บทที่42 ก็คงต้องโทษผมเองที่ควบคุมเอาไว้ไม่ได้
บทที่42 ก็คงต้องโทษผมเองที่ควบคุมเอาไว้ไม่ได้
กู้อานหยานยังไม่ทันจะมีสติกลับมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มา จากนั้นหมอกับพยาบาลก็เข้ามา
ส่วนคนที่เดินตามหลังหมดมา ก็คือมู่บ้านเปีย
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้ว บนเรือนร่างของเขานั้น สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตามด้วยสูทและกางเกงสีดำ ยังคงแต่งตัว ด้วยความภูมิฐานเอาไว้ตามเดิม
เมื่อขึ้นมาจากทะเลเมื่อคืน ก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลยตั้งแต่ตอน
เมื่อหันตัวกลับไป เขายังคงไว้ซึ่งความเย็นชาและมาดเข้ม ดูๆแล้วเขาเป็นผู้ชายที่เย็นชาจนคนอื่นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เลย ทีเดียว
แต่ทว่าซูเสี่ยวหมี่นั้นไม่กล้าแม้แต่จะมอง เมื่อเห็นคุณชายมู่ เดินเข้ามา เธอก็ลุกขึ้น ก่อนจะหลบไปทางด้านข้าง
หลีเย่เดินตามหลังมู่บ้านเป่ยมา เมื่อเห็นกู้อานหยานฟื้นขึ้นมา ก็แอบยิ้มอยู่เล็กๆ
“คุณผู้หญิงฟื้นขึ้นมาแล้วเหรอ ? ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ? พอทนไหวไหม ?
ทนเหรอ ? ทนกับอะไร ?
กู้อานหยานยังคงสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อย อยากจะมองมู่บ้าน
เป่ย แต่กลับไม่สบตาแม้แต่น้อย
เมื่อเธอรู้แล้วว่าตัวเองเพิ่งจูบอย่างดูดดื่มกับชายคนนั้น ใคร
ที่ไหนจะไปกล้าสบตากันล่ะ ?
แค่จะให้มองเพียงหางตา ยังยากเลยมั้ง ?
“นี่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์อะไรกันเนี่ย ? “มู่บ้านเป่ยมองเธอ เล็กน้อย ใบหน้านั้นช่างไร้อารมณ์เกินคน
ความเย็นชาน ราวกับว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หลังจากที่หมอตรวจร่างกายกู้อานหยานแล้ว ก็พูดขึ้น ว่า : “ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว”
พยาบาลถอดเข็มที่มือของผู้อ่านหยานออก หลังจากที่ให้น้ำ จะไปแล้ว เธอก็ดูจะมีชีวิตชีวามากขึ้น
นอกจากใบหน้าที่ซีดเซียวแล้ว ทุกอย่างก็ดูเหมือนคนปกติ
ธรรมดาไปซะทุกอย่าง
หลีเถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ถ้าอย่างนั้น อีกสักครู่ก็กลับไป ร่วมงานเลี้ยงได้แล้วล่ะ ?
งานเลี้ยง ? “อานหยานตกใจมาก จนในที่สุดก็หันไปสบตา
จานเบีย
จานเบี้ยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นหลีเยก็เป็นคนอธิบายขึ้น
ว่า “คุณชายให้แขกทุกคนรอก่อน แล้วตอนนี้ แขกทุกคนก็ ยังคงรออยู่ในโรงแรมนั้น
อ่านหยานรู้สึกตกใจ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่า ตอนที่มู่บ้านเปีย ขับรถเพื่อพาเธอไปหาเสี่ยวหมี่ แต่ได้ฝากให้หลีเย็บอกเอา ไว้แล้วว่าให้ทุกคนรอก่อน
คุณชาย บอกให้ทุกคนรอ แล้วใครจะไปกล้ากลับก่อนล่ะ ?
“ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว ? “อานหยานหันไปมองซูเสี่ยวหมี่
“ตอนนี้ตีสองแล้ว”ซูเสี่ยวหมี่แอบมองมู่บ้านเป่ยอยู่ชั่วครู่ สายตานั้นเต็มไปด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
คุณชายปูนั้นมีความแน่วแน่เป็นอย่างมาก แขกที่อยู่ใน โรงแรมนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตในวงการธุรกิจของ เมืองเป่ยหลิงทั้งนั้น
ขณะที่เขาให้ทุกคนรอ กลับไม่มีใครกล้าขัดเขาเลยแม้แต่คน เดียว !
นี่สิ ถึงเรียกได้ว่าเป็นชายที่เก่งจริงๆ ! ราวกับว่าเป็นสิ่งที่ ผู้ชายทั้งโลกต้องเป็นให้ได้สักครั้งหนึ่ง ถือเป็นเป้าหมายที่จะ ต้องทำให้ได้เลยก็ว่าได้ !
แต่น่าเสียดาย ที่บนโลกนี้มีแค่คุณชายมู่เท่านั้น ต่อให้คนอื่นๆ พยายามอีกสิบชาติ ก็ยากที่จะเป็นให้ได้สักหนึ่งส่วนสิบของ
เบา !
ในที่สุดกู้อานหยานก็ใจเย็นขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่กล้าสบตา ตรงๆกับมู่บ้านเป่ย แต่อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกแย่ที่จะมองแล้ว
เรื่องนั้น เรื่องที่บอกว่าจะตายแล้วก็ต้องจูบจนกว่าจะสาสมใจ นั้น ก็ให้มันตายไปพร้อมกับชีวิตของตนเองก็แล้วกัน
ลืมๆมันไป แค่ลืมมันไปให้ได้ก็โอเคแล้ว
“อะฮึม ! คือ พวกเราจะไปกันได้หรือยัง ? ”
“ไม่ต้องรีบหรอก คุณผู้หญิง พักสักหน่อย แล้วอีกสักครู่จะให้ คนเอาชุดมาให้ เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเราค่อยไปกัน”
ล้างหน้าล้างตา ?
กู้อานหยานอดไม่ได้ที่จะต้องยกมือขึ้นลูบหน้าของตนเอง บนหน้าของเธอมีอะไรติดอยู่งั้นหรือ ?
ไม่ทันเห็นว่าซูเสี่ยวหมี่หยิบกระจนมาจากไหน ก่อนจะยื่นให้ เธอ : “ไม่เป็นไร เครื่องสำอางมันเลือนไปนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยว ฉันแต่ง……
“นี่มันผีนี่หน่า ! ”
กู้อานหยานอึ้งที่ได้เห็นห้าตัวเองในกระจก อายแชโดว์กัน น้ำของเธอนั้นต้านน้ำทะเลไม่ไหว จนถูกลบไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งยังยังคงติดทนอยู่รอบๆดวงตาของเธอ
….ไม่รู้ว่าใครเป็นคนซื้อให้ แช่อยู่ในน้ำตั้งนาน ส่วนปส.ก กลับไม่ซีดลงเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงแค่ด้านข้างเท่านั้น ที่เต็มไปด้วยสีแดง แต่เพียง แค่ตรงนั้น ก็ทำให้ปากสีแดงระเรื่อกลายเป็นปากสีแดงเข้ม ราวกับกินลาบเลือดมาไม่มีผิด……
อ๊ากกก ! ผีตนนี้มันใครกันแน่เนี่ย ? ต้องไม่ใช่เธออย่าง แน่นอน !
เพียงแค่คิดว่าตัวเองใช้ปากที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอจู บกับมู่บ้านเป่ยอย่างดูดดื่มนั้น กู้อานหยานก็รู้สึกอับอายจน แทบจะเป็นลม
คุณชายมู่นับว่าเป็นคนดี ที่ไม่ปล่อยเธอตายไปเป็นผีเฝ้าทะเล นับว่าเป็น…มีจิตใจเมตตาจริงๆ
งานเลี้ยงในการหมั้นจะเริ่มตอนตีสี่
ในขณะที่มู่บ้านเป่ยโอบกู้อานหยานที่แต่งหน้าใหม่แล้วขึ้นไป บนเวที คนที่อยู่ด้านล่างเวทีนั้น มีอยู่เต็มไปหมด
คุณผู้หญิงที่สามของตระกูลกู้กำลังเล่นอะไรอยู่ ก็ไม่อาจมี
ใครรู้ได้
ครั้งก่อนก็หายตัวไป ส่วนครั้งนี้ ก็ให้คนรอมาจนดึกขนาดนี้
ทุกคนไม่ได้นอนเลยแม้แต่นิดเดียว ในตอนนี้ ไม่มีใครเผย รอยยิ้มออกมาเลย แต่ทว่า ทุกคนกลับแอบแสดงท่าทีไม่ พอใจเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของคุณชายมู่ และตระกูลมู่ จะมีใครยอม ทนอยู่จนถึงตอนนี้เหรอ ?
แน่นอนว่าเพื่อเป็นการไม่เสียหน้าของคุณชายมู่ นั้น ไม่มีใคร กล้าไปหักหน้าเขา
ในเวลานี้ ไม่มีใครไม่แสดงท่าทีไม่พึงพอใจ
แต่ก็ไม่สามารถแสดงท่าทีต่อหน้าชายที่มีอำนาจมากมาย อย่างคุณชายมู่ได้ แต่พวกเขาสามารถแสดงท่าทีต่อหน้า คุณนายที่สามของตระกูลกู้ได้ !
“ได้ยินว่าเธอหนีไปอีกแล้ว จนคุณชายปูต้องตามหาไปทั่วทุก ที่ หากันทั้งคืนเลยล่ะ
“ไม่หรอก ผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดอย่างนั้น อยากจะหนีก็ ให้เขาไม่รู้จะไปตามกลับมาทำไม ?
เสียงที่นอนกันข้างล่างเวทีนั้นไม่ดังมาก แต่ทว่า มีคนมาก หน้าหลายตาพูดขึ้น จนเสียงนั้นลอยเข้าไปในหูของคนบนเวที
ใบหน้าของคุณท่านตระกูลมนั้นดูจริงจังขึ้นกว่าเดิม แต่ยืนอยู่ โดยมีใบหน้าได้อารมณ์
ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่ใครๆก็ดูออกว่า เขารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่เพราะว่าข้างกายเขามีแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าวอยู่ด้วย ร้านนี้เขาคงจะระเบิดอารมณ์ออกมาตั้งนานแล้ว
แม่ของฝ่ายเจ้าบ่าวของสองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก่อน จะหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว ต่อให้พิธีกรจะพูดอย่างไร ก็คงไม่ทำให้ โดยวานมาได้
ความไม่พอใจทั้งหมด ถูกผลักไปที่ฝ่ายของกู้อานหยานแต่ เพียงผู้เดียว
ถึงแม้ว่ากู้อานหยานจะบอกกับตัวเองว่า ไม่ต้องไปสนใจคำ พูดพวกนั้น
แต่ทว่า ในเมื่อวันนี้เธอทำให้งานมันเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเธอก็ ต้องเป็นคนรับผิดชอบ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้าต้องมาอยู่ตรงหน้าคนที่มีสายตาโกรธ เคืองถึงเพียงนี้ ก็รู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ยิ่งในสถานการณ์นี้ แขกที่เป็นคนของตระกูลมู่นั้นก็นับว่าไม่ น้อยเลยทีเดียว มุมมองที่พวกเขามีต่อเธอนั้น จะให้ไม่สนใจ เลยก็ไม่ได้
ตอนนี้เกรงว่าพ่อตาเองก็กำลังโกรธเคืองอยู่
ทันใดนั้น ฝ่ามือใหญ่ก็ยื่นมาหาเธอ ก่อนจะกุมมือเล็กที่เย็น เฉียบของเธอเอาไว้แน่น
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่บ้านเป่ยยื่นมือไปรับไมค์จากพิธีกรด้วยตัว เอง เขาเป็นคนที่คิดละเอียดรอบคอบ ขนาดตอนที่เขาไปร่วม งานโดยฐานะตัวแทนของบริษัท ยังพูดด้วยตัวเองอยู่ไม่กี่
ครั้ง
คุณชายมู่จะพูดแล้ว ! ทุกคนเงียบในทันที ขนาดผู้อาวุโสทั้ง สองเองก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเขาจะแลกแหวนกับกู้อานหยานเสร็จ ก็
ถือเป็นอันจบพิธี
ถึงยังไง งานหมั้นในครั้งนี้ ก็ไม่มีใครคาดหวังรอคอยอะไรอยู่
แล้ว
แต่ตอนนี้ คุณชายมู่อยากจะกล่าวอะไรสักอย่างหรือไง ? ทําให้ทุกคนอยากรู้กันถ้วนหน้า !
โดยเฉพาะ การที่คุณชายยังคงกุมมือของหญิงสาวหน้าตา อัปลักษณ์นั้น มันหมายความว่าอะไรกันนะ ?
มู่ล้านเป่ยจับมือของกู้อานหยาน พลางพูดด้วยสีหน้าไร้ อารมณ์ตามเดิม : “ขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ที่ต้องให้ทุกคน รอในคืนนี้ ต้องโทษผมเองที่ควบคุมเอาไว้ไม่ได้ แล้วยังทำให้ ทุกคนต้องเสียเวลา
เขาปล่อยมือของกู้อานหยาน แต่โอบเอวของเธอเอาไว้
ช่างหวานหยดย้อยอะไรขนาดนี้ !
แล้วคำว่า “ควบคุมไม่ได้ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน อยาก จะให้ทุกคนมานั่งตีความให้ประสาทเสียงั้นเหรอ ?
แท้จริงแล้วคนที่ทำให้ทุกคนต้องรอตลอดทั้งคืนก็คือคุณชา ยมู่งั้นเหรอ ?
เพียงเพราะภรรยาสุดที่รักนั้นดูสวยสดงดงามเกิดใคร มันถึง กับทำให้เขา ….ควบคุมตัวเองไม่อยู่ขนาดนั้นเลย ?
นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่ ? หญิงสาวที่อยู่ภายในงานนั้น แทบ ไม่มีใครอยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ !
จะมีใครเต็มใจที่จะยอมรับความจริงนี้ได้บ้าง คุณชายมู่ยอม ปล่อยให้งานหมั้นเลื่อนออกไปเพียงเพราะผู้หญิงหน้าตา อัปลักษณ์คนนี้เนี่ยนะ?
เมื่อก่อนใครกันนะที่บอกว่าคุณชายมู่ชอบคุณนายที่สองของ ตระกูลกู้ แต่ไม่ชอบคุณนายที่สามกันนะ ?
ความหวานหยดย้อยขนาดนี้ ถึงจะถูกกั้นด้วยเวทีแต่ทุกคนก็ ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียวล่ะ !
ที่บอกว่าไม่ชอบเนี่ย เป็นไปได้เหรอ ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ