บทที่170ผมช่วยคุณแทนหล่อนได้
บทที่ 170 ผมช่วยคุณแทนหล่อนได้
เงินเลยก็แค่อยากสร้างเรื่องให้เพิ่งเจ๋อเฉิงไปจากตรงนี้ แต่ว่าวันนี้ความคิดของผู้ชายคนนั้นเหมือนจะมาหัวเราะหล่อน ยังไงยังงั้น
เงินเหยียนซึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินสิ่งที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดออก มาถึงกับดีใจยกใหญ่ เพราะเขารู้ว่าเป้าหมายของเขาในวันนี้ คงประสบผลสำเร็จแล้ว เลยเดินก้าวขึ้นมาสองก้าวแล้วเอ่ย ขึ้น : “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับท่านประธาน บริษัทผมกำลัง ประสบปัญหาอยู่นิดหน่อย ตอนนี้ต้องการเงินมาลงทุน ช่วงนี้ ผมกำลังยุ่งอยู่กับการวิ่งหาคนมาช่วยเลยต้องมาเจอกับอีเวยที่ นี่ แต่อีเวยบอกว่าเงินในมือไม่พอ เอ่อ คุณอยู่ที่นี่พอดีลองคิด ทบทวนเรื่องนี้ดูไหม?”
เสิ่นอีเวยได้ฟังเรื่องนี้ถึงขำขึ้นมา เส้นเหยียนซึ่งไม่ได้พูด ความหมายจริงๆ ในสายตาของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่คร่ำหวอดอยู่ใน วงการธุรกิจมาหลายปีคงไม่มีทางหลงเชื่อเขา
ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เพิ่งเจ๋อเฉิงหันมาซักถามจากเธอ
“เขาพูดเรื่องจริงใช่ไหม?”
เสื่นอีเวยถึงตะลึงไปสักพัก ถึงได้รู้ว่าเขาถามเธออยู่ได้แต่
ก่อนตอบไปตามนั้น : “ใช่”
ในสายตาของเงินเหยียนซึ่งมองเห็นความหวังที่มากขึ้น เขายิ่งรีบกุลีกุจอแนะนำสถานการณ์ในบริษัทตนเองให้เพิ่งเจอ เฉิงฟัง : “ในความจริงแล้ว สถานการณ์ในบริษัทของผมไม่ได้ แย่ขนาดนั้น ก็แค่เอาเงินอุดรอยรั่วไว้ แล้วหาผู้จัดการฝีมือดีมา สักสองคนก็สามารถดำเนินกิจการได้ตามระบบ
“ผมไม่จำเป็นต้องมาฟังคุณพูดเรื่องแบบนี้
เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างไร้ซึ่งอารมณ์
เงินเหยียนซิ่งตกใจแล้วเก็บปากเก็บไว้
“หลังจากนี้ผมจะไปพบคุณอีกครั้งหนึ่ง เราจะมาพูดเรื่อง รายละเอียดต่างๆ ตอนนี้ผมยุ่งมาก รบกวนคุณเงินกลับไป
ก่อน”
เสิ่นอีเวยตกใจจนตาเบิกโตแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัว เองที่มองผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า นี่เขาตกลงกับเงินเหยียนซึ่ง เข้าไปแล้วหรอ?
เงินเหยียนซึ่งถึงกับตกใจกับคำสั่งที่มาอย่างฉับพลัน เขา เลยกลัวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ปัจจุบันทันด่วน เลยกล่าวไป ว่า : “ได้ กราบขอบพระคุณท่านประธานเพิ่งที่ให้ความช่วย เหลือ ท่านประธานเป็นถึงคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่คงเป็นคนที่ รักษาคำพูด วันหน้าหากมีเรื่องอะไรที่เปลี่ยนแปลง ผมค่อย กลับมาติดต่อทางเสื่นอีเวยก็ได้แล้ว!”
เสิ่นอีเวยฟังความหมายจากประโยคที่เขาพูดออกหมด หล่อนยิ่งรู้สึกว่าเงินเหยียนซึ่งที่ช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์เข้ากระดูก จริงๆ ที่เขาพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า หากเรื่องนี้มีเรื่องอะไร ที่มันไม่ใช่ตามที่ตกลงกันไว้ เขาก็ยังจะมาก่อกวนเธออยู่เรื่อยๆ ถึงเวลานั้นเขาก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงออก หน้าแทนเขาแล้ว ต่อไปเรื่องทั้งหมดเป็นหล่อนและเพิ่งเจ๋อเฉิง เข้าไปเจรจาจัดการแทน
ช่างเป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ
เสิ่นอีเวยเหล่ตามองเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ด้านข้าง นี่ก็เป็น จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อีกคน
เงินเหยียนซึ่งเห็นว่าตัวเองได้ตามที่ต้องการแล้ว เขามอง เงินอีเวยด้วยสายตาพออกพอใจแล้วกลับออกไป
ส่วนเงินอีเวยเงยหน้ามองเพิ่งเจ๋อเฉิง แต่เขาเอ่ยปากก่อน น้ำเสียงช่างถากถางดูถูกดูแคลนซะเหลือเกิน : “ถูกคนก่อกวน นานขนาดนี้ได้ เธอช่างเก่งจริงๆ
ถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงตอกหน้ากลับมา เสิ่นอีเวยแทบไม่ได้สนใจ
เขาเลย
เรื่องที่เกิดในวันนี้ หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องมันคงไม่ได้ ง่ายๆธรรมดาอะไรขนาดนั้น
ทั้งสามคนเดินเข้าลิฟต์จนขึ้นถึงชั้นยี่สิบสี่ พอออกจาก ลิฟต์ต่างคนก็แยกย้ายเข้าห้องทำงานของตัวเอง
เงินอีเวยหลังจากกลับมาที่ห้องทำงาน หล่อนก็คลุกคลีอยู่ กับปากกาอัดเสียงสีดำปั่น ที่ดินจื่อเฟิง ให้หล่อนมา รู้ทั้งรู้ว่ามัน แค่สิ่งของกระจิดริด แต่ของที่ในมือถืออยู่นั้นช่างทำให้คน หนักใจ ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าด้วยเพราะว่าภายในสิ่งของที่มัน แอบซ่อนความเลวร้ายและอันตรายของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่มั้ง
จิตใจคนยากแท้หยั่งถึงช่างน่ากลัวจริงๆ
เนื้อหาในปากกาอัดเสียงนี้มันเป็นเรื่องของการจัดการ แข่งขันออกแบบชุดแต่งงานที่จะจัดขึ้น
หลังจากอำนาจในการรับผิดชอบเรื่องการออกแบบชุด แต่งงานที่จะจัดขึ้นกลับคืนมา หล่อนใส่ใจกับเรื่องนี้เอามากๆ แต่ว่าช่วงนี้ช่างวุ่นวายมาก
มีเรื่องเล็กๆน้อยๆเข้ามาก่อกวนตลอดเลย ไม่มีเวลามา ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ก่อนหน้านี้ก็เป็นฉินจือเพิ่งผู้ช่วยของหล่อน เข้ามาช่วยเหลือ
ทว่าวันนี้กลับได้ฟังเนื้อหาของการออกแบบนั้นจาก ปากกาอัดเสียงนี้ ในใจเสิ่นอีเวยยิ่งชัดเจนมากขึ้น ความคิด ของหล่อนยิ่งกระจ่างแจ่มแจ้ง
ถึงว่าทำไมสวอันนึงถึงอยากจะเป็นคนมีอำนาจในการรับ ผิดชอบซะขนาดนั้น ตอนนั้นหล่อนยังคิดไม่ออกก็ได้แต่คิดว่า สอันลิงก็เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาใหม่ก็คงอยากที่จะทำให้ ตัวเองดีในสายตาทุกคน ทว่าหล่อนตั้งใจแต่แรกที่จะให้การ แข่งขันในครั้งนี้มามัดตัวเธอเอาไว้ เพื่อให้ตัวเธอเองตกหลุมปากกาอัดเสียงสีดำมันเก็บซ่อนความลับไว้ทั้งหมด
สวีอันจึงอยากจะให้หล่อนอับจนหนทางจนทุกข์ทรมาน แต่ครั้งนี้หล่อนจะทำให้สวอันจึงหายไปจากบริษัทเชิงชื่อแทน
เงินอีเวยนั่งครุ่นคิดอยู่บนเก้าอี้หมุนอยู่สิบนาทีเห็นจะได้ จนท้ายที่สุดก็ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบปากกาสีดำนั่นมุ่งตรงไปยัง ห้องทำงานของเซ่งเจ๋อเฉิง
“มีธุระไร?”
เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเสิ่นอีเวยที่ยืนอยู่ที่ประตู
เสิ่นเอีเวยสูดลมหายใจเข้าและพยักหน้ารับเบาๆแล้วเดิน ไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามเขา
“ฉันอยากจะพูดเรื่องหนึ่งให้คุณเข้าใจ” เสิ่นอีเวยเอ่ยปาก พูดอย่างสงบเสงี่ยม
เซ็งเจ๋อเฉิงแทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเอาแต่สนใจงานที่ ทำอยู่ในมือ
เสิ่นอีเวณเข้าใจเขาเป็นอย่างดี การที่เขาไม่ได้สนใจ หมายความว่าให้เธอพูดต่อไปได้เลย แต่หล่อนเงียบเชียบอยู่ นาน จนเขารู้สึกว่าหล่อนผิดสังเกตเลยเงยศีรษะขึ้นมาด้วย สายตาเย็นชา : “ทำไม ยังจะต้องให้ฉันเริ่มหัวข้อก่อนอีก หรอ?”
เสิ่นอีเวชเริ่มใจสั่น ที่หล่อนมาหาเขา เพราะอยากบอกเรื่องสวีอันถึงที่เกิดขึ้นในงานเรื่องคืนนั้นและเอาเรื่องของ ปากกาอัดเสียงสีดำมาบอกเขาด้วย แต่ดูจากสายตาเขาแล้ว สิ่งที่หล่อนถามเขากลับไม่ใช่เรื่องนั้นที่ตัวเองคิดอยู่ในใจ
“วันนี้ทำไมคุณถึงมาช่วยฉัน?”
เงินอีเวยถามปัญหาที่มันซ่อนลึกอยู่ในใจ
เพิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองหล่อนด้วยสายตาทะเลลึกดำมืดที่ไม่ แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆเหมือนกับว่ากำลังคิดจะที่ตอบ คําถามว่าจะตอบยังไงดี สักพัก เขาถึงได้เอ่ยปาก “เพราะว่า ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยอยู่พอดี
ใจเสิ่นอีเวยเต้นสักพัก ที่แท้ สิ่งที่หล่อนคาดเดาก็ไม่มีผิด
เพี้ยนไปสักนิด หล่อนจ้องมองเพิ่งเจ๋อเฉิงในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
หล่อนปากกาอัดเสียงสีดำที่อยู่ในมือไว้แน่นเหมือนจะบีบมัน ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
สายตาที่ส่องประกายออกมาของเงินอีเวยมันเต็มไปด้วย ความเย็นชา : “ก็ใช่ ฉันแค่คิดว่าคุณมันคงไม่ง่ายธรรมดาแบบ นั้น ถึงยังไงคุณก็เป็นนักธุรกิจทำอะไรก็เพื่อกำไรไว้ก่อนถึงจะ พูดได้ว่าเป็นทัศนคติที่ปกติตามทางของคุณ จะมาช่วยฉัน โดย ไม่เสียตังค์สักแดงเดียวได้ยังไง?
เมื่อครูตอนอยู่นห้องโถงนั่น เสิ่นอีเวยก็เดาได้ว่าที่เพิ่งเจอ เฉิงยื่นมือเข้าไปช่วยตัวเองมันต้องเหตุผลแน่ๆ แต่หล่อนก็ไม่ กล้าฟันธง เพราะหล่อนบางทีก็รู้สึกว่าเขาคงสงสารที่ตัวเองจับใจต้องมาถูกคนอย่างเป็นเหยียนซึ่งก่อกวนไม่เลิก เลยยื่น มือเข้ามาช่วย
เพราะว่าลักษณะนิสัยผู้ชายที่เป็นใหญ่อย่างเพิ่งเจ๋อเฉิงมัก มีความปรารถนาในการครอบครองและความเป็นไปได้อย่าง เต็มเปี่ยม พูดง่ายๆ ให้เข้าใจว่าผู้ชายเป็นใหญ่ไม่มีทางที่ให้ ใครเข้ามาเดาใจได้ง่ายๆ เลยทำให้เขาเป็นคนไม่ได้สนอก สนใจหล่อนเลย
ช่างน่าตลกสิ้นดี เสิ่นอีเวยหัวเราะอย่างไร้อารมณ์โดยไม่มี เสียงเล็ดลอดออกมา
ทว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงกลับได้ยินมันเข้า
สายตาที่เฉียบแหลม รอยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากมันทำให้คน อย่างเขาดูหยิ่งอย่างเหลืออดเหลือทน : “ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ โง่เหมือนที่แสดงออกมา เดิมทีฉันวางแผนไว้ว่าจะจัดการเรื่อง เงินเหยียนซึ่งให้เสร็จสิ้นซะก่อนค่อยมาคุยเรื่องนี้กับเธอ ก็ดี พูดไว้ก่อนเธอจะได้มีเวลาเตรียมใจอยู่สักพัก แต่ตอนนี้เธอรู้ แล้วงั้นพวกเราก็พูดกันตรงๆเลยแล้วกัน”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ