ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 60 โอ้แม่เจ้า! คุณชายใหญ่น่ากลัวจังเลย!



บทที่ 60 โอ้แม่เจ้า! คุณชายใหญ่น่ากลัวจังเลย!

บทที่ 60 โอ้แม่เจ้า! คุณชายใหญ่น่ากลัวจังเลย!

“นาย… อ่านหยานเหมือนจะไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง มู่บ้าน เป่ยถึงขนาดใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างนี้พูดกับเธอ!

เธอนึกว่า เขายังโกรธอยู่ซะอีก

“เราคืนดีกันเถอะ” ฝ่ามือของชายหนุ่มวางลงที่เอวเธอ แล้ว ดันเธอโน้มตัวมาหาเขาเบา ๆ

กู้อานหยานรู้สึกว่าตัวเองสมองดื้อไปแล้ว แม้กระทั่งหายใจ จะไม่ได้แล้ว

ใบหน้าของคุณชายใหญ่มู่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ในสายตาเธอ พอมองใกล้ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ริ้วรอยใด ๆ ยังคงงดงามไร้ ที่ติเช่นเดิม

มือของเธอเคลื่อนมายันที่อกของเขาไว้ แต่กลับไม่มีทีท่าจะ ผลักออกแม้แต่น้อย

เขาร้อนมาก ไม่ คือ…..เธอต่างหากที่ร้อนมาก หรือร้อนทั้ง

สองคน
ที่เป็นอยู่ตอนนี้ หมายความว่ายังไง ?

……………. ช่วงที่ริมฝีปากบางขยับ ริมฝีปากร้อนของเขาก็

ประกบลงมา

เหมือนโดนไฟดูด มีความรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนติ้ว

แค่เวลาครึ่งวินาที กู้อานหยานก็เคลิบเคลิ้มจนลืมตัวเองไป

แล้ว

ทางเดินหายใจล้วนเป็นลมหายใจของมู่บ้านเป่ย ความเย็น เฉียบของเขา ความเร่าร้อนของเขา ตีกันอยู่รอบกายเธอ

จนสุดท้าย ล้วนหลอมละลายกลายเป็นไฟ

กู้อานหยานไม่รู้ตัวว่าโดนอุ้มขึ้นมาตอนไหน และไม่รู้ว่า กระดุมเสื้อโดนแกะออกเมื่อไหร่ และยิ่งไม่รู้ตัวว่า เธอโอบ กอดรอบคอของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

เธอคิดอะไรไม่ออก โลกทั้งใบมีแต่ภาพของมู่จ้านเป่ย และ ลมหายใจของมู่บ้านเป่ยเต็มไปหมด
เสียงดัง ตุ้ม มีคนชนโดนประตู

ลมหายใจที่ยุ่งเหยิง หายไปในพริบตา

มู่บ้านเป่ยดึงผ้าห่มมาคลี่ออก คลุมตัวหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่าง อย่างมิดชิด

หันหลังไปมอง สายตาคมกริบที่กวาดไป เกือบจะทำให้หลีเย่ ที่ยืนอยู่ที่ประตูโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ

“คุณ คุณ คุณคุณชายใหญ่.

หลีเย่รู้สึกว่า ตัวเองต้องตายแน่ ๆ ครั้งนี้ ตายไร้ที่พึ่งแน่ ๆ

เขาจะไปรู้เหรอว่ากลางวันแสก ๆ พวกเขาสองคนจะ……..แ ยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขายังไม่ปิดประตูด้วย!

เมื่อกี้ยังเป็นเพราะตะลึงเกินไป จนชนโดนประตูแล้วถึงจะรู้ตัว

“ใสหัวไป!”

สีหน้าของชายหนุ่มยิ่งกว่าท้องฟ้าตอนที่ลมฝนกระหน่ำเมฆดำมืดครึ้มฟ้าร้องคำรามซะอีก!

เสียงคำว่า ใสหัวไป นั้นยิ่งเหมือนมีดเล่มนึง ทิ่มแทงจนหลีเย่

เกือบจะหมดสติไป

“ผม ผมไปครับ ผมจะรีบใสหัวไปครับ ผมไปแล้วครับ!

โอ้แม่เจ้า! น่ากลัวจังเลย! ใครจะไปคิดว่าคุณชายใหญ่ที่ดู แล้วเย็นชาไม่ยุ่งกับความสุขทางกาย แต่กลางวันแสก ๆ ก็คึก ได้ขนาดนี้!

แต่ว่า หลีเย่ถือได้ว่าเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลก

ก่อนจะใสหัวไป ยังกล้าเสี่ยงตายพูดเตือนว่า “คุณ คุณชาย

ใหญ่ ระวัง…….ภาพพจน์ด้วยครับ”

เสียงป้าบทีนึง หมอนนุ่ม ๆ ก็ตกลงบนประตู ประตูบานนั้นถูก

ปิดอย่างแรงต่อหน้าต่อตาเขา

หลีเย่ไม่กล้าอยู่ต่ออีก คุณชายใหญ่บอกให้เขาใสหัวไป ก็

ต้องรีบใสหัวไป

เขารีบหมุนตัว เสมือนคู่ต่อสู้ไม่ทันระวังชิงลงมือก่อน หายวับไปในพริบตา

“ไอ้สมควรตาย!” มู่ล้านเปียก้มหน้าลงมอง สีหน้าดูแย่ขึ้นมา

ทันที

นิ้วเรียวขยับ ซิปกางเกงถูกเขารูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่า เหมือน กับว่าจะปกปิดความลับบางอย่างไว้ไม่อยู่

สีหน้าของเขาครึ้มลง เรื่องดี ๆ ถูกขัดจังหวะ เขารู้สึกไม่ พอใจมาก

หันหลังกลับไปมอง หญิงสาวหลบอยู่บนเตียงอีกข้าง ดึง ผ้าห่มไว้แน่น มีแค่ศีรษะที่โผล่ออกมา ในดวงตาเธอเต็มไป ด้วยแววระแวดระวัง

กู้อานหยานก็คิดไม่ถึง เมื่อกี้เธอกับมู่บ้านเป่ยเกือบจะเข้า ด้ายเข้าเข็มกันแล้ว

กลางวันแสก ๆ ทำไม…..ไม่รู้จักอายบ้าง! แถมยังโดนหลีเย่ มาเห็นเข้าอีก!

โอ้สวรรค์ ต่อไปเธอจะพบหน้าผู้คนได้ยังไง!มู่ล้านเปียโน้มตัวลงไปข้างหน้า กู้อานหยานก็รีบถอยหลัง

เขาขมวดคิ้วแน่น จ้องมองใบหน้าที่แดงหมดของเธอ

กู้อานหยานซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม มือเธอยุ่งเหยิงรีบกระชับ เสื้อผ้าตัวเอง พอเงยหน้าขึ้นมา ตอนแรกอยากจะพูดอะไรกับ เขา แต่คิดไม่ถึง กลับมองเห็นส่วนล่างของมู่บ้านเป่ย……..

เธอหายใจติดขัด ตกใจจนตาค้างเลย

ชอบมองขนาดนี้เลยเหรอ?” จ้องเขาเขม็งขนาดนี้ อยากจะ ให้เขาควบคุมตัวไม่อยู่อีกครั้งเหรอ?

ตอนแรกยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ พอเห็นท่าทางตกใจของยัยเด็กนี่แล้ว กลับทำให้เขานึกสนุก

ขึ้นมา

ก็เลยเปิดเผย สบาย ๆ ไม่คิดจะปิดปังต่อไป

กู้อานหยานอยากจะเอาผ้าห่มคลุมตัวเองให้มิด ไม่อยากให้ คนอื่นเห็นด้านน่าอับอายของตัวเอง

เธอไม่ได้ตั้งใจจะจ้องเขา แต่แค่……แค่ตกใจจนตาค้างเท่านั้น

“ขอ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ….…..

“ตั้งใจอะไร?”

“ไม่ ไม่มีอะไร” กว่าจะจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยได้ อย่างยากลำบาก เธอถึงดึงผ้าห่มออก รีบลงจากเตียงอีกข้าง ทันที

ตอนแรกเธออยากพูดว่า เธอไม่ได้ตั้งใจจะมองเขา แค่ไม่ทัน ระวังสายตามาตกอยู่ข้างล่างพอดี

แต่ว่า ถ้าหากเขาถามว่าตั้งใจจะดูตรงไหนขึ้นมา งั้นก็อึดอัด

แน่เลย

สงบสติ สงบสติ เมื่อกี้ก็แค่บุ่มบ่ามไปหน่อยเท่านั้นเอง

ชายโสดหญิงโสด แล้วก็บรรลุนิติภาวะกันแล้วทั้งคู่ และยิ่งผู้ ชายแบบมู่บ้านเป่ยแล้ว

บุ่มบ่ามสักนิด สําหรับเขาคงไม่มีอะไร แต่สำหรับเธอนี่ถึง

ชีวิตเลยทีเดียว!
จะต้องไม่ให้เดินตามรอยของชาติ แล้วอีกแน่นอน

“เอ่อคือ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ” เธอรีบเดินไป

ทางประตู

“ไม่ขอร้องฉันเหรอ?” ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียง ลมหายใจดูยัง ยุ่งเหยิงอยู่นิดหน่อย แต่ว่าทั้งตัวดูสงบลงแล้ว

กู้อานหยานนิ่งอึ้ง รีบหันกลับไปมองเขา

ถ้าตอนไม่ดูที่บางแห่งแล้ว คุณชายใหญ่มู่แบบนี้ ดูเย็นชา สูงส่ง ที่ไหนยังจะมีเงาคนที่ลุ่มหลงไฟสวาทแบบเมื่อกี้อีก?

แต่ว่าเรื่องแบบนี้ สำหรับผู้ชายและผู้หญิงแล้ว มันช่างไม่ เหมือนกัน

ผู้ชายแค่คิดว่าเป็นความสุขแบบนึง แต่สําหรับผู้หญิงแล้ว ถ้า หลงขี้นมาก็ถอนตัวออกมายากแล้ว

เธอรวบรวมความคิดใหม่ แล้วส่ายหัว “เรื่องนี้ ฉันจัดการเอง

มู่บ้านเป่ยเลิกคิ้วบน สายตาที่เฉยเมยกระทบลงที่ใบหน้าเธอ

ใบหน้านี่มักจะทำให้เขาแปลกใจ ตำแหน่งของกระบนใบหน้า ทำไมเขามักจะจำไม่ได้?

เพราะว่าความจําของเขาไม่ดี หรือว่ารอยกระพวกนี้มัน เคลื่อนที่ได้?

กู้อานหยานถูกเขามองจนใจวิตก เธอกลัวคุณชายใหญ่

ตั้งใจจ้องเธอเขม็งที่สุด

รอยกระพวกนี้คือวาดไปเรื่อยทั้งนั้น ใครจะจำได้ว่าตำแหน่ง ของครั้งที่แล้ววาดอยู่ตรงไหน?

กลัวเขาจะเจอพิรุธบางอย่าง

เธอรีบหมุนตัวเปิดประตู ยืมช่วงเวลานี้หลบพ้นสายตาสำรวจ

ของเขา

“ขอบคุณที่วันนี้ที่ช่วยชีวิตฉันไว้ แต่ว่าเรื่องบางเรื่อง ฉันคิดว่า ตัวเองจัดการได้ ก็จะไม่เดือดร้อนคุณชายใหญ่มู่แล้ว”

คำพูดพวกนี้เธอพูดได้อย่างใจเย็น ดูไม่มีความโกรธใด ๆแฝงอยู่แล้ว

มู่ล้านเป่ยไม่พูดอะไร แค่จ้องมองแผ่นหลังของเธอเท่านั้น

กู้อานหยานรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในห้องนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว รู้สึก ว่า ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป ความลับของเธอก็จะถูกมู่บ้านเป่ยจับได้ อย่างรวดเร็วแน่

“ฉันกลับก่อนนะ” เธออยากเดินไป แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้

ลังเลอยู่ครู่นึง ในที่สุดก็รีบหันกลับมาอุ้มช่อกุหลาบที่เธอวาง ไว้ด้านข้างขึ้นมา แล้วรีบเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็ว

“ถ้าจัดการไม่ได้ มาหาฉันได้ทุกเมื่อ” ด้านหลังเสียงที่ทำให้ คนเคลิบเคลิ้มดังขึ้นมา

กู้อานหยานเขาอ่อนขึ้นมา เดินเซไปเซมาชนถึงประตู หน้า

ยังไม่กล้าหันกลับไปมอง “โอเค ฉันรู้แล้ว

ลนลานกลับมาถึงห้องของตัวเอง เสียงปังปิดประตูห้องลง และล็อกกลอนไว้ เธอถึงได้ผ่อนคลายลงมาอย่างหมดแรง

ผู้ชายคนนึง ที่ทําให้ผู้หญิงเข่าอ่อนได้ตลอดเวลาจริง ๆช่างน่ากลัวจริง ๆ

ที่น่ากลัวคือไม่ใช่เขาให้แรงกดดันคนอื่น แต่เป็นเสน่ห์ที่

ทำให้คนบ้าคลั่ง!

ยาเสน่ห์เคลื่อนที่ ฉายานี้ ไม่ได้ได้มาแบบมั่ว ๆ จริง ๆ !

แค่ได้ยินเสียงแหบแห้งของเขา ก็รู้สึกร่างกายอ่อนระทวย ถึงว่าเมื่อกี้โดนเขาจูบแล้ว ทั้งตัวกลับสติหลุดลอยไปเลย

ผู้ชายแบบนี้ อันตรายขนาดไหน?

เธอยังกล้าเข้าใกล้ ไม่หลบให้ห่าง ๆ ไม่กลัวตายเลยจริง ๆ !

หายใจเข้าลึก ๆ พอจะให้ตัวเองสงบลงได้บ้าง

กู้อานหยานยืนตัวตรง พบว่าตัวเองยังกอดกุหลาบสีสดช่อ

ใหญ่ไว้ในอก

ดอกไม้ที่คุณชายใหญ่ให้…..
ไม่ไหวแล้ว! ลมหายใจเริ่มติดขัดอีกแล้ว ภาพของชายหนุ่ม เต็มสมองอีกแล้ว แม้กระทั่งจมูกยังมีแต่กลิ่นของเขา

กู้อานหยานรีบหาที่แล้ววางช่อกุหลาบลง ไม่กล้าอุ้มอีก

กอดมันก็เหมือนกับกอดคุณชายใหญ่มู่ไว้ ทั้งตัวร้อน… โอ้แม่เจ้า ยังจะให้คนมีชีวิตอีกไหม!

เพิ่งปักดอกกุหลาบเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอดี ดู หน้าจอแล้วเป็นสายโทรเข้ามาของหยางอี

“เสี่ยวหมี่หล่ะ? ให้เขาพูดกับฉันที” กู้อานหยานพูดเสียง เรียบ ๆ

ทางโน้น ซูเสี่ยวหมี่เหมือนจะรวบรวมความกล้าอย่างมาก ถึง จะรับสายเธอ “อานหยาน…….

“เธอเป็นหมูเหรอ? ฉันทำไมถึงได้มีเพื่อนร่วมทีมเป็นหมูแบบ เธอ? เธออยากจะให้ฉันตาย หรือให้ตัวเองตายเนี่ย?”

กู้อานหยานเปิดปากพูดก็เริ่มติเตียน

ซูเสี่ยวหมี่รู้ว่าตัวเองทำผิด อืมยังไม่กล้าอืมสักคำ
สุดท้าย กู้อานหยานด่าจนพอแล้ว ถึงได้พยายามพูดอย่าง ใจเย็นว่า “เรื่องนี้ เดี๋ยวฉันมาจัดการเอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ