นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่149เกี่ยวกับคำนินทาเหล่านั้น



บทที่149เกี่ยวกับคำนินทาเหล่านั้น

บทที่ 149 เกี่ยวกับคำนินทาเหล่านั้น

สุดท้ายเงินอีเวยและเซียวหันถึงก็เลือกที่จะนัดพบกันที่ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามยังคงเหมือนเมื่อก่อนที่ดูดีมีชีวิตชีวา เซียวพันถึงสวมชุดสูทสีเทาเข้มที่ถูกตัดมาพอดีตัว ยิ่งทำให้เขา ดูภูมิฐาน

เซียวหนถึงคนกาแฟในแก้วของเขาพร้อกับถามด้วยเสียง นุ่มนวลว่า: “ผมลืมถามคุณตลอดเลยว่า ครั้งก่อนที่คุณสลบไป ที่บริษัทเดิมของคุณ แล้วผมพาคุณไปส่งโรงพยาบาล ถ้าผมจำ ไม่ผิด คุณตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับ แล้วต่อมาสภาพร่างกาย คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

เงินอีเวยหยิบช้อนสีทองค่อยๆ คนเบาๆ กลัวว่าเชียวนั้น ถึงจะจับพิรุธอะไรหล่อนได้ จึงหัวเราะเบาๆก่อนตอบเขา ว่า “ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ ฉันกินยาอยู่ตลอด แล้วก็ไปรักษาที่ โรงพยาบาล ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ”

เซียวหันถึงมองใบหน้าเรียบเฉยประดุจน้ำ ไม่รู้ทำไม ใน

ใจเขากับรู้สึกหดหูเงียบเหงาขึ้นมา

เชียวนั้นถึงหัวเราะออกมาเบาๆ “คุณเงินบางครั้งผมก็

รู้สึกเกลียดคุณเหมือนกันนะ”
เงินอีเวยอึ้งไปเล็กน้อยรีบถามเขาทันทีว่า “คุณเกลียด

อะไรฉันคะ”

เหมือนเป็นคำพูดที่เขาได้ท่องจำไว้จนขึ้นใจเสียแล้ว เขียว ห็นถึงค่อยๆบรรยายออกมาเกลียดที่คุณเป็นแบบนี้ไง มักจะ ทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า

“จริงเหรอคะ”

ใบหน้าของเสิ่นอีเวยแดงเรือขึ้นมา มีความลังเลสงสัยอยู่

ในน้ำเสียง

“งั้นก็ยกตัวอย่างตอนนี้เลยแล้วกัน ระยะห่างระหว่างเรา สองคนไม่ถึงเมตร และพวกเราก็เหมือนอยู่ในสมรภูมิรบ เดียวกันเป็นพันธมิตรกัน แต่คุณกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่มี วันเข้าถึงตัวคุณได้เลย ถ้ารู้ว่า… ”

เซียวหนถึงอยู่ๆก็หลบสายตาไป หล่อนรู้สึกวิตกกังวลใน ใจเล็กน้อย เพราะว่าชายหนุ่มตรงหน้าหล่อนมีบางอย่างไม่ เหมือนเดิม

“เมื่อก่อนความรู้สึกแบบนี้เป็นผมเองที่ทำต่อคนอื่น หลาย ครั้งที่ผมเคยรู้สึกคับข้องใจ

แม้ว่าน้ำเสียงของเซียวหันถึงจะดูเรียบเฉย แต่ก็สามารถ ฟังออกว่าในน้ำเสียงนั้นแฝงการหัวเราะเยาะตัวเองอยู่

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นให้พูดคำพูดเหล่านี้ เสิ่นอีเวยอาจจะ รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย แต่คนที่พูดประโยคนี้คือเซียวหันถึง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองกลับกลายเป็นทั้งสนิทสนม ทั้งดู ห่างเหินแบบในตอนนี้ จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะเป็นเขาผู้นำ แต่ เขาก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

เงินอีเวยรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเลย

โต๊ะที่พวกเขานั่งติดริมหน้าต่าง ภายนอกก็คือภาพรถรา คับคั่งที่แล่นอยู่ในยามค่ำคืนของเมืองนี้

หน้าต่างถูกเปิดอยู่ ลมพัดเข้ามา พัดเอาผมสไลด์ที่ปกอยู่ ที่หน้าผากหล่อนปลิว หล่อนจึงรวบผมปิดไปด้านข้าง หัวเราะ ฝืดๆออกมา “ท่านประธานเซียวพูดมาแบบนี้ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ เท่าไหร่นะ ตอนแรกเป็นคุณนะที่เป็นฝ่ายมาหาฉันก่อน ตอนนี้ จะโทษว่าฉันทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง”

เซียวหนถึงฟังออกว่าคำพูดของเสิ่นอีเวยโจมตีเขาเล็ก น้อย จึงยิ้มแก้ขัดออกมา: “คุณเงินคิดมากไปแล้ว ผมไม่ได้ หมายความอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะจิตใจคนเรายากแท้หยั่ง ถึง เพราะมันเป็นเรื่องที่บอบบางหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่รู้ว่า เวลาที่คุณอยู่ต่อหน้าเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นจะเป็นแบบนี้รึป่าวแค่นี้ก็

อันที่จริงแล้วเชียวหันถึงก็ไม่อยากเอ่ยชื่อผู้ชายคนนี้ต่อ หน้าเสิ่นอีเวย แต่ว่าเขากับหล่อนก็รู้จักกันมานานแล้ว การพูด คุยติดต่อมากมีมากอยู่ และเขาเองก็แสดงความจริงใจและจุด ประสงค์ของตัวเองชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ทุกครั้งเป็นอีเวยก็มัก จะมีท่าทีนิ่งเฉย

ถ้าไม่ล้ำเส้นกัน ก็ไม่มีทางได้ใกล้ชิดกัน ทำให้เขารู้สึกทรมานไม่น้อย ช่วงเวลานี้อาจจะเรียกได้ว่าร้อนใจ

เมื่อเงินอีเวยได้ยินค่าพูดของเขียวหันถึง มือที่กำลังถือ ถ้วยกาแฟเป่าอยู่นั้นก็ชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อม ถามว่า “ประธานเขียวถามแบบนี้ทำไมคะ

เป็นประโยคที่แสดงความสนิทสนมอีกแล้ว ยิ่งตอกย้ำถึง

ระยะความสัมพันธ์ของคน

ส่วนใหญ่ในสถานการณ์แบบนี้ คนที่ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือ อย่างไรถึงจะย้อนถาม และคนเราเมื่อมีอะไรมาสัมผัสจิต วิญญาณลึกๆของเรานั้นบางครั้งอาจจะเกิดความรู้สึกที่ทำอะไร ไม่ถูก

เมื่อชื่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงสามคำนี้ถูกพูดออกมา เซียวหัน งมองเห็นดวงตาของหญิงสาวฝั่งตรงข้ามฉายแววความอ่อนแอ จากการได้รับบาดเจ็บ

วินาทีนี้เองที่เขาสัมผัสได้ว่าตนเองหมดความอดทนแล้ว

เซียวหนถึงวางแก้วกาแฟเซรามิกลงที่จานรอง ด้วยน้ำ หนักที่ไม่เบาและไม่แรง แต่ก็ทำให้เกิดเสียงกระทบกันดังขึ้น จึงดึงความสนใจของเงินอีเวยมา

พอเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับดวงตาที่จริงจังมากกว่าปกติ ทั่วไปของเขียวหนถึง หล่อนเผลอบีบแก้วกาแฟในมือแน่น โดย

ไม่รู้ตัว

“คุณเสน พูดตรงๆเลยนะครับผมเองก็เป็นนักธุรกิจ ด้วยนิสัยจะทำอะไรผมย่อมคิดถึงผลกำไรมาเป็นอันดับแรก

พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็หยุดชะงักลง

เสิ่นอีเลยมองเขาอยู่เงียบๆ น้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ ใดๆ “ประธานเชียวหมายความว่ายังไงคะ”

เซียวหนถึงค่อยๆผ่อนคลายลงหย่อนหลังพิงพนักเก้าอี้ น้ำ เสียงดุดันขึ้นเล็กน้อย : “ผมกับคุณก็รู้จักกันมานานแล้ว ติดต่อ กันอยู่บ่อยๆ อีกอย่างผมเองก็แสดงเจตจำนงจุดประสงค์อย่าง ชัดเจนตั้งแต่แรก แต่จนถึงตอนนี้

เสิ่นอีเวยอยู่ๆก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นในใจ

“คุณเสิ่นเองเหมือนจะไม่ได้ให้ความหวังผมเลยแม้แต่

น้อย”

พูดถึงตรงนี้ ทุกอย่างก็ถือว่าชัดเจนแล้ว เขาคิดว่าต่อให้ หญิงสาวตรงหน้าไร้เดียงสาแค่ไหนก็คงต้องเข้าใจความหมาย ที่เขาพูด

แต่เป็นเซียวพันถึงที่ไม่เข้าใจเสนอเวยเลย ต่อให้ในใจ ของเงินอีเวยจะเข้าใจดีแค่ไหน แต่หล่อนไม่อยากตอบหล่อนก็ จะแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

เสิ่นอีเวยกระพริบตาปริบๆ ตอนนี้เองที่ความเป็นเด็กใน ตัวหล่อนได้ปรากฏออกมาอย่างเต็มที่

“ประธานเซียวพูดให้ชัดกว่านี้อีกหน่อยได้มั้ยคะ ฉันไม่

เข้าใจความของคุณจริงๆ
เขียวหันถึงมองเสื่นอีเวย สายตาของอีกฝ่ายสดใสและ หนักแน่น มองไม่เห็นความหวั่นเกรงใดๆ ในแววตา ทั้งสอง สบตากันอยู่อย่างนี้พักใหญ่

สุดท้ายเดียวกันถึง ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา ตอนนี้กลับมาพ่ายแพ้ให้กับ หญิงสาวตัวเล็กๆตรงหน้า เมื่อครู่เขาได้เห็นแววตาบริสุทธิ์ได้ เดียงสาเพียงเสี้ยววินาที ในสมองของเขาก็ผุดคำๆนี้ขึ้นมา

เวรกรรมที่ไม่อาจหลีกหนี

เซียวหันถึงหัวเราะฝืดๆออกมา หน้าตากลับดู ชื่นมื่น “ไม่มีอะไรครับ คุณเงินอย่าเอาไปคิดมาก อาจจะเป็น เพราะว่าไม่ได้มีแค่เหล้าที่ทำให้คนเมาแต่อาจจะเป็นเพราะ กาแฟอีกอย่างด้วยนะครับ ฮ่า ๆ ๆ”

เมื่อเจอมุกนี้ของเขา หล่อนก็ไม่ลังเลที่จะรับมุกด้วยรอย ยิ้มอันสดใสสวยงาม

เหมือนเขานึกอะไรขึ้นมาได้กระทันหัน สีหน้าเซียวหันถึงก ลับดูสับสนขึ้นมา: “เด็กที่คุณเพิ่งเสียเขาไปเป็นลูกของเพิ่งเจอ เฉิงใช่มั้ย”

นานมากแล้วที่หล่อนไม่ได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เหมือนมีมีดมาเสียบที่หัวใจ เจ็บเจียนจะขาดใจ

เมื่อมองเห็นสีหน้าของเงินอีเวยผิดปกติไป เดียวกันถึงจึง รีบพูดว่า “ถ้าผมทำให้คุณรู้สึกแย่ ผมต้องขอโทษด้วย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดเรื่องนี้ แต่เพราะช่วงนี้ผมได้ยินข่าวลือที่ไม่

ค่อยดีมา

เสื่นอีเวยนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “ข่าวลือเรื่อง

อะไรคะ”

“ข่าวลือที่ว่าเด็กที่คุณเสียไปเป็นลูกของผม”

เงินอีเวยตกใจ ก่อนที่บนใบหน้าจะถูกแทนที่ด้วยความ เหนื่อยล้า หล่อนกับเพิ่งเจ๋อเฉิงเคยทะเลาะโต้เถียงกันมาหลาย ครั้ง ก็คงห้ามคนที่ได้ยินไม่ให้เก็บใส่ใจไปคิดจริงจังได้

เงินอีเวยหัวเราะออกมา: ” มีแต่ข่าวลือที่ไม่มีมูลอะไร คุณ อย่าไปใส่ใจเลยนะคะ”

เซียวหนถึงกลับตอบมาว่า : “ผมกลับอยากให้ตัวเองอยู่ ในฐานะที่สามารถจะเก็บมาใส่ใจได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ