นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่134หลินอวี้มาพาตัวออกไป



บทที่134หลินอวี้มาพาตัวออกไป

บทที่ 13 หลิน มาพาตัวออกไป

เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดมาจากบริเวณด้านหลังของเขา ถานจงหมิงเลยไม่มีกะจิตกะใจหันไปมองบุคคลที่ก้าวเข้ามาใน ห้อง เสิ่นอีเวยมองจากสายตาเขาก็รู้ว่าเขาโมโหเกรี้ยวกราด ขึ้นมา ตอนนั้นเขาง้างฝ่ามือจะตบเงินอีเวยอย่างโมโหโกรธา

“ผู้หญิงแพศยา เมิงกล้า….โอ้ย!”

ถานจงหมิงที่ยังพูดยังไม่ทันจบประโยคร่างกายของเขา ทั้งตัวก็ถูกถีบออก เสิ่นอีเวยเพ่งมองดีๆก็เห็นว่าเป็นบอดี้การ์ด ที่สวมใส่เสื้อผ้าชุดสีดำ

เงินอีเวยคิดว่าคนที่มาคือเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอรีบพลิกตัวขึ้นมา นั่งแต่สิ่งที่พบกลับเป็นหลินอวี้มาแทน

หัวใจของเธอเหมือนประสบกับการเสียความรู้สึกเข้า อย่างจังยากต่อการอธิบายมันออกมา

เหล่าบอดี้การ์ดคนสนิทของเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นถูกฝึกมาอย่าง เข้มงวด การถีบเมื่อครู่นี้ก็ถือว่าไม่ได้เบามือเลย เขาโมโห อย่างบ้าคลั่งรีบลุกขึ้นมาด่าทอยกใหญ่ : “พวกเมิงเป็นใคร

กล้ามากนะที่กล้ามาทำร้ายในถิ่นของ

หลินอจ้องมองเขาอย่างเฉยเมยและก็ไม่ตอบคำถามเขาในมือของหลิน มีเสื้อคลุมอยู่ในมือ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆเ นอีเวยเพื่อจะห่มคลุมเรือนร่างของเธอเอาไว้ เงินเวยที่ยังตั้ง สติไม่ได้แต่ในมือเธอกลับ ที่เปิดขวดไว้แน่นไม่ปล่อย

หลินอวี้ตกใจเขายื่นมือไปดึงเอาที่เปิดขวดออกจากมือ ของเงินอีเวยอย่างไม่ส่งเสียงใดๆออกมา หลังจากนั้นก็เอาเสื้อ คลุมพาดคลุมช่วงไหล่ของเสิ่นอีเวยอย่างเบามือ ร่างกายเธอ สั่นเทาสักพักถึงได้สติขึ้นมา

“คุณเส็น ไม่เป็นไรใช่ไหม” น้ำเสียงของหลินอวสงบนิ่งมัน ทําให้คนเราสงบจิตสงบใจได้

คิ้วของเสิ่นอีเวยกระดูกรับ : “ขอบคุณค่ะ”

หล่อนลุกขึ้นจากโซฟานั่นแล้วเดินมายืนนิ่งบริเวณด้าน หลังของหลินอวี้ ทว่าในใจที่ถูกพายุถาโถมมันยังไม่สามารถ สงบนิ่งลงได้ มือทั้งสองข้างของเธอที่อยู่ในแขนเสื้อคลุมนั่นยัง คงสั่นไม่หยุด

ตอนนั้นเอง หลินอวี้ถึงได้หันไปทางถานจงหมิง น้ำเสียง ยังคงเย็นชาและสื่อความหมายอย่างชัดเจน : “ท่านประธาน ถาน ท่านประธานเชิงแค่บอกให้คุณคุยเสวนากับคุณเงิน เท่านั้นเอง แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ท่านประธานถานคง เข้าใจความหมายผิดไป

ถานจงหมิงลุกยืนขึ้นจากบริเวณพื้นห้องแล้วมาทางหลิน อพร้อมทั้งพูดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว : “เพิ่งเจ๋อเฉิงบอกว่าแค่คุย ก็คือคุยหรอ? ทุกคนต่างก็ไม่ต้องมาประหยัดน้ำลายกันไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่อง ใครจะไปคิดได้ว่าแค่คุยกันธรรมดาแบบบริสุทธิ์ใจ เท่านั้น แกอย่ามาสร้างเรื่องที่ใครๆเขาก็เข้าใจกัน มาทำให้คน อืมสับสน!”

หลินอฟังที่เขาพูดจบก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เขาส่งสัญญาณ ให้คนติดตาม ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนหนึ่งคนเดินออกมายัง ที่โต๊ะตัวใหญ่ข้างๆแล้วยื่นมือเอาสิ่งของบางอย่างวางลง

เขายื่นให้หลินอวี้และหลินอหยิบมันขึ้นมาพูดกับถ่านจง หมิง : “สิ่งที่ท่านประธานถานพูดออกมาผมไม่ค่อยเข้าใจสัก เท่าไหร่ หากท่านประธานถานเข้าใจความหมายของท่าน ประธานเพิ่งผิดไปจริงๆ ท่านประธานสามารถเปิดเครื่องบันทึก เสียงนี้ขึ้นมาฟังได้ ส่วนเนื้อหาด้านในคือตั้งแต่แรกเริ่มจนถึง ท้ายที่สุดของการบันทึกเสียงนี้มีแต่ท่านประธานเพิ่งให้คุณเสี นมาคุยเสวนากับท่านเท่านั้นเอง แต่หลังจากที่ท่านประธานเป็ งออกไปแล้วคุณกลับทำมิดีมิร้ายต่อคุณเงินแทน

เสิ่นอีเวยที่กำลังฟังสิ่งที่หลินอพูดถึงกับเบิกตาโตอิ้ง ตะลึงงงันหล่อนเงยหน้ามองปากกาอัดเสียงนั่นมันเป็นสีเงิน ลักษณะความยาวเหมือนกับดินสอวาดภาพ แต่ในนั้น… มันมี การอัดบันทึกเรื่องราวคืนนี้ทั้งคืนที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเริ่มจนถึง ณ ขณะนี้ใช่ไหม?

เงินอีเวยถึงกับตกตะลึงไปสักพัก

ถานจงหมิงก็อึ้งกิมกี่เช่นเดียวกัน สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา สายตาเขาแสดงความจงเกลียดจงชัง “ได้…ช่างเพิ่ง
เจ๋อเฉิงกล้ามากที่กล้าหยอกได้!

หลินอพูดต่อ: “ท่านประธานถานแน่ใจนะว่าจะมาคิด บัญชีกับท่านประธานเพิ่งต่อ? พฤติกรรมที่คุณทำในคืนนี้ ทาง ราสามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีทั้งคนและหลัก ฐานเรามีครบทุกอย่างแล้ว ท่านประธานถานคงไม่ใช่คนที่พูด ไม่รู้เรื่อง ใช่ไหม?”

ถานจงหนึ่งไม่พอใจสุดๆ โมโหจนกรามกระดูกสันนูนขึ้น มา เขาชี้นิ้วที่สั่นระริกมาที่หลินออยู่นานถึงได้เอ่ยปากออกมา จนได้ : “ได้.. วันนี้ถือว่าฉันโชคไม่ดี”

พูดจบก็เหล่ตามองเสื่นอีเวย หัวเราะอย่างเย็นชาอยู่สักพัก

ดูจากการหัวเราะของถ่านจงหนึ่งแล้ว เสิ่นอีเวยรู้สึกหนาว สั่นจนถึงหลังขึ้นมา เลยพยายามจะหลบสายตาไปทางอื่น

การมาของหลินอวี้ทำให้เงินอีเวยถูกพาตัวออกไปจาก

สโมสรส่วนตัวนี้ได้

เงินอีเวณนั่งอยู่บนรถหลินอวี่ ตอนเธอขึ้นรถเธอตั้งใจที่ เปิดกระจกรถไว้เพื่อให้ลมเย็นๆที่พัดเข้ามากับใบหน้าที่ขาวซีด ของเธอ ลมที่พัดเข้ามามาพัดเข้าดวงตาเธอ เธอได้แต่หลับตา ลงเบาๆ น้ำตาก็ไหลเอ่อออกมาด้วยเช่นกัน

ความในใจที่หายไปของเงินอีเวยไม่รู้ว่าน้ำตาที่หลั่งไหล ออกมานั่นมันเป็นเพราะผมที่เข้าตาหรือเพราะเรื่องอื่นกันแน่

หล่อนใช้แขนเสื้อค่อยๆเช็ดปาดน้ำตาเบาๆ หลินอมองด้วยหางตาก็เห็นภาพนั้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

เงินอีเวยอ้าปากพูด : “เพิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนให้คุณมาใช่ไหม

หลินอวี้ตอบรับ : “ครับ”

“คืนนี้เขาไม่ได้ไปจัดการเรื่องงานที่บริษัทใช่ไหม?

น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยเย็นชาขึ้นมาบ้าง ความจริงเธอรู้สึก ว่ามันแปลกๆทั้งๆที่เกือบจะตัดสินใจได้อยู่แล้ว ทำไมตอนนี้ถึง ได้สนอกสนใจเรื่องเขานักหนา เหมือนกับว่าถ้าตัวเองไม่เห็น โลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตาแบบนั้น เรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ต้องซักใช้ ถามตั้งแต่ต้นจนจบให้ได้

เสิ่นอีเวยรู้สึกตัวเองเป็นคนอย่างหลัง เพราะหล่อนรู้ดีว่า เรื่องนี้เป็นความคุ้นเคยที่ไม่ได้มีอะไร มีหลากหลายครั้งที่อยาก จะแก้ไขมันให้สิ้นซากไป แต่ว่าทำไม่ได้สักที เพราะว่าเขาคือ เชิงเจ๋อเฉิง

หลินอครุ่นคิดสักพักแล้วตอบกลับอย่างเจียมเนื้อเจียม ตัว : “นี่เป็นเรื่องของท่านประธานเชิง ผมไม่ทราบ ขอโทษ

ครับ”

เสิ่นอีเวยฟังที่เขาพูดก็ได้แต่หัวเราะไปตามน้ำ : : “คุณ ไม่ใช่อยู่ตัวติดกับเขาตลอดเวลาหรอ? คุณไม่ใช่ผู้ช่วยคนสนิท ของเขาหรอ? เขามีเรื่องอะไรทำไมคุณจะไม่รู้ได้ยังไง?

หลินอวี้ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาขับรถต่อไป
ตอนที่เล่นอีเวยคิดขึ้นถึงได้รู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออก มานั้นมันช่างสื่อความหมายที่มแทงเขาอยู่เนืองๆ ในใจเธอเริ่ม เต้นแรง รู้สึกได้ว่าสิ่งที่ตัวเองแสดงออกไปเมื่อครู่นั้นมันไม่ค่อย มีมารยาทเลยแสดงการขอโทษกับหลิน : “ผู้ช่วยหลิน ขอโทษนะ เมื่อครู่ฉันพูดแรงไป หวังว่าคุณจะไม่ถือโทษอะไรฉัน นะ”

หลินอวี้ไม่ได้หันศีรษะกลับมา สีหน้าปรากฏไปด้วยรอย ยิ้มอ่อนๆ น้ำเสียงยังคงให้เกียรติอยู่เช่นเดิม: “ไม่เป็นไร คืนนี้ คุณเสิ่นเจอเรื่องไม่ค่อยดีมาเยอะแล้ว อารมณ์คงไม่ค่อยดีเท่าที่ ควร เดี๋ยวอีกสักพักก็ต้องจัดการได้ดีขึ้น

เงินอีเวยพยักหน้า หลินอคนนี้ไม่เลวเลยไม่ว่าจะทำอะไร ก็ตามทำให้คนรอบข้างสงบลงได้ แต่เมื่อครู่เป็นเพราะอารมณ์ ไม่ดีเลยเผลอพูดออกมา เธอไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้จริงๆ เลย ที่ร่างกายมันเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ

หรือต้องทำตามที่หลินอบอกจริงๆว่าตัวเองควรจัดการ อารมณ์ความรู้สึกให้ดีขึ้นก่อน

รถจอดลงที่หน้าประตูวิลลาของตระกูลเชิง

หลินอลงรถแล้วหันไปพยักหน้าให้เงินอีเวย: “ผมส่งคุณ

ได้แค่ที่นี่ครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

เสิ่นอีเวยยืนอยู่หน้าประตูใหญ่สักพัก หล่อนรู้สึกว่าเจ็บ ปวดจริงๆ รู้ดีว่าเรื่องที่ทำผิดนั้นไม่ใช่ตัวเองก่อเรื่องขึ้นมา แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ไม่กล้าเข้าบ้าน

สักพัก เธอถึงได้เอื้อมมือผลักประตูเข้าบ้าน

วิลลาที่ใหญ่โตมโหฬารกลับดำมืดสนิท เงินอีเวยไม่ได้ เปิดไฟพยายามคลาทางเพื่อเดินขึ้นบ้านชั้นบน หล่อนไม่รู้ว่า อารมณ์ของตัวเองตอนนี้ว่ามันจะอดทนได้นานขนาดไหนกัน รู้ แค่ว่าบริเวณหน้าอกเธอในตอนนี้ วินาทีนี้ก็เหมือนกับลูกโป่งที่ กำลังถูกเป่าลมอยู่ นับวันยิ่งใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น …. มันพร้อมที่จะ ระเบิดออกมาอยู่ตลอดเวลา

ทางเดินที่ระเบียงชั้นสองมันสงบเงียบ เสิ่นอีเลยรู้สึก เคว้งคว้างขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าคนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่อยู่บ้านแต่เขาอยู่ ที่บริษัทแทน กำลังใจที่มันปรากฏขึ้นอยู่ในหัวใจค่อยๆมลาย หายไป เธอนับวันยิ่งเหนื่อยล้าลงไปทุกที

ความรู้สึกนี้ก็เหมือนกับว่าคุณอยากฆ่าคนที่ไม่น่าให้อภัย สักคน อาวุธ อุปกรณ์เครื่องมือ ตลอดจนแผนการฆาตกรรม เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แม้ว่ารู้ดีถึงผลลัพธ์ของการฆาตกรรม ที่ตามมาอย่างชัดเจนก็ตาม ว่ามันหนักหนาเอาการอยู่ แต่ใน เวลานี้ คุณหาคนๆนั้นไม่พบแล้ว

ไม่มีแม้การลงมือ ความโศกเศร้า ความห่วงหาอาดูร การ กล่าวโทษตัวเองมันหายไปในกองฝุ่นไปสิ้นแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ