชื่อด้วยต นเอง

ในทางธุรกิจถือว่าเป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซอร์ไพ รัชเอามาก ทุกคนต่างรู้ว่าบริษัทเชิงชื่อนั้นโด่งดังมีชื่อเสียง แต่ไม่มีใครคากคิดว่าบริษัทจะใหญ่โตได้ถึงขนา

ขนาดไหน

ดที่คนมีชื่อเสียงอย่างเจิ้งโป๊หง จะมาประชุมกับเพิ่งเจ๋อเฉิงที่บริษัทเชิงชื่อโดยต

รง

บุคคลเหล่านี้ตอนเดินเข้ามาในห้องโถงของบริ

ษัท

คนในบริษัทต่างก็สนทนาเรื่องนี้กันสนุกปาก เรื่องที่พูดถึงนอกจากเรื่องเซิ่งชื่อที่ลงทุนกับเจิ้

งโป๊หงแล้ว

อีกประเด็นที่ถกเถียงกันมากนั่นก็คือหนุ่มหล่อลู กครึ่งที่ยืนข้างกายเจิ้งโป๊หงคนนั้นไง

ภรรยาของเจิ้งโป๊หงเป็นคนอเมริกัน

ลูกชายของเขาเจิ้งอวิ๋นชวนเป็นลูกครึ่ง

รูปร่างสูงใหญ่โต

ทั้งตัวไม่มีสิ่งใดสัมผัสได้ถึงความเป็นคนตะวันอ

อกได้เลย

ในขณะเดียวกันกลับแสดงนิสัยที่เปิดเผยทางฝั่

งบ้านเกิดเมืองนอนฝั่งยุโรป

ช่วงถึงชั้นยี่สิบสี่นั่นเขาส่งจูบให้ทุกคนไปทั่ว แล้วยิ่งผู้ชมต่างเป็นผู้หญิงต่างก็ให้ฉายาเขาอยู่ ในใจ “คุณชายแสนเสน่ห์”

เจิ้งอวิ๋นชวนคนนี้เป็นถึงลูกชายของคนเก่ง

ข่าวคราวในแวดวงก็มีไม่น้อยจริงๆ สำนักข่าวต่างบอกว่าเขาเป็นคุณชายแสนเสน่ห์

ตอนนี้ได้เจอตัวจริงเข้าให้แล้ว

ชื่อเสียงเขาไม่ได้พูดปดมดเท็จแต่อย่างใด

ทุกคนต่างสนอกสนใจพูดคุยนินทาจนเสียงดังเ

ข็งแซ่ในออฟฟิศ

เสียงดังนั่นดังจนถึงห้องทำงานของเสิ่นอีเวย หล่อนถึงกับประหลาดใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เลยจะออกไปดูสักหน่อย แต่ในเวลานี้

ห้องทํางานของหล่อนกลับถูกเปิดออก

คนที่เปิดประตูคือเสี่ยว

พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์

เล่นอีเวยถามกลับ : “มีธุระอะไร?”

เสี่ยวมู่เป็นหญิงส่วนอายุไม่เยอะ

ใบหน้ามีเลือดฝาด น

ดูเหมือนว่าไม่รู้จะทำยังไงและเขินอายเอามาก ๆ หน้าหล่อนดูทุกข์ใจแล้วเอ่ยขึ้นมา

“ท่านประธานเงิน

คุณเจ๋งต้องการที่จะเดินดูห้องทํางานของพวกเ ราฉันริ้งเขาไม่ไหวจริงๆ ขอโทษ…”

เสิ่นอีเวยกำลังสงสัยในคำพูดของเสี่ยวพูดที่ยัง พูดไม่จบ อยู่ดีๆประตูห้องทำงานก็เปิดออก บริเวณด้านหน้าประตูมีร่างของผู้ชายสูงใหญ่อยู่ หนึ่งคน

ตอนแรกมองไม่ชัด

เงินอีเวยนึกว่าเป็นเชิงเจ๋อเฉิงแต่ว่าไม่ใช่ คนที่เดินเข้ามาคือเจิ้งอวิ๋นชวน ยิ่งตอนที่หล่อนมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน

ตอนนั้น เงินอีเวยถึงกับตะลึงพรึงเพลิด เช่นเดียวกันกับตอนที่เจิ้งอวิ๋นชวนเห็นหน้าหล่อ นสีหน้าของเขาก็ตกใจเหมือนกัน

ในเวลาไม่กี่วินาที

เสิ่นอีเวยพยายามคิดแล้วคิดอีกอยู่นานว่าเจ้าข

องใบหน้านี้เขาชื่ออะไร แล้วคำพูดที่เรียกเขาว่า “เจิ้งอวิ๋นชวน”

เ น เวยตกใจจนเบิกตาค้างไว้ คนๆนี้หล่อนรู้จัก

เจิ้งอวิ๋นชวนพยายามเก็บอาการประหลาดใจเอา

ไว้ก่อน สักพัก

เขาก็ใช้รอยยิ้มอันอบอุ่นนั่นพูดกับเสี่ยวมู่ที่ยืนข วางประตูเอาไว้ : “ขอบคุณสาวน้อยคนสวยมาก ท่านนี้คือ….

เขาค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมา

เหมือนกําลังครุ่นคิดอยู่ว่า

เมื่อครู่เสิ่นอีเวยถูกเรียกว่าอะไร

“ท่านประธานเงิน ฉันเสร็จงานเรียบร้อย หากไม่มีเรื่องอื่น ฉันขอตัว ไม่รบกวนการทํางานของคุณแล้วค่ะ”

หน้าตาของเจิ้งอวิ๋นชวนไม่ได้น่ากลัว เขาเป็นลูกครึ่ง ดังนั้นเลยหน้าตาดูมีเสน่ห์ ยิ่งการออกเสียงภาษาจีนไม่ค่อยชัดเจนตามกา รเสียงภาษาอังกฤษมันทำให้หัวใจของสาวน้อย ประชาสัมพันธ์คนนี้เต้นตุบๆ

แล้วรีบออกจากสายตาของพวกเขาทั้งสอง

เน เวยยังไม่ทันถามว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนก็หายแวบไปแล้ว เธอได้แต่ถอนหายใจ สักพัก

เจิ้งอวิ๋นชวนเดินตรงมาหาเธอโดยไม่มีการขออ นุญาต สีหน้าเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความเย็นชา

คนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจก็ต้องเคยได้ยินชื่อของคุ

ณชายท่านนี้มาแล้ว

โดยส่วนใหญ่จะพูดถึงเพราะเขามีพ่อที่มีชื่อเสีย

เสี่นอีเวยยืนอยู่ด้านหลังของโต๊ะทำงาน

สวนเจิ้งอวิ๋นชวนค่อยๆก้าวเข้ามาแล้วยืนอยู่ตรง

หน้าเธอ มือทั้งสองข้างของเขา

จับโต๊ะทํางานไว้แน่นและมองหน้าหล่อนอย่าง

สนอกสนใจแล้วเอ่ยขึ้น :

“ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณเงินที่นี่ !” ช่างบังเอิญจริงๆ

น้ำเสียงแปลกของเจิ้งอวิ๋นชวนตั้งใจที่จะเน้นคำ

พูดสุดท้ายนั่น ฟังแล้วยังขนลุก ทว่าเงินอีเวยกลับไม่เกรงกลัวเขาเลย

หากตอนนี้เขากล้ามาทําร้ายหล่อน

เงินอีเวยรับประกันเลยว่า

เธอสามารถใช้ความกล้าบ้าบิ่นมาจัดการเขาได้เ หมือนกับในบาร์ครั้งที่แล้ว

ตอนที่เห็นหน้าเจิ้งอวิ๋นชวน

เสิ่นอีเวยก็นึกถึงสมัยที่ตัวเองเจอกับเขาในบาร์

ที่ประเทศอังกฤษ

ตอนนั้นพ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่

พวกเขาต่างทราบดีว่าหล่อนสนใจเรื่องการออก

แบบชุดแต่งงานเอามาก

เลยส่งเธอให้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศอังกฤษอ

ยู่สองปี

ตอนนี้เสิ่นอีเวยเพิ่งจะอายุเพียงสิบเก้าปี

เป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวในสถานที่ห่าง

ไกลบ้านขนาดนั้น

ในใจของเธอช่างเครียดและก็หวาดกลัว ตอนที่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ

เธอเช่าห้องอยู่ด้านนอกมหาวิทยาลัย

เคราะห์ดีที่ได้เจอเพื่อนร่วมห้องที่ดี เป็นคนจีนเหมือนกัน

การได้อยู่สื่อสารกับเพื่อนชาติเดียวกันทำให้คว ามหวาดกลัวในการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้

นเคยค่อยๆดีขึ้นบ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ