นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 78 ทำไม่เป็นก็เรียนรู้สิ



บทที่78ทำไม่เป็นก็เรียนรู้สิ

บทที่ 78 ทำไม่เป็นก็เรียนรู้สิ

เพิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มเยาะๆ : “เธอคิดว่าจะหนีได้ไกลแค่ไหน

กัน?”

เสิ่นอีเวยจ้องมองความด้วยความโกรธปุดๆ : “ตอนเรามี ปัญหากันก็คุยกันดีๆไม่ได้หรอ?”

“ไม่มีคนกำหนดไว้นี่ว่าห้ามนอนคุยกันบนเตียง เธอก็พูด ไปสิ ฉันฟังอยู่” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดไปส่วนมือใหญ่อีกมือก็เอื้อมไป เปลื้องเสื้อผ้าเสิ่นอีเวยออก

คิดถึงช่วงเวลานี้หลากหลายครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ เสิ่นอีเวย รู้สึกประหลาดใจเพราะตัวเองชินกับการที่เพิ่งเจ๋อเฉิงรุนแรง และการไม่มีเหตุผล ทว่าคืนนี้กลับกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมา หล่อนไม่ค่อยคุ้นเคยเลยจริงๆ

กลับไปคิดดูหลายวันที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ ไม่มีปากมีเสียงกันแล้ว มีแค่ถกเถียงไปมาเท่านั้น มองจากภาพ รวมแล้วเหมือนคู่รักที่กำลังหยอกล้อกัน

ก็แค่ศีลธรรมที่ถูกต้องแบบนั้นมั้ง ก็เหมือนเสิ่นอีเวยใน ตอนนี้ แม้ว่าตอนนี้จะถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงกกกอดไว้แต่นานเข้าความสัมพันธ์ของทั้งคู่วันก็เย็นชาไปแล้ว หล่อนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะ สามารถกลับไปเป็นตั่งเดิมได้อีก

รักกันปานปานจะฆ่ากันตายงั้นหรอ? ก็่ใช่ไม่ผิดหรอก คำ นี่แหละที่น่ามาเปรียบเทียบเธอและเซิ่งเจ๋อเฉิงได้อย่างเหมาะ สมแล้ว

ทว่าเสิ่นอีเวยถูกเชิ่งเจ๋อเฉิงกดไว้ได้ร่างแน่นจน ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย ส่วนเสื้อผ้าก็ถูกเขาปลดเปลื้องไปหมดจน เห็นเนินปทุมเยาวมาลย์อย่างชัดเจน หล่อนรู้สึกถึงความผิด ปกติที่เกิดขึ้นที่ร่างกายเพิ่งเจ๋อเฉิง ผิวของเขาที่เปลือยเปล่า กลับร้อนฉ่า

ร่างกายเสิ่นอีเวยอยู่ในสถานะถูกกระทำมาตลอด เธอ พยายามพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อแสดงว่าหล่อนกำลังปฏิเสธมัน อยู่แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เธอก็ยังคงถูกผู้ชายคนนั้นทาบ ทับอยู่ดี

อยู่ดีๆความคิดก็ผุดออกมา เสิ่นอีเวยโอบเอวที่แข็งแกร่ง

ของเซิ้งเจ๋อเฉิงแล้วพลิกตัวทันควันทำให้ร่างกายของเขาอยู่ใต้ เรือนร่างหล่อนแทน เซิ่งเจ๋อเฉิงคาดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะ รวดเร็วปานนี้ สายตาที่ที่นกระหายอย่างดุดันนั่นกลับส่ง สัญญาณอันตรายเจือปนออกมา

เสิ่นอีเวยที่หัวใจที่เต้นแรงเป็นชุดๆ ขนาดมือที่จะลูบคล่ำ แผ่นอกของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังสั่นเทาไม่หยุด

เรียนร่างเส้นอีเวยผอมแห้งมากยิ่งตอนขึ้นไปนั่งทับบนเรือนร่างเซึ่งเจ๋อเฉิงแล้วก็ไม่ได้ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่ามันหนัก ส่วนเขาได้หอบเบาๆเพราะการควบคุมการอารมณ์ความใคร่ นั้นจนทำให้บนหน้าผากเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาบ้างแล้ว

แต่สิ่งที่เสี่นอีเวยมองเห็นมันเหมือนการสบประมาทเธอ

มากขึ้น

ทนกัดฟันทำไปเถอะจะให้ผู้ชายคนนี้มาสบประมาทเธอได้

หรอ

ในที่สุดเธอกับประกบร่างเขา พยายามจูบริมฝีปากของ เซิ่งเจ๋อเฉิงเพราะทุกครั้งที่จูบ เซิ่งเจ๋อเฉิงจะจูบอย่างรุนแรงมา โดยตลอด ส่วนเสิ่นอี้เวยเป็นฝ่ายถูกกระทำเสมอมาด้วยเพราะ ความสามารถในการจูบของเธอมันแย่มาก

เหมือนว่าลูกไก่กำลังจิกเม็ดข้าวแบบนั้น เธอค่อยๆสัมผัส ริมฝีปากเขาทีละนิดแต่เชิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้จูบตอบมันทำให้เสี่ นอีเวยไม่พอใจว่าทำไมตอนที่เขาจูบเธอตัวเองถึงได้หลงใหล อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้หล่ะ?

หรือว่าวิธีการในการเริ่มต้นที่ตัวเองทำอยู่นั้นมันไม่ถูก ต้อง?

สิ่งที่หล่อนไม่รู้ก็คือการจูบที่เหมือนกับแมลงปอสัมผัสกับ ผิวน้ำนั้นมันทำให้ผู้ขายที่อยู่ใต้เรือนร่างอดทนอดกลั้นไม่อยู่

เสียงที่ไม่ถูกอกถูกใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงดังขึ้น “ตกลงว่าเธอ จูบเป็นไหม?”
การที่ถูกถามแบบเย็นชาแบบนี้ทำให้เสิ่นอีเวยลืมไปเลย ว่าจะทำอะไรต่อได้แต่อายจนหน้าแตงแจ๋

เธอเงยศีรษะขึ้นอย่างเขินๆและบรรจบจูบโง่ๆแบบนั้นต่อ จนเชิงเจ๋อเฉิงถึงกับทนไม่ไหวแล้ว

เขาลุกขึ้นนั่งทันที มือข้างหน้าก็ตวัดเคล้นคลึงเอวคอดไว้ ใบหน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก เพิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองดวงตาของเสี่ นอีเวยซึ่งในนั้นมันมีอารมณ์ซับซ้อนที่เธอไม่เข้าใจ

ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของหล่อนพลางหัวเราะ เบาๆ : “ทำไม่เป็นก็เรียนรู้สิ”

วินาทีต่อมา เสิ่นอีเวยก็ตกหลุมกับดักกับการจูบจู่โจมนั่น

ของเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาใช้ปลายลิ้นอันหอมเย็นจู่โจมเธอ ทั้งเอาแต่ ใจ ทั้งครอบครองและความเรียกร้องทั้งหมดนั่นมันเป็นความ หมายของการจูบของเขา

วินาทีนั้นเสิ่นอีเวยอยากจะร้องไห้

เสื้อผ้าของเธอไม่รู้ว่าถูกปลดเปลื้องไปตอนไหนด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ หล่อนก็รู้สึกถูกเชิ่งเจ๋อเฉิงกอดขึ้นมาเลยทำเสียงตกใจ ใส่เขา : “คุณทำอะไรเนี่ย?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่ตอบเธอ มือทั้งสองข้างประคองมองเสี่ นอีเวยอย่างนุ่มนวลแล้วพาเดินมุ่งหน้าไปด้านนอกระเบียง เซิ่ง เจ๋อเฉิงนั่งลงบนโซฟาตัวกว้างใหญ่สีดำ ส่วนมือทั้งสองข้าง ของเขาก็วางพาดอยู่บนพนักพิงโซฟา เสิ่นอีเวยก้มศีรษะมอง เขา ทั้งอายทั้งโมโหในตอนนั้น
แม้ว่าที่นี่จะเป็นวิลลาส่วนตัวก็ตามโดยปกติก็ไม่มีใคร สามารถมองเห็นพวกเขาได้ แต่ว่าระเบียงอยู่ภายนอกอาคาร ในที่โล่งแจ้ง ตัวเธอเองรับไม่ได้ เธอพยายามที่จะลงจากเรือน ร่างเขาแต่เอวคอดเรียวกลับถูกมือใหญ่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงยึดไว้ แน่น

สายตาของชายหนุ่มซ่างเฉียบแหลมมาพร้อมคำเตือนใน สายตานั้น เสิ่นอีเวยมองเขาอย่างเขินอาย

“ทำเอาเอง” เซึ่งเจ๋อเฉิงโพล่งคำมาสามค่าแบบไม่มีปีมี

เสิ่นอีเวยเบิกตาค้างและจ้องมองเขายังไม่อยากจะเชื่อ

ขลุ่ย

เพิ่งเจ๋อเฉิงฉงนคิ้วแถมขยับนิดๆตั่งตัวร้ายในละครเหมือน อยากสั่งสอนเธอยังไงยังงั้น เสิ่นอีเวย

ครางเบาๆ เธอก็ตกหลุมพรางของเซิ่งเจ๋อเฉิงจนได้

ในค่ำคืนที่แสนเสน่หาขนาดนี้ทำให้ทั้งคู่ลืมเวลาไปหมด สิ้นต่างฝ่ายก็ตกเป็นของกันและกัน

เช้าวันที่สอง

เสิ่นอีเวยตื่นมาในอ้อมแขนของเซิ่งเจ๋อเฉิง ตอนที่เธอ ลืมตาแล้วเห็นใบหน้าของเขานั้น เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเอง กำลังอยู่ในความฝัน เพิ่งเจ๋อเฉิงตอนที่กำลังนอนหลับสนิทช่าง ดูสงบเงียบไม่เหมือนกับเวลาปกติที่คอยแต่ทำนิสัยเย้อหยิ่ง แถมเย็นชาอีก
ตั้งแต่แต่งงานกันมาสองปีท ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถือได้ ว่าแย่มาก ปกตินอกจากการทะเลาะกันก็คือสงครามเย็น เซิ่ง เจ๋อเฉิงแทบไม่ให้เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆเลย ฉะนั้นเวลานี้เอง ที่เธอเพิ่งได้สำรวจเขาอย่างละเอียดจนพบว่าหางตาของเขามี ไฝ่เม็ดเล็กสีดำอยู่ข่างเหมือนกับใฝแห่งการร้องให้

ด้วยความที่มือบอนของเธอจึงได้ยื่นมือออกหมายแตะ ต้องไฝนั่น แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ขนาดหลับสนิทยังรู้ตัวได้อีกว่ามีสิ่ง ประหลาดจะเข้ามาสัมผัสเขา เขาอยู่ดีๆก็ลืมตาขึ้นมา

“เธอจะทำอะไร?”

น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาเจือปนด้วยเสียบแหบของคนเพิ่ง

ตื่นนอน

เสิ่นอีเวยที่กำลังสงสัยอยู่ถึงกับตกใจ เธอรีบหดมือกลับ แล้วซุกทั้งข้อมือลงไปซ่อนในผ้าห่มแทน

เอาเข้าจริงเธออายและพยายามหลีกเลี่ยงสายตาเขาอยู่ เพราะเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เขาจะออกไปก่อนที่เธอจะ ตื่นขึ้นมา ฉะนั้นพวกเขาทั้งสองเลยไม่มีเวลามาเขินอายม้วนต์ วนเลย

ตอนที่เสิ่นอีเวยทำแบบนั้น เพิ่งเจ๋อเฉิงก็เปลือยเปล่าอยู่ใน อากาศ แถมก้มหัวแล้วพูดขึ้นมาเฉยๆ : “ฉันแก้ผ้าอยู่”

เสิ่นอีเวยหันหลังกลับมาเลยรับรู้ถึงความเจ็บปวดระหว่าง ขาทั้งสองข้าง เธอไม่ได้สนใจเขาเลยเอาแต่พิมพำไปเรื่อย เปื่อย : “ทำเรื่องที่ไม่ปกตินั่นมันก็บ้าพออยู่แล้ว ยังไม่บอกว่าแก้ผ้าอยู่? ที่ยังจะบอกว่าไร้เดียงสาอะไรนั้นอยู่อีกหรอ”

เซิ้งเจ๋อเฉิงที่ได้ยินหล่อนบ่นเพ้อไปเพ้อมาเลยถาม : “เธอ พูดอะไร?”

เสิ่นอีเวยไม่กล้าที่จะพูดซ้ำเลยสะบัดมือไปมาตอบกลับไป ว่า “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”

พูดจบก็พันผ้าห่มรอบตัวลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำตอนที่ ทำแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย ตอนที่หล่อนก้มศีรษะ มองบริเวณไหปลาร้าและเนินอกนั้นมีแต่ร่องรอยการจูบเป็นปื้น เต็มไปหมด เมื่อพหกหัวขึ้นถึงได้รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงมองเธออย่าง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่นแหละ

เสิ่นอีเวยรีบเร่งสาวเท้าสองสามก้าวก็ถึงห้องน้ำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ