ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่82 อนาคตสองปีข้างหน้า เธอเคยเห็นกับตามาแล้ว



บทที่82 อนาคตสองปีข้างหน้า เธอเคยเห็นกับตามาแล้ว

กู้อานหยานไม่ได้อยู่ที่ห้องพักว่างเจียงเก่อของคุณชายใหญ่ตลอด

พอกลับไปเก็บข้าวของแล้ว เธอก็ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณท่านหญิงที่ห้องใหญ่สัก พัก จากนั้นก็กลับมหาลัยเลย

ถึงแม้คำพูดของคุณชายใหญ่จะค่อนข้างทำร้ายคน แต่พอมาคิดอย่าง

ละเอียดแล้ว ที่เธออยู่กับมู่เพิ่งจีนตามลำพังเมื่อคืน มันก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก

เธอแค่เพราะว่ามู่บ้านเปียไม่เชื่อใจเธอ ในใจก็เลยโศกเศร้านิดหน่อยเท่านั้น

แต่ว่าเขาจะมีสิทธิ์อะไรมาเชื่อเธอ? ในเมื่อพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรต่อกันสัก

หน่อย

“อานหยาน ทำไมวันนี้ไม่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ต่อล่ะ?”

ซูเสี่ยวหมี่คิดไม่ถึงว่าเธอจะกลับมาในวันสุดสัปดาห์ ในเมื่อวันนี้ก็ไม่มีเรียน

“ที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ก็มีคนรู้จักแค่ไม่กี่คน จะอยู่ที่นั่นต่อทำไมล่ะ?”

กู้อานหยานวางถุงข้าวของไว้ที่มุมหนึ่ง ข้างในมีพวกข้าวของที่เธอใช้ประจำ แม้แต่ข้าวของก็เอามาด้วยเลย ยังไง? ต่อไปกะว่าจะอยู่หอมหาลัยเลยเห

50?”

เสี่ยวหมี่นึกว่า คนมีเงินอย่างตระกูลมู่แบบนี้ ถึงแม้อานหยานจะมาเรียน หนังสือ ก็คงจะไม่ยอมให้เธอมาอยู่หอพักหรอก

หอพักถึงจะสะดวก แต่ว่าสิ่งแวดล้อมก็ไม่ดีเท่าไหร่

ฉันยังเรียนหนังสืออยู่ หรือว่าไม่ควรมาอยู่หอพักเหรอ?”

เมื่อชาติที่แล้ว ช่วงที่เธอเรียนหนังสือก็มาพักอยู่ที่หอพักเหมือนกัน มีแต่สุด สัปดาห์เท่านั้นถึงจะกลับไปคฤหาสน์ของมู่บ้านเป่ย

แน่นอนคุณชายใหญ่ไม่ได้กีดกันอยู่แล้ว เขาอยากจะให้ตัวเธออยู่ให้ห่าง ๆ จะแย่อยู่แล้ว จะได้ไม่รำคาญสายตาเขา

ก็ได้ หอพัก หอพัก หอพักก็ดีจะตาย”

กู้อานหยานกลับมาอยู่กับเธอ แน่นอนซูเสี่ยวหมี่ก็ยิ่งดีใจ อานหยานไม่อยู่ เธอยังรู้สึกว่าในมหาลัยไม่มีความรู้สึกปลอดภัยอะไรเลย

“ใช่แล้ว อานหยาน สำนักงานที่เธอให้หยางไปหา พวกเขาหามาหลายที่แล้ว ยังรอเธอมายืนยันอยู่เลย”

“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ” ตอนกินข้าวกันคราวที่แล้วเธอเพิ่งขอให้หยางอีกับ เทียนโยวไปช่วยหา นี่ความรวดเร็วในการทำงานสูงขนาดนี้เลยเหรอ “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าช่วงสองวันมานี้เกิดเรื่องราวพวกนั้นขึ้น….

ทุกครั้ง เสี่ยวหมี่นึกถึง ก็อตที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้

แต่ว่าก็ดี ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว

เธอพูดขึ้น “ที่จริงพวกเขายังเร็วได้มากกว่านี้อีก แต่ว่าโดนเรื่องแย่ ๆ พวกนั้น ทําให้เสียเวลาไป

“เดี๋ยวโทรหาหยางฮีดู แล้วเราไปดูกันตอนนี้เลย พอดีกับวันสุดสัปดาห์เราจะ ได้จัดการมันให้เรียบร้อยด้วย

ที่ที่หยางอีกับมู่เทียนโยว่หาได้นั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ละแวกมหาลัยทั้งนั้น

สุดท้ายกู้อานหยานเช่าที่ที่ค่อนข้างห่างไกลหน่อย แต่สิ่งแวดล้อมไม่เลว ราคาก็ไม่แพงมากมาทำเป็นสำนักงาน

สำนักงานที่เช่าอยู่ที่อาคารฟูฮัวชั้นที่ยี่สิบแปด เนื้อที่ประมาณสามร้อยกว่า ตารางเมตร ค่าเช่าเดือนละสองหมื่นห้า มัดจำสองเดือนจ่ายล่วงหน้าหนึ่งเดือน

“ว้า ใหญ่จังเลย!” พอซูเสี่ยวหมี่เดินเข้าไป ก็ร้องเสียงดังกลางห้องโถง

สามร้อยกว่าตาราง ใหญ่มากจริง ๆ ใหญ่กว่าห้องที่เทียนโยวกับหยางอีเช่า อยู่ข้างนอกไม่รู้ตั้งกี่เท่า แต่ว่า อานพยาน ตกลงเธอกะว่าจะทำธุรกิจอะไรเหรอ ที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ มีแค่ เราไม่กี่คนเอง มันจำเป็นจริง ๆ เหรอ?”

“จําเป็นซ๊ ต่อไปคนก็จะค่อย ๆ เยอะขึ้น

กู้อานหยานเดินตามหลังเธอมา ก็ไม่ได้รู้สึกว่าที่นี่มันใหญ่มาก แต่ว่า ถ้าพูด ถึงตอนนี้มันก็พอแล้ว

รออีกหน่อยถ้าคนเยอะแล้ว ค่อยเปลี่ยนก็ได้ แต่ว่าภายในปีสองปีข้างหน้า ก็ ไม่น่าจะมีความจําเป็นต้องเปลี่ยน

อานหยาน ตกลงเธออยากทำธุรกิจอะไรเหรอ?” หยางก็มึนงงเหมือนกัน

กู้อานหยานบอกแค่ว่าจะทำสำนักงานสักที่ แต่ไม่เคยบอกพวกเขาว่า ตกลง เธอมีแผนการอะไรกันแน่

“ทำการ์ตูนไง นายลงสีได้สุดยอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ส่วนเสี่ยวหมี่ก็เขียน บทนำหรือกระทั่งลงเส้นได้ถึงขั้นมือโปรอยู่แล้ว รับรองไม่จำเป็นต้องแก้บท อยู่แล้ว”

“ทำการ์ตูน? ” ซูเสี่ยวหมี่หน้านิ่งอึ้ง เหมือนจะตาค้าง “อานหยาน เธอไม่รู้เหรอ ว่า คนในประเทศที่วาดการ์ตูน แม้แต่การดำรงชีพยังยากเลย?”

สมองของเธอมีปัญหาไปแล้วใช่ไหม?

ที่จริงวาดรูปพวกเขาก็เป็นกันทุกคน และเก่งมากด้วย คิดถึงตอนแรก ก็เป็นเพราะว่าร่วมงานอภิปรายการวาดการ์ตูนพวกเขาถึงได้ รู้จักกัน และเป็นเพื่อนต่อกันมาหลังจากนั้น

แต่ว่า อีนุงตุงนังกับการวาดการ์ตูนมาหลายปีขนาดนี้ ถ้าวาดการ์ตูนสามารถ ทำเงินได้ ตอนนี้เธอกับหยางอึยังจะมีสภาพแบบนี้อีกเหรอ?

การ์ตูนจะสามารถทำเงินได้ ในอนาคตอีกสองปีข้างหน้าจะเป็นปีที่เจริญ รุ่งเรืองสุดของระบบIP และการ์ตูนก็จะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

แน่นอน เธอไม่บอกพวกเขาหรอกว่าตัวเธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง

แต่ว่าในอนาคตสองปีข้างหน้า ต้นฉบับIPจะเป็นที่นิยมขนาดไหน เธอนั้นเคย เห็นมากับตาตัวเองแล้ว

สำหรับศัพท์คำว่าIPนี้ ที่จริงแล้วเป็นคำย่อมาจากคำว่าทรัพย์สินทางปัญญา ในสายงานแบบของพวกเขา ตอนนี้ส่วนใหญ่จะพูดถึงลิขสิทธิ์ของต้นฉบับทั้ง

นั้น

และตอนนี้ที่เธอจะทำก็คือ ที่สำคัญมีอยู่สองอย่าง อันหนึ่งคือทำนิยาย และ

อีกอันหนึ่งคือทำการ์ตูน

ถ้าเธอจำไม่ผิดแล้วละก็ สิ้นปีนี้จะมีช่องทางใหญ่อันหนึ่งมาลงทุนทำการ์ตูน และผลงานหลายเรื่องของช่องทางนี้ รวมกับการก้าวเดินอย่างร้อนแรง ของIP ในปีหน้า แป๊บเดียวก็เป็นที่นิยมมากแล้ว

ถ้าสามารถลงมือก่อนที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เริ่มทำ และทำผลงานที่มีคุณภาพ ระดับสูงของตัวเองออกมาก่อนอีกฝ่าย บางทีอาจจะแบ่งผลกำไรมาบ้าง แต่ว่า เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรื่องราวหลายอย่างเหมือนจะแตกต่างไปจาก ชาติที่แล้ว

แล้วการแข่งขันของเงินทุนนี้จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ตอนนี้เธอยังไม่รู้

แต่ว่าเรื่องบางเรื่อง ถ้าคุณไม่ทำ แล้วเปลี่ยนไปให้คนอื่นไปทำ ถึงอนาคตจะ มีโอกาสจริง ๆ ก็มาไม่ถึงคุณหรอก

“อานหยาน ฉันก็ยังรู้สึกว่า การ์ตูนไม่มีทางทำอะไรได้หรอก ความกังวลของ ซูเสี่ยวหมี่ หยางอีก็มีเหมือนกัน

“ยิ่งไปกว่านั้น การ์ตูนเล่มหนึ่ง ถึงจะติดอันดับได้ แต่มันจะไปทำเงินได้แค่ ไหนกัน?”

“ฉันพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่า จะทำแค่เล่มเดียว?” อานหยานยิ้มน้อย ๆ แล้วเดิน สำรวจห้องโถงใหญ่สำนักงานขึ้นมา

“ไม่เพียงหนึ่งเล่มเหรอ?” ซูเสี่ยวหมี่เดินตามไป มีสีหน้าตกใจ “อานหยาน ถ้า วาดเยอะเกินไป จะอัปเดตไม่ทันนะ”

ถึงแม้เธอ หยางอี และอานหยานจะวาดเป็นอยู่แล้ว แต่ว่าสามคนรวมกันแล้ว สามารถทำได้เดือนหนึ่งอัปเดตสิบตอนก็ไม่เลวแล้ว

ถ้าเปิดสองเล่มพร้อมกัน งั้นหรือว่าทุกเล่มออกแค่เดือนละห้าตอนเหรอ?

ถ้าอัปเดตน้อยเกินไปก็รักษาจำนวนคนอ่านไว้ไม่ได้ แล้วถ้าสถิติไม่ดี ก็ขึ้นติด อันดับไม่ได้ ก็จะยิ่งทำให้สถิติแย่เข้าไปอีก พอทุกคนสภาพจิตใจไม่ดี ก็จะวาดได้ไม่ เหมือนเดิม ก็ยิ่งรักษาคนอ่านไว้ไม่อยู่

แล้ววนเวียนอยู่แต่เรื่องร้าย ๆ สุดท้ายก็จะจบเกมแน่นอน

เสี่ยวหมี่กับหยางอีวาดการ์ตูนจนผลสุดท้ายต้องเป็นเหมือนขอทานมาแล้ว คิดถึงแล้วก็ทำให้คนท้อแท้สิ้นหวังเหลือเกิน

“เอาละ ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าเราจะวาดเอง ที่ฉันจะทำคือสำนักงาน และไม่ เพียงแค่จะทำการ์ตูนเรื่องเดียว

เธอจะทำสำนักงานเหรอ? สำนักงานการ์ตูนเหรอ?” วงการการ์ตูนตอนนี้มีแต่ ขาดทุนทั้งนั้น เธอเคยคิดถึงการตลาดบ้างหรือเปล่า?

อานหยานพูดว่าทำได้ ก็ต้องทำได้อยู่แล้ว

มู่เทียนโยว่เดินตามมายืนอยู่ข้างหลังอานหยาน แล้วพูดเสียงเรียบขึ้น “ที่ เธอพูดมา ทําตามก็พอแล้ว จะกลัวอะไร?”

พวกเธอดูซิ นี่ถึงจะเป็นคู่หูที่ดีของฉัน!

กู้อานหยานเอามือวางพาดอยู่บนไหล่ของมู่เทียนโยว์ แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ “ถ้า พวกเธอเป็นเหมือนอย่างเทียนโยว์ เชื่อใจฉันไม่เปลี่ยนแปลง ฉันก็คงไม่ต้อง กังวลมากแล้ว?”

ซูเสี่ยวหมี่และหยางอิมองค้อนมู่เทียนโยว์ทีหนึ่ง แต่สำหรับมู่เทียนโบว์ที่ต่อสู้ เก่งสุด ๆ แบบนี้ พวกเขาได้แค่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร เทียนโยวเขาแค่เชื่อใจเธอไม่เปลี่ยนแปลงซะที่ไหน? เขานั่นมันคือตามใจเธอ โอ้เธอ โอ้จนเกือบจะมีคนตายแล้ว!

“เอาละ เรามาประชุมกันดีกว่า” กู้อานหยานเดินไปห้องประชุมขนาดเล็กข้าง

แน่นอนเทียนโยว์ต้องเดินตามเธอไปอย่าง “เชื่อมั่นไม่เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว

เสี่ยวหมี่และหยางก็มองสบตากัน ถึงแม้จะมีความกังวลอยู่มาก แต่ว่า ก็ได้ แต่เดินตามอ่านหยานเข้าไป

ว่าแต่ อานหยานเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลมู่ ตระกูลมู่มีธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ แล้วเธอจะทำธุรกิจทำไมถึงไม่ไปหาคุณชายใหญ่มู่โดยตรงเลยล่ะ?

ขอแค่คุณชายใหญ่พยักหน้าเธออยากจะทำโครงการก็ได้ ใบสั่งต้องเยอะ จนเธอทําไม่ทันแน่

ต้องลำบากออกมาเริ่มต้นทำธุรกิจแบบนี้ มีความจำเป็นจริง ๆ เหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ