ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่90 หรือว่า ไม่ต้องรับผิดชอบเห รอ?



บทที่90 หรือว่า ไม่ต้องรับผิดชอบเห

รอ?

บทที่90 หรือว่า ไม่ต้องรับผิดชอบเหรอ?

ที่จริงแล้ว คนที่มาเคาะประตูเมื่อกี้ก็คือเย่

หานเอง

เย่หานเข็นรถเข็นพยาบาลเข้ามา พอเห็น บาดแผลบนแขนมู่บ้านเป่ยแล้ว ก็อึ้งไป ทันที “คุณชายใหญ่ เลือดหยุดไหลไปแล้ว ไม่ใช่เหรอครับ?”

สายตามู่บ้านเป่ยเหล่มองไปทางอานห ยาน

จังหวะการเต้นของหัวใจกู้อานหยานเต้น เร็วขึ้นในชั่วพริบตา มีความรู้สึกไม่กล้าสู้ สายตาของเขา เจ้าหมอนี่ มองเธอตอนนี้หมายความว่ายัง ไง? นี่มันเห็นได้ชัดว่าจะฟ้องเย่หานว่าที่ บาดแผลเป็นแบบนี้เพราะเธอเป็นคนทำเห รอ?

เย่หานมองดูคุณผู้หญิง แล้วก็มอง คุณชายใหญ่ สุดท้ายสายตาก็มาหยุดลงที่ บาดแผลของมู่บ้านเป่ย

เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “คือว่า คุณผู้หญิงครับ ตอนนี้คุณชายใหญ่ได้รับ บาดเจ็บอยู่ ถึงแม้พวกคุณจะมีเรื่องขัดแย้ง อะไรกัน ก็ต่อสู้กันตอนนี้ไม่ได้”

แต่ว่า ก็มีแต่คุณผู้หญิงเท่านั้นที่กล้าต่อสู้ กับคุณชายใหญ่ ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดูซิ?

แต่ว่าพูดกลับมา คุณชายใหญ่เหรอจะสู้ คุณผู้หญิงไม่ไหว? นี่มันออมมือให้กันใช่ ไหม? สีหน้ากู้อานหยาน แดงขึ้นเป็นระลอก ๆ ก็ ไม่รู้ว่าเจ้าเย่หานนี่ตั้งใจหรือเปล่า

พูดว่าจู๋จี๋ให้กลายเป็นต่อสู้ เย่หานเป็นคน ดูไม่ออกจริง ๆ หรือว่า แค่เพื่อจะให้เธอมี ทางออกเหรอ?

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่ว่าต่อสู้ดูดี กว่าจู๋จี๋กันแล้วทำให้เขาบาดเจ็บซะอีก ฟัง แล้วจะทำให้คนดูเป็นตัวของตัวเอง มากกว่า

เธอรีบพูดขึ้น “คุณรีบดูแผลให้เขาก่อน เลือดออกอีกแล้ว”

“ได้” เย่หานหยิบน้ำยาฆ่าเชื้อและเจลยา ใส่แผลมา แล้วอยากจะนั่งตรงข้างเตียง

แต่คิดไม่ถึง ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงยังคง จ้องกู้อานหยานอยู่ สีหน้าวางอำนาจ “ใคร ทํา ก็ให้คนนั้นรับผิดชอบ

กู้อานหยานกัดริมฝีปาก ก้มหน้าเดินมาถึง ข้างเตียง แล้วรับนํายาฆ่าเชื้อมาจากมือ ของเย่หาน

ตอนที่เงยหน้าขึ้นนั้น ก็อดไม่ไหวมองค้อ นานเป่ยไป หนึ่ง

“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” จะทำเป็นเข้มงวด ขนาดนี้ทำไม?

คนที่ไม่รู้เรื่องอะไร ยังจะคิดว่าเธอเป็นคน ตีเขาบาดเจ็บจริง ๆ

“ทำคนบาดเจ็บ หรือว่าไม่ต้องรับผิดชอบ เหรอ?” แววตาของมู่บ้านเป่ยสมจริงจน ทำให้คนมองไม่ออกข้อบกพร่องใด ๆ เลย

“ฉัน……. “หรือว่าเธออยากจะพูดว่า ที่ฉันบาดเจ็บนี่ ไม่ใช่เพราะเธอตี แต่เป็นเพราะว่าตอนจู๋จี๋ กับเธอแล้วทำโดนเหรอ?”

“คุณ…… ” กู้อานหยานจ้องเขาเขม็ง!

เจ้าชั่วนี้นี่ ต้องตั้งใจแน่ ๆ จะให้เธอยอมรับ ว่าที่บาดเจ็บแบบนี้เพราะว่าตัวเธอจู๋จี๋กับเขา เหรอ ถึงได้โดนแผลเหรอ?

เธอรู้มานานแล้วว่าคุณชายใหญ่มู่เป็นคน หน้าเนื้อใจเสือ แต่คิดไม่ถึงว่าจะหน้าเนื้อ ใจเสือได้ถึงเพียงนี้

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วนั่งลงข้าง เตียง มองดูแขนของเขาที่ยังมีเลือดไหล ซิบ ๆ ถึงแม้ในใจจะหงุดหงิด แต่ว่าพูดตาม จริงแล้ว ก็ยังมีความปวดใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ไม่ใช่ซิ เหมือนกับว่า จะเยอะกว่า “เล็ก น้อยมากโขเลย

“คุณผู้หญิง ฆ่าเชื้อก่อนครับ แต่ว่าต้อง ระวังหน่อย มันจะเจ็บ”

คุณชายใหญ่ไม่ให้เย่หานลงมือเอง เย่ หานก็ได้แต่คอยยืนกำกับอยู่ข้าง ๆ

“อืม” กู้อานหยานพยายามทำให้มือของ ตัวเองให้เบาที่สุด กลัวว่าจะทำเขาเจ็บจริง

ทุกครั้งที่ปฏิกิริยาของมู่บ้านเป่ยมีความ เปลี่ยนแปลง เธอก็จะรีบก้มหน้าลงไปเป่า ให้เขาเบา ๆ สักทีสองที

ถ้าหากว่าเขาขมวดคิ้ว เธอก็จะคอยเป่า อย่างระวังตลอดเวลา

ริมฝีปากบางยิ่งอยู่ยิ่งใกล้แขนของเขา มากขึ้น จนเกือบจะจุ๊บโดนแล้ว

ท่าทางที่อ่อนโยนแบบนี้ เมื่อเทียบกับ ความเย็นชาเมื่อสองวันที่แล้ว ช่างต่างกัน ราวฟ้ากับดิน

และแล้ว คุณชายใหญ่มู่เหมือนจะยิ่งอยู่ ยิ่งชอบขมวดคิ้ว พอก้านสำลีแตะโดนแผล นิดเดียว ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ต้องขมวด คิ้วไว้ก่อนค่อยว่ากัน

สุดท้ายแม้แต่เย่หานก็ทนดูต่อไปไม่ไหว แล้ว คุณชายใหญ่กลายเป็นคนกลัวเจ็บ ขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

เมื่อก่อน ถ้าโดนมีดฟันมา แม้แต่ยาชายัง ไม่ต้องใช้ ก็ให้ผ่าตัดโดยตรงเลยไม่ใช่เห

รอ?

ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าแสดงละครต่อหน้า คุณผู้หญิงชัด ๆ อยากจะให้คุณผู้หญิงปวด ใจ

เด็กผู้หญิงนะ หลอกง่ายจริง ๆ เฮ้อ……

“เป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหม?” จากการ ร้องขออย่างสุด ๆ ของกู้อานหยาน ในที่สุ ดมู่บ้านเป่ยก็ยอมตกลงให้พันผ้าพันแผลจน ได้

กว่าจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย เห็น สีหน้าเขาปกติ เพียงแต่คิ้วยังขมวดอยู่ ตลอดเวลา เธอก็ไม่รู้ ตกลงใช่เจ็บขนาดนั้น จริง ๆ ไหม

แต่ว่า พอเห็นคุณชายใหญ่มู่ขมวดคิ้ว ใน ใจเธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตัวเธอประมาทเกินไป เขาก็คงไม่ต้องเป็นถึงอย่างนี้ “คุณผู้หญิงครับ คุณชายใหญ่เป็นแค่แผล ที่เนื้อหนัง พักฟื้นสักวันสองวันก็……แคก!”

เย่หานโดนคนบางคนมองมาทีหนึ่ง ก็รีบ เปลี่ยนคำพูดว่า “ถึงแม้จะเป็นแค่แผลเนื้อ หนัง แต่ว่าโดนฟันซะขนาดนี้ ก็จะต้องพัก พื้นดี ๆ ถึงจะได้”

“ทางที่ดี ต้องมีคนคอยดูแลข้างกายจะดี ที่สุด ช่วงระยะเวลานี้ เขาอาจจะแม้แต่กิน ข้าวก็คงไม่ค่อยสะดวก

นี่มันทำบาปจริง ๆ! เป็นแค่บาดแผลนิด เดียว ถึงขนาดพูดเหมือนเขาจะพิการแล้ว ซะงั้น

แต่ว่า พอคำพูดพวกนี้ออกจากปากไป แล้ว เห็นได้ชัดว่าความเย็นที่คุณชายใหญ่ ส่งมาทางเขาลดน้อยลง เย่หานโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ถือว่าคลํ ทางของคุณชายใหญ่ถูกแล้ว

“คุณผู้หญิงครับ บาดแผลของคุณชาย ใหญ่ตอนนี้เริ่มค่อย ๆ สมานตัวแล้ว คืนนี้ อาจจะมีอาการเป็นไข้ได้

แน่นอน สำหรับคุณชายใหญ่ที่ร่างกาย กำยำมาพูดแล้วนั้น แผลเล็ก ๆ แค่นี้โดย ปกติแล้วไม่มีทางจะทำให้เป็นไข้ได้หรอก

แต่ว่า คุณชายใหญ่น่าจะชอบให้เขาพูด แบบนี้ เพราะฉะนั้น พูดเยอะ ๆ ไม่ผิดแน่ ไม่ แน่อาจจะมีโบนัสอีกต่างหาก

แค่คิดก็รู้สึกว่าชีวิตมาถึงจุดสูงสุดแล้ว มัน สนุกมากจริง ๆ !

“คุณผู้หญิงครับ คืนนี้คงต้องลำบากคุณ คอยดูแลคุณชายใหญ่ให้ดีด้วยนะครับ” “คุณไม่อยู่เฝ้าเขาเหรอคะ?” ถึงแม้กู้อาน หยานจะกังวลใจ แต่ว่าในเมื่อตัวเธอไม่ใช่ หมอนี่

ถ้าหากเย่หานอยู่ต่อ เธอน่าจะวางใจได้ มากกว่า

“คือว่า…….” โดนคนมองด้วยสายตาเย็นชา ทีหนึ่ง เย่หานรีบยืนตัวตรง แล้วพูดเสียงดัง ว่า “คุณผู้หญิงครับ คืนนี้ผมมีนัดแล้ว ไม่ สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้ ต้องขอโทษด้วย ครับ!”

พูดจบ ก็รีบเก็บข้าวของของตัวเอง แล้ว จากไปทันที

ก่อนจะไป ยังให้ยากับกู้อานหยานไว้ซอง หนึ่ง ถ้าหากคุณชายใหญ่มีอาการเป็นไข้ ก็รีบให้เขากินหนึ่งเม็ดก็พอ “ดึกขนาดนี้แล้วยังมีนัด ก็ไม่ดูเวลาซะบ้าง ว่ามันกี่โมงแล้ว!”

กู้อานหยานรอประตูปิดลง ก็เริ่มพร่าบ่น

ไม่อยากอดนอนเฝ้าคุณชายใหญ่มู่ก็พูด มาตามตรง ยังจะมาบอกว่ามีนัด ใครจะ เชื่อ?

นี่มันเวลาตีหนึ่งแล้ว!

พอหันกลับมา ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่ขอบ เตียงพิงหัวเตียงไว้ แล้วมองเธอด้วย สายตาเย็น

ที่แท้ในห้องนอน ช่วงไม่รู้สึกตัว ก็เหลือ แค่เพียงพวกเขาสองคนแล้ว

บรรยากาศเริ่มมีความอึดอัดขึ้นมา แน่นอน อึดอัดแค่สำหรับกู้อานหยานคน เดียวเท่านั้น

คุณชายใหญ่มู่ที่เฝ้าสังเกตการณ์ด้วย ความเย็นชานั้น คำว่ารู้สึกอึดอัดนั้น เหมือน ว่าคงจะไม่เคยปรากฏอยู่ในพจนานุกรม ของเขามาก่อน

“คือว่า” กู้อานหยานคิดแล้วถึงจะพูดขึ้นว่า “ดึกมากแล้ว คุณควรจะเข้านอนได้แล้ว”

เขาไม่พูดอะไร ยังคงมองเธออยู่แบบ

เรียบ ๆ

ทุกครั้งที่คุณชายใหญ่มู่มองเธอแบบนี้ กู้ อานหยานก็จะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก แรงกดดันสูงมาก

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ตัวเองยังทำเรื่อง พวกนั้นไปอีก โถมเข้าใส่อ้อมกอดของเขา ด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัว เองแล้ว

เธออยากกลับห้องไปนอน แต่ว่าเขา

ต้องการคนดูแล…..……..

“คุณชายใหญ่มู่ รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ยัง ต้องทำงานอีก” เธอก็ต้องไปเรียนด้วย

กู้อานหยานเดินไปถึงข้างเตียง แล้วคลื่ ผ้าห่มออกให้เขา

ในที่สุดมู่งานเป่ยก็นอนลง

เธอโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เดินไปถึงข้างลำ ตัวเขา แล้วห่มผ้าห่มให้เขา

“คุณนอนหลับดี ๆ ฉันจะคอยเฝ้าอยู่ตรงนี้ ข้างในห้องมีโซฟา ความยาวของมัน สําหรับเธอแล้ว พอเหลือเฟือ แต่คิดไม่ถึง มู่จ้านเป่ยกลับพูดว่า “เตียง ฉันใหญ่มาก”

“เอ่อ?” เธอหันกลับไปมองเขา พริบตา เดียวใบหน้าก็แดงขึ้นมาทันที

นี่ความหมายของคุณชายใหญ่มู่คือเชิญ ชวนให้เธอนอนกับเขาเหรอ?

เธอจำได้ชัดว่า มู่จ้านเป่ยของชาติที่แล้ว แม้แต่ให้เธอเข้ามาในห้องยังไม่ยอมเลย

ทำไมตอนนี้ เตียงยังยอมให้เธอนอนด้วย แล้ว?

แต่ว่า นอนอยู่ด้วยกัน เหมือนว่า………ไม่ ค่อยจะดีมั้ง

“แค่ไม่อยากในคนเอาไปพูดว่าฉันไม่ดีกับ เธอ” มู่บ้านเป่ยพลิกตัวหันหลังให้เธอ “นอน อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สอง”
198303916_671768290334054_5925368937255002605_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ