นายเป็นแค่สามีเก่า

ตอนที่ 115 พวกเราปลดปล่อยกันและกันเถอะ



ตอน115พวกเราปลดปล่อยกันและกัน

เถอะ

ตอนที่ 115 พวกเราปลดปล่อยกันและกันเถอะ

สิบนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มกำแน่น หนังสือพิมพ์อันเรียบ

มันถูกขยำเป็นก้อนกลม

หลินอี

คนที่ยืนข้างๆเอามือแนบลำตัวก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบ

“คุณสั่งมาได้เลย”

ฉันให้เวลานายหนึ่งวัน ไปตรวจสอบว่าใครที่เป็นคนเอา

ความลับเรื่องนั้นรั่วไหล เซิ่งเจ๋อเฉิงน้ำเสียงเย็นชาและในนั้น

แฝงไปด้วยความเข้มงวดเคร่งครัด

หลินอวพยักหน้า “ครับ”

เมื่อพูดเสร็จก็เอามือแนบลำตัวแล้วเดินออกไป

ทางด้านห้องทำงานของเสิ่นอีเวยก็ถูกสวี่อันฉิงผลักประตู เข้ามา เธอเงยหน้าขึ้นและเพียงชำเลืองมองคนที่หน้าประตู อย่างเย็นชา แต่ในใจรู้สึกถึงชะตากรรมที่เลวร้าย

เส้นอีเวยไม่รู้ว่าสวี่อันฉิงจะรู้เรื่องที่ตนเองแท้งลูกหรือไม่ เธอพูดด้วยน้ำเสียงอันห่างเหิน “เธอมีธุระอะไร?” สวีอันฉิงยิ้มอย่างเย็นชา “ก็ไม่มีธุระอะไรหรอก ก็แค่อยาก จะมาปลอบใจเธอ”

เส้นอันเวยได้ยินเธอพูดว่า ปลอบใจ สองคำนี้ สิ่งที่เธอ คาดเตาไว้ในใจก็ถูกยืนยันแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าไม่มี เหตุผลเพียงพอว่าทำไมสวี่อันฉิงถึงรู้เรื่องนี้ได้ เธอจับไปที่ด้าม ปากกาอย่างแน่นขึ้นเรื่องๆ โดยไม่รู้ตัว

ฉันไม่มีอะไรที่จะให้เธอมาปลอบใจ ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ เชิญเธอออกไปได้แล้ว

เสิ่นอีเวยหัวเราะอย่างเกินความเป็นจริง แล้วพูดอย่าง เยาะเย้ยขึ้นว่า “สิ้นอีเวย ฉันหล่ะนับถือเธอจริงๆ แม้แต่เรื่องที่ แท้งลูกที่ร้ายแรงขนาดนี้เธอก็ยังไม่เอามาใส่ใจ เธอนี้ใจกว้าง มากจริงๆนะ”

เมื่อสวี่อันฉิงพูดคำว่าแท้งลูกออกมา เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่า ตนเองเหมือนคนสูญเสียการได้เย็น ในสมองว่างเปล่า

ตนเองอุตส่าห์ใช้เวลาพยายามลืมเรื่องนี้มาได้นานขนาด นี้ ตอนนี้ถูกสวีอันฉิงพูดขึ้นมาใหม่อย่างง่ายตายเช่นนี้ เสี่ นอีเวยรู้สึกว่าใจตนเองนั้นเจ็บปวดจนแทบจะหยุดหายใจ

เธอแสร้งทำเป็นสงบไม่สะทกสะท้าน และมองไปทางผู้ หญิงที่ชอบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นตรงหน้า “ทำไม เธอถึงรู้เรื่องนี้”

สวีอันฉิงเอาหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือไปวางลงบนโต๊ะ ทำงานที่อยู่ตรงหน้าของเสินอีเวยแล้วตบลงเบาๆ เมื่อเธอก้ม ลงดูก็เห็นพาดหัวข่าวใหญ่ที่ทำให้ตกตะลึง ริมฝีปากและขนตา ของเธอสั่นเบาๆ ราวกับว่าอยากค้นหาความจริงในคำพูดนั้น

สวีอันฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจที่เห็นคน อื่นเป็นทุกข์ “อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่รู้เรื่องนี้? เรื่องที่เธอแท้ง ลูกได้ถูกสื่อมวลชนรายใหญ่รายงานข่าวแล้ว และยังแพร่ไปทั่ว ทั้งบริษัทเซิ่งชื่อ ถ้าเธอไม่เชื่อละก็ ตอนนี้ก็ลองเดินออกไป ข้าง นอกมีคนคอยที่จะหัวเราะเยาะเธออีกมาก”

เสิ่นอีเวยปวดหัวราวกับจะระเบิด ความเจ็บที่แท้งลูกในวัน นั้นเหมือนกับว่าได้กลับมาเกิดขึ้นใหม่ในตัวเธออีกครั้ง เธอ รู้สึกได้แม้กระทั่งว่าลูกน้อยค่อยๆถูกเอาออกไปจากตัวเธอ อย่างไร

ใช่แล้ว ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ ทุกคนทนเห็นเธอ มีชีวิตที่ดีไม่ได้

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ชอบลูกคนนี้ คนข้างนอกกำลังรอหัวเราะ เยาะคุณนายเซิ่ง แม้แต่สวี่อันฉิง คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอกล้าทำ อย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่เดินมาหาเสิ่นอีเวยถึงตรงหน้า หัวเราะ เยาะเธออย่างอวดศักดา

“ถ้าจะให้ฉันพูดนะ ฉันว่าเธอกับพี่สาวของเธอหัวอกเดียว กันจริงๆ เขาปกป้องชีวิตตนเองไว้ไม่ได้ เธอรักษาชีวิตลูกที่อยู่ ในท้องของตนเองไม่ได้ สวรรค์ช่างโหดร้ายกับพวกเธอสองพี่ น้องจริงๆนะ”

สวอันฉิงยังพูดไม่ทันจบ เสิ่นอีเวยยกแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะ สาดไปที่หน้าของสวี่อันฉิ่งจนหมดแก้ว น้ำเป็นน้ำเย็น สวี่อันฉิง ไม่ได้ถูกลวก แต่ก็ตกอยู่ในสภาพหน้าแตกและเก้ๆกังๆเป็น อย่างยิ่ง ยืนชะงักอยู่กับที่ภายในชั่วพริบตาเดียว

ในเวลาที่ผ่านมา เสิ่นอีเวยเคยเตือนสติตนเองมานับไม่ ถ้วนว่าอย่าได้พบเห็นรู้จักคนประเภทเดียวกับสวี่อันฉิง เพราะ ว่าวิธีการที่เหลี่ยมจัดและไม่ซื่อ ยังไงตนเองก็สู้ไม่ไหว ดังนั้นเสี่ นอีเวยจึงทนแล้วทนอีก แต่ว่าสุดท้ายผลของการอดทนคือ อะไร?

คือการถูกสวี่อันฉิงยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่า และเธอยิ่งทำไป มากกว่าเดิม!

เมื่อก่อนเสินอีเวยไม่คิดไม่สนใจ แต่ว่าครั้งนี้ตนเองสูญ เสียลูกที่รักที่สุดไป เธอสูญเสียลูกน้อยในท้องตนเองไป สวี่อัน นิ่งกลับจงใจใช้เหตุการณ์นี้พูดเยาะเย้ยถากถางเธอ นี่คือสิ่งที่ สวีอันฉิ่งหาเรื่องใส่ตัวเอง

ในเวลานั้น ในตาของเสิ่นอีเวยแสดงออกอย่างดุร้ายและ น่ากลัว เห็นได้ชัดว่ารูปร่างอ่อนแอมากแต่ไม่รู้ว่าไปเอาพละ กำลังมาจากไหน คาดไม่ถึงว่าจะผลักให้สวี่อันฉิงล้มลงไปที่พื้น ได้ ความโกรธที่ก้นบึ้งของหัวใจและความน้อยใจได้ถูกกระตุ้น ออกมาทั้งหมด

“สวี่อันฉิง ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไมถึงทนเห็นฉัน ได้ดีไม่ได้ ฉันถามตัวเองตลอดว่าฉันไปยั่วโมโหเธอตรงไหน” เสิ่นโอเวยตะโกนร้องจนเสียงแหบแห้ง แววตาของสวี่อันฉิงเหมือนมีแผนการชั่วร้ายอยู่ข้างใน ทันใดนั้นก็หันไปตะโกนเสียงดังที่ประตู “ทุกคนมาทางนี้เร็ว! รีบมาดูผู้อำนวยการเสิ่นครั้งนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้?”

การตะโกนของเธอครั้งนี้ทำให้คนที่อยู่นอกห้องทำงาน แทบจะทุกคนเข้ามา ทั้งชายและหญิงดูกันอย่างคึกคัก แต่ว่า ไม่มีใครกล้าที่จะไกล่เกลี่ยซักคน เพราะอย่างที่หนึ่งคือฐานะ ทางสังคมของเสิ่นอีเวย อย่างที่สองคือเรื่องที่คุณนายเซิ่งแท้ง ลูกพึ่งแพร่ออกไปในแต่ละแผนกของบริษัทไม่ถึงสิบนาที ตอนนี้ ก็ทำให้ทุกคนมาเห็นสภาพการณ์เช่นนี้อีก ยากที่จะทำให้คนไม่ สงสัยว่าคุณนายเชิ่งท่านนี้เป็นเพราะว่าสูญเสียลูกจึงทำให้ จิตใจผิดปกติเล็กน้อย

พนักงานแต่ละคนพูดชุบซิบคาดเตากันอยู่ในกลุ่ม ยื่นๆ หดๆคอดูความครึกครื้น จนกระทั่งได้ยินเสียงอันเยือกเย็นดัง ออกมาจากข้างหลัง

“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน!”

ทันใดนั้น ทั้งห้องทำงานก็เงียบกริบ เหลือเพียงแต่เสียง ตะโกนของเสิ่นอีเวยที่ยังดำเนินต่อ กลุ่มคนได้แตกออกเป็น สองฝั่งเพื่อเป็นทางให้ผู้ชายคนนี้เข้าไปในห้องทำงาน สิ่งแรกที่ เห็นคือ เสิ่นอีเวยหัวยุ่งกระเซิงน้ำตาคลอมองมาที่เขา ตาที่ว่าง เปล่าแฝงไปด้วยเจ็บปวดและสิ้นหวังข้างใน เช่นเดียวกับวันนั้น ที่อยู่ในสุสานทุกประการ

ใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เจ็บปวดออกมา แต่ในทางกลับกันค่า พูดที่พูดออกมาจากปากไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่นิดเดียว “ผู้อำนวยการเสิ่น คุณนี่ยิ่งทาตัวไม่เข้าท่ามากขึ้นทุกทีแล้ว”

มือของเสิ่นอีเวยที่คว้าจับไปที่เสื้อของสวีอันฉิงอย่าง รุนแรงนั้นสั่นเครือ บนใบหน้าที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยความโศก เศร้าปานว่าจะขาดใจ เธอค่อยๆคลายมือที่จับสวี่อันฉิงไว้ ลุก ตัวขึ้นยืน สวี่อันฉิงมีท่าทีอยากจะร้องเพราะถูกรังแกแสดงออก มา

มีผู้ใจกล้าที่อยู่ข้างๆช่วยพยุงตัวของสวี่อันฉิงขึ้นมา

เสิ่นอีเวยค่อยๆเดินไปตรงหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วเอ่ย ถาม “เมื่อกี้คุณพูดว่าฉันนับวันนับยิ่งทำตัวไม่เข้าท่าหรอ คุณรู้ มั้ยว่าผู้จัดการสวี่ท่านนี้พูดยังไงกับฉัน แล้วคุณจะมาพูดตำหนิ ฉันโดยไม่มีหลักฐานได้ยังไง?”

ผมของเธอยุ่งเหยิง น้ำตาไหลหยดลงมาไม่หยุด เซิ่งเจ๋อเฉิ งมองเสิ่นอีเวยด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฉันจะ ให้ลาพักร้อน กลับบ้านไปพักผ่อนให้มากๆ อย่าให้ฉันเห็นเธอ มาทำวุ่นวายที่บริษัทอีก”

เมื่อพูดจบเซิ่งเจ๋อเฉิงก็หันตัวจะเดินออกไปข้างนอก แต่จู่จู่ ก็ได้ถูกเสิ่นอีเวยจับแขนไว้ เขาหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา

เสิ่นอีเวยพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ถ้าเกิดว่าฉันไม่ทำ หล่ะ? คุณคิดว่าฉันกำลังทำวุ่นวาย คุณคิดว่าฉันทำให้คุณขาย หน้าใช่มั้ย งั้นก็ดี ฉันเตรียมใบหย่าไว้เรียบร้อย ถ้าอย่างนั้น คุณก็เซ็นต์ซะตอนนี้!” เมื่อพูดจบเสิ่นอีเวยก็จะเดินไปที่ตู้เอกสาร เธอจำได้อย่าง ชัดเจนว่าชั้นสามของตู้ได้ใส่ใบหย่าไว้สองฉบับ

เสียงของเสิ่นอีเวยพึ่งพูดจบไป ก็มีเสียงของกลุ่มคนพูด ซุบซิบนินทาตั้งขึ้นมา ในใจสวี่อันฉิงรู้สึกดีใจมีความสุข แต่ กลับถูกคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงมาขัดจังหวะการจินตนาการที่ ตามมาของเธอทั้งหมด “ทุกคนออกไปจากตรงนี้”

ทุกคนสะดุ้งตกใจกลัว ไม่กล้าที่จะยืนอยู่ตรงนี้ไปโดย ธรรมชาติ

เสิ่นอีเวยจับเอกสารใบหย่าที่ตนเองได้เซ็นต์ไว้แล้วอย่าง แน่นแล้วยื่นให้เซิ่งเจ๋อเฉิงโดยแทบจะใช้กำลังแรงทั้งหมดของ ร่างกาย เซิ่งเจ๋อเฉิงมองดูเสิ่นอีเวยที่คล้ายกับกำลังบ้าคลั่ง สองมือของเธอเย็นเยือกไม่มีความอุ่นแม้แต่นิดเดียว

“คุณเซ็นชื่อลงบนนี้เถอะ ถือว่าฉันขอร้องคุณ พวกเรา ปล่อยกันและกันไปเถอะ ดีไหม…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ