นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่51 คู่ควงสาวสวย



บทที่51 คู่ควงสาวสวย

สมองของเสิ่นอีเวยมีแต่ความว่างเปล่า หล่อนไม่รู้เลยว่า คืนนี้เซิ่งเจ๋อเฉินจะมาไม้ไหนอีก

หล่อนหัวเราะออกมาเบาๆ หางตาเย็นชา “ท่านประธานเชี งกำลังตบหัวแล้วลูบหลังอยู่ใช่มั้ย”

คำพูดเสียดสีประชดประชันที่มแทงมาที่เพิ่งเจ๋อเฉิงไฟแห่ง ความโกรธยังไม่ทันมอดดับก็กลับปะทุขึ้นมาใหม่ ๆ เสิ่นอีเวย คุณเคยได้ยินสี่คำนี้มั้ยโลภมากลาภหาย”

“นี่คุณกำลังข่มขู่คุกคามฉันอยู่เหรอ” เสิ่นอีเวยถามออก ไปอย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย

เซึ่งเจ๋อเฉิงถอยออกไปสองสามก้าว แล้วหยิบบุหรี่กับไฟ แช็คบนโต๊ะขึ้นมาเสิ่นอีเวยที่กำลังมองเขาอยู่รู้ดีว่าเรื่องมาถึง ขนาดนี้แล้วไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงได้ เพราะหากเชิ่งเจ๋อ เฉิงนิ่งเงียบแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบนั่นแสดงว่าเขากำลังโกรธ จนถึงขีดสุดแล้วนั่นเอง

การพูดคุยปรับความเข้าใจกันด้วยดีนั้นถูกหล่อนทำลาย ไปหมดสิ้นแล้ว

เพิ่งเจ๋อเฉิงจ้องเขม็งมาที่เสิ่นอีเวย “เสิ่นอีเวยผมจะให้ โอกาสคุณครั้งสุดท้าย งานเลี้ยงวันพรุ่งนี้คุณต้องไป เรื่องคืนนี้ ผมจะคิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าพรุ่งนี้ผมไม่เห็นคุณที่งาน คุณต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่เกิดเอง”

เผจ.สอยจ้า ที่ เกาะลิงปะเพื่อที่จะได้จอด จอมนี้หรืออย่างไร

เสิ่นอีเวยยิ้มก่อนจะตอบโต้เขาด้วยสายตาที่ท้าทายว่า “เหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะไม่ไปจริงๆ ฉันก็อยากจะรู้เหมือน กัน ว่าคุณจะใช้วิธีอะไรจัดการฉัน บริษัทของแม่ฉันเหรอ ตอนนี้ เป็นของท่านประธานเชียวแล้ว คุณจะเอามาขู่ฉันไม่ได้แล้วนะ”

ครั้งก่อนตอนที่พวกเขาจากกันต่อหน้าเพิ่งเจ๋อเฉิงในเย็น วันนั้น เซียวหันถึงตกลงที่จะคืนบริษัทของแม่ให้กับหล่อน โดยที่ไม่ต้องการเงินทองใดๆ

แต่ขอให้หล่อนทิ้งที่อยู่ซ่องทางติดต่อระหว่างพวกเขาสอง คนเอาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อตกลงกัน หล่อนจึงคิดว่าไม่น่ามี อะไรจึงตอบตกลง

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หล่อน คิดพิจารณาแล้วจึงตอบกลับเขาตัดสินใจปฏิเสธน้ำใจของเขา

ไป

แน่นอนว่าหล่อนอยากได้บริษัทของแม่คืน ขนาดในความ

ฝันก็ยังคิด

ระหว่างหล่อนกับเซียวหันถึงไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งเกิน กว่านี้ ที่พวกเขายังติดต่อกันอยู่นั้นสาเหตุก็เป็นเพราะเซิ่งเจ๋อ เฉิง ถ้าเชิ่งเจ๋อเฉิงไม่ให้หล่อนหาทางเอาบริษัทของแม่หล่อน คืนด้วยตัวเอง เรื่องราวเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

บริษัทใหญ่โตขนาดนั้นเขาก็มีน้ำใจขนาดนั้น เสิ่นอีเวย ไม่มีเหตุผลที่จะเสนอตัวรับมา และหล่อนก็เดาได้ว่าจดประสงค์ที่แท้จริงของเชียวหันถึงไม่น่าจะบริสุทธิ์ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หล่อนจึงปฏิเสธเขาไป

อันที่จริงแล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี เพราะที่ผ่านมา ที่มาของข่าวของเขานั้นแม่นย่ามาตลอด

เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “คุณช่างไร้เดียงสา พวกเรารู้จักกันมานานไม่ใช่แค่วันสองวัน ที่คุณปฏิเสธน้ำใจ ของเชียวหันถึง เพราะคุณอยากจะเก็บเงินให้ได้มากพอที่จะซื้อ มันกลับมา ถ้าอย่างนั้นคุณคิดดูสิว่า ถ้าผมทำให้คุณต้องสูญ เสียงานที่คุณกำลังทำอยู่ที่..”

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะคิดว่าเสิ่นอีเวยน่าจะ เข้าใจความหมายที่เขาพูด ในตอนนั้นเอง ในใจของเสิ่นอีเวยก็เกิดคลื่นความโกรธ

ขึ้นมาเป็นระลอก ใบหน้าเล็กสวยแดงกล่ำด้วยความโกรธ “เซิ่งเจ๋อเฉิง ทำไมคุณถึงได้ชั่วช้าขนาดนี้”

เพิ่งเจ๋อเฉิงพ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆ ใบหน้าคมเข้มเก็บ ซ่อนความรู้สึกเอาไว้ เสิ่นอีเวยดูไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรจาก สีหน้าของเขา

เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าปกติเขาไม่ใช่พวกหมาลอบกัด เขาจะทำ แบบนี้กับคนอื่นเท่านั้น แต่ถ้าหากเขาต้องการที่จะควบคุม หล่อน หล่อนก็เชื่อว่าเขากล้าทำอย่างที่พูด

คนที่มีอำนาจบารมีล้นฟ้าอย่างเขา หากต้องการให้ผู้ หญิงตัวเล็กๆอย่างหล่อนตกงานเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
คืนต่อมาเวลาสองทุ่ม เสิ่นอีเวยที่สวมชุดราตรีเดินทางมา ถึงที่ประตูของโรงแรมหมิงจู คืนนี้หล่อนขับรถมาเพียงลำพัง หล่อนรู้ว่าเชิ่งเจ๋อเฉิงแค่ต้องการให้หล่อนมาปรากฏตัวที่งาน เต้นรำคืนนี้ เพื่อความสะใจของเขาเท่านั้นสาเหตุเพราะหล่อน หักหน้าเขาเมื่อวาน

หรืออาจจะเหมือนครั้งก่อน ที่แค่ต้องการปิดปากคำนินทา ต่างๆ โดยเฉพาะสื่อ ให้พวกเขาได้เห็นว่า เซิ่งเจอเฉิงเป็นนัก ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวคนหนึ่ง

เสิ่นอีเวยถือกระเป๋ากำลังจะเดินเข้าไปในโรงแรม เดินมา ถึงประตูก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของหล่อนมาจากด้านหลัง “คุณเสิ้น”

หันกลับไปดูปรากฏว่าเป็นเซียวหันถึง

เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่พอคิดดูแล้วก็สงบ จิตใจลง เพราะงานเลี้ยงของนักธุรกิจ เซียวหันถึงมาร่วมงานก็ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ดูเหมือนว่าเชียวหันถึงจะชอบสีน้ำเงิน วันนี้เขาสวมชุด สีน้ำเงินเข้ม ท่วงท่ายังคงความสง่าผ่าเผยเช่นเดิม

เสิ่นอีเวยส่งยิ้มเล็กน้อยให้เขาเพื่อเป็นการทักทาย

เชียวหันถึงเดินตามขึ้นมา อยู่ในตำแหน่งเดียวกับเสิ่ นอีเวย “ท่านประธานเซิ่งล่ะครับ ผมไม่เห็นเขาเลย”

เส้นอีเวยฝืนยิ้มออกไป ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า” เขา ยังมาไม่ถึงค่ะ น่าจะใกล้ถึงแล้ว พอดีวันนี้เราไม่ได้มาพร้อมกันค่ะ”

จริงๆแล้วหลังจากครั้งก่อนพวกเขาสองคนก็ไม่ได้พบกัน อีกเลย พวกเขาต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันดี ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่ พวกเขาพูดคุยกันตามลำพังที่โรงแรมเมื่อครั้งก่อน

เงินอีเวยและเซียวหันถึงเดินเข้ามาถึงห้องจัดงานด้านใน โรงแรม โรงแรมหมิงจูจัดว่าเป็นโรงแรมชั้นนำอันดับต้นๆ ของ เมืองนี้ ล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่งตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา แชนเดอ เลียร์คริสตัลหลากหลายรูปแบบส่องแสงประกายระยิบระยับ

เสิ่นอีเวยรู้สึกหน้าชาขึ้นมา เพราะเมื่อสักครู่หล่อนบอกเขา ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงใกล้จะถึงแล้ว แต่พอหล่อนหันหน้ามาก็พบว่าเพิ่ง เจ๋อเฉิงมาถึงก่อนนานแล้ว

เมื่อก่อนหญิงสาวข้างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็คือเสิ่นอีเวย แต่วันนี้สถานที่อาจไม่ใช่ที่เติม คนที่อยู่ข้างกายเขาคือสวี่อันฉิง มือของหล่อนยังควงแขนของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างสนิทสนมอีกด้วย

เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาในยามท้องฟ้าปลอดโปร่ง มี อะไรบางอย่างในใจของเสิ่นอีเวยแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะ เมื่อหล่อนได้เห็นสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกของเซิ่งเจ๋อเฉิงกับ สีหน้าพออกพอใจของสวี่อันฉิงหล่อนจึงเริ่มตั้งสติรู้สึกตัวได้ว่า ตนเองนั้นตกหลุมพรางเขาเสียแล้ว

ตอบโต้หล่อนได้ดี สมกับเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิง วิธีสกปรกแบบนี้ แหละที่เขาชอบใช้

สวีอันถึงควงแขนเซึ่งเจ๋อเฉิงเดินมาทางหล่อน และหยุดอยู่ตรงหน้าหล่อน ยิ้มแล้วพูดว่า”นี่คุณเสิ่นี่นา คุณก็มาร่วม งานเลี้ยงด้วยเหรอคะ แต่ว่า…”

สวีอันฉิงแกล้งทำเป็นมองไปรอบๆ “แต่ทำไมฉันไม่เห็นคู่ ควงของคุณเลยนะคะ”

เสิ่นอีเวยแทบจะไม่ได้มองที่สวี่อันฉิงเลย สายตาหล่อนจับ จ้องอยู่ที่เซิ้งเจ๋อเฉิงอีกฝ่ายก็จ้องกลับด้วยแววตาอันเยือกเย็น

เชียวหันถึงที่ยืนอยู่ข้างๆเสิ่นอีเวยก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เขายังคงนิ่งเงียบไม่แสดงสีหน้า ท่าทางอะไร เขาค่อยๆหันกลับไปมองเสิ่นอีเวย คิดไม่ถึงว่าเจ้า หล่อนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มันปากเขายกขึ้นเล็กน้อย คืนวัน

นี้น่าจะมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูกันแน่

ถึงอย่างไรเสิ่นอีเวยก็ไม่ยอมแพ้ราบคาบ สายตาเหลือบ มองไปที่เชียวหันถึง อยู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นในสมอง ความคิดนี้หล่อนเองยังรู้สึกตกใจ แต่ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว

คืนนี้เสิ่นอีเวย สวมชุดราตรีสวยงาม หล่อนสวมชุดเดรสสี ไวน์แดงชายระบายหางปลา ปลายผมถูกม้วนเล็กน้อยห้อยลง มาจากหัวไหล่ซ้าย ผมสีแดงน้ำตาลบวกกับเดรสสีไวน์แดงช่วย ขับให้ผิวของหล่อนขาวประดุจหิมะ

เสิ่นอีเวยละสายตาจากเซิ่งเจ๋อเฉิงและสวี่อันฉิง หล่อนหัน กลับมาทางเซียวหันถึง มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตา สดใสมองไปที่เซียวหันถึง ทั้งสองสบตากัน สามวินาทีผ่านไป เชียวหันถึงก็เข้าใจความหมายที่แฝงในแววตาหล่อน
หล่อนต้องการขอความช่วยเหลือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ