นายเป็นแค่สามีเก่า

ตอนที่ 40 สวี่อันนึงเข้ามาในบริษัทเซึ่งชื่อ



ตอนที่ 40 สวี่อันนึงเข้ามาในบริษัทเซึ่งชื่อ

เสิ่นอีเวยนึกว่าวันนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงจะอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นหุ้ย แต่ คิดไม่ถึงว่าตอนกลางคืนเขาจะปรากฏตัวขึ้นในบ้าน

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอก็เดินลงชั้นล่างเพื่อไปดื่มนม อุ่นก่อนนอน เพราะตอนนี้เธอมีเวลาชีวิตมากที่สุดแค่สองปีแล้ว ดังนั้นเลยต้องจัดระเบียงชีวิตใหม่

เพิ่งเจ๋อเฉิงนั่งบนโซฟาอยู่ ในห้องรับแขกนอกจากเขาก็ ไม่มีใคร และบรรยากาศก็เงียบเฉียบอย่างน่าวังเวงมาก

เสิ่นอีเวยไม่สนใจเขา แต่รีบเดินตรงไปในห้องครัว “วันนี้ สวีอันฉิงมาหาผม” เสียงของเซิ่งอีเว่ยเย็นชาจนน่าวังเวงมาก

เมื่อเสิ่นอีเวยได้ยินก็สะดุ้งขณะถือแก้วอยู่ ถึงแม้ตอนแรก จะตั้งใจว่าไม่อยากสนใจเขา แต่พอได้ยินสาวีอันฉิงสาม พยางค์นี้ ในใจของเธอก็เกิดความรู้สึกสงสัยทะลักออกมา “เธอมาหาคุณทำไมหรอ?”

เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาของเชิ่งเจ๋อ เฉิง”แน่นอนว่าเธอต้องมาเล่าเรื่องที่คุณทำเมื่อสองที่แล้วนะสิ”

เสิ่นอีเวยจ้องมองเชิ่งเจ๋อเฉิงอย่างตกใจ”เธอบอกอะไร คุณหรอ? ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าเรื่องเมื่อสองปีที่แล้วฉันไม่ทำ อะไรเลย และฉันก็เป็นผู้ได้รับความเสียหายด้วย”

“ถ้าหากคุณไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แล้วคุณจะร้อนตัวทำไม? ฉันก็พูดไปยังไงแหละ หรือว่าฉันไปพูดแทงใจดำคุณหรอค่ะ?”
บนใบหน้าของเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ และจ้องมอง เสิ่นอีเวยอย่างรังเกียจ เสิ่นอีเวยสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเซิ่งเจ๋อ เฉิงพูด ผู้ชายคนนี้ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

เธอไม่สนใจเขาอีก เสิ่นอีเวยเดินขึ้นชั้นสอง “สัปดาห์หน้า สวีอันฉิงจะเข้ามาทำงานกับบริษัท”

อะไรนะ!

เสิ่นอีเวยหันหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว้างจ้องมองเชิ่งเจ๋อเฉิง”ทำไมเธอถึงต้องไปชื่อด้วยล่ะ?”

“ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนมาก ว่าเธอสามารถให้เบาะแสผมได้ และเธอยังเป็นเพื่อนหุ้นด้วย ดังนั้นผมคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร”

เมื่อมองสีหน้าสับสนของเสิ่นอีเวย เจ๋อเฉิงก็พูด ต่อว่า”หรือคุณไม่ยินยอม? ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็น อย่างไร?”

ในที่สุดเสิ่นอีเวยก็ดึงสติกลับมา มีเรื่องหนึ่งที่เธอไม่อยาก จะเชื่อ นั้นคืออันฉิงแอบชอบเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนกัน

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะเลยเถิดถึงขนาดนี้ได้ เธอกับ เป็นพี่น้องกัน และทั้งสองคนยังชอบผู้ชายคนหนึ่ง เหมือนกันด้วย และตอนนี้แม้แต่เพื่อนที่ดีที่สุดของเสิ่นหุ้ยก็ยัง เข้ามาแทรกแซงอีกด้วย
จริงสิ บางทีอาจจะไม่ใช่เข้ามาแทรกแซงตอนนี้ แต่น่าจะ เริ่มตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แค่ไม่มีใครสังเกตเห็น

เมื่อครั้งก่อนสื่อันฉิงให้สัญญากับพ่อแม่ของตัวเองว่าจะ ทำให้สื่อมวลชนรายงานข่าวว่าตัวเป็นเมียน้อยของเจ๋อเฉิง บางทีในตอนนั้นเธออาจจะยินยอม แต่ตอนนี้เพราะหลงรักเจ๋อเฉิง คิดไม่ถึงว่าจะยอมล้มเลิกไม่เป็นคนดูแลบริษัทว่านเพิ่ง ของตัวเอง แต่กลับมาทำงานกับบริษัทของเซิ้งเจ๋อเสิ่นแทน

ผู้หญิงหากหลงรักใครก็จะขาดสติ ในตอนนี้ในใจของเสี่ นอีเวยเกิดความคิดหวาดกลัวแวบหนึ่งขึ้น พวกเธอสามคนล้วน ชอบเจ๋อเฉิง แต่ความในใจของอันไม่มีใครรู่ ต่อมาเสิ่นหุ้ยก็ถูกคนบางคนเองก็กลายเป็นแพะรับบาปของเรื่องนี้

แต่สวี่อันฉิง..ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับ น้องกลับทำตัวห่างเหิน และยังไม่รู้สึกรู้สาด้วย อีกอย่างเธอยัง ค่อยๆเข้าใกล้เป้าหมายของตัวเองทีละก้าวทีละก้าวด้วย

ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยก็รู้สึกกลัว เธอมี ความเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเมื่อสองปีหลุด จนเสิ่นอีเวยเผลอเกือบจะเอ่ยปากบอกความคิดนี้ แต่เมื่อกลับมาดูท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อนอีเวยก็เรียกที่จะนิ่งเงียบ

อีกอย่างการที่เข้าใกล้เจ๋อเฉิงก็ว่าเรื่องที่ไม่ดีเสมอ ในเมื่อบอกไว้ว่าอันได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องในตอนนั้นจริง ดังนั้นเธอก็คงต้อง พยายามช่วยเชิ่งเจ๋อเฉิงหาเบาะแส แต่ถ้าหากเธอมอบเบาะแส ปลอม คงถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงจับได้แน่เพราะเขาเป็นฉลาด ดังนั้นเป้า หมายของสีที่อันฉิงก็จะทำไม่สำเร็จ

ถ้าหากเธอช่วยเพิ่งเจ๋อเฉิงสืบหาและมีความคืบหน้า เช่น นั้นสวีอันฉิงก็จะมีหลักฐานหนาแน่นจนดิ้นไม่หลุดเกี่ยวกับ อุบัติเหตุในวันนั้น

ผู้หญิงคนนี้เดินหมากบนเส้นทางเสี่ยงจริงๆ

เสินอีเวยรู้สึกเบิกบานใจ เพราะเธออยากคอยดู ตอนที่สวี่ อันฉิงเข้าทำงานบริษัทเซ็งชื่อ แล้วก่อกวนปัญหาอะไรให้เพิ่ง เจ๋อเฉิงบ้าง

ขณะที่เธอกำลังนึกคิดอย่างเพลิดเพลินนั้นก็ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิง พูดขัดจังหวะขึ้น”ผมถามคุณอยู่นะไม่ได้ยินหรอ?”

เมื่อเสิ่นอีเวยดึงสติกลับมาได้ก็ยิ้มและพูดว่า”แน่นอนว่า ฉันไม่มีอติอะไร ได้ยินว่าความสามารถในการทำงานของคุณ สวีดีมาก เช่นนั้นก็ยินดีกับท่านประธานเชิ้งด้วย”

ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องโมโหแน่ คิดไม่ถึงว่าจะผิด คาดจากที่ตัวเองคิดไว้ เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกเคืองโกรธ เมื่อดึงสติก ลับมาได้ เสิ่นอีเวยก็ขึ้นไปในห้องนอนแล้ว

อากาศร้อนอบอ้าว อุณหภูมิทั่วทั้งเมืองได้เปลี่ยนเป็นสูง ขึ้น ทำให้คนที่มีท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดไม่กี่คนตอนนี้ที่กำลัง เฝ้าหน้าประตูโรงงานเหงื่อแตกและเบื้องหน้าของพวกเขาก็มีกองปูนซีเมนอันหนาอยู่ด้วย ซึ่งพวกเขาหลบซ่อนอยู่ข้างหลัง

“ครั้งนี้ท่านประธานเพิ่งได้กำชับไว้แล้วว่า ต้องจับๆนั้น ให้ได้ ไม่เช่นนั้นไม่มีเงินเลี้ยงปากท้องแน่ เข้าใจ?” คนที่มี ท่าทางเหมือนหัวหน้าพูดกับคนอื่นๆขึ้น

ส่วนผู้ชายอื่นที่เหลือพยักหน้าและพูดว่า”ได้ครับ เข้าใจแล้ว” ทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างอดทน

หลังผ่านไปประมาณสิบห้านาที มีรถยนต์สีขาวมาถึงข้างประตูโรงแรมแห่งนั้น ซึ่งอยู่ห่างจากไม่ไกลประมาณหนึ่งร้อยเมตร

มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงจากรถยนต์ เธอสวมชุดเดรสสีทั้งตัว และสวมแว่นตากันแดดสีดำด้วย ดูเหมือนกับจะจากคนอื่น บนหัวเธอมีผ้าวางอยู่ เมื่อดึงลงมาก็ปิดหน้าตาเลย ทันที

หากไม่ใช่เพราะท่าทางลับๆล่อๆของเธอที่ดูโดดเด่น ลูก น้องของเซิ่งเจ๋อเฉิงคงคิดว่าเป็นดาราผู้หญิงสักคนกำลังหนี จากปาปารัสซี่อยู่ หลังจากที่คนเป็นหัวหน้าพูดอย่างเคร่งขรึม ว่า”เป็นผู้หญิงคนนี้ไม่ผิด จับตาดูเธอไว้อย่าให้คลาดสายตา!”

คนอื่นๆเงียบ เมื่อถึงสถานการณ์สำคัญ ไม่มีใครลงมือ

ผู้หญิงที่สวมชุดเดรสทั้งตัวคนนั้นเดินเข้าประตูเข้าไป อย่างระมัดระวัง จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ตรงที่มีสัญลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจนอันหนึ่ง ตูเหมือนกำลังรอใครอยู่ ขณะที่รอเธอก็กวาดตา มองรอบบริเวณ เพราะกลัวจะมีคนจับได้

ไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากตึกใหญ่ทางซ้ายมือ เหล่าบอดี้การ์ดมองกันอย่างละเอียด และพบว่าชายคนนั้นคือ คนที่ถูกพาเข้าไปในห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิง และยังชี้ตัวเสี นอร์เวย์ด้วย!

หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น ทุกคนต่างคิดว่าเชิ่งเจ๋อ เฉิงคงพาคนนั้นไปส่งให้กับตำรวจอย่างไม่ลังเลแน่ แต่สิ่งที่ ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจก็คือ เซึ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ทำแบบนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ