ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 305 อย่างน้อยๆก็รู้ความจริง



บทที่ 305 อย่างน้อยๆก็รู้ความจริง

บทที่ 305 อย่างน้อยๆก็รู้ความจริง

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” ชินรู้สึกอยากหนีออกไปจากที่นี่มาก

แต่หยาง ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าของเธอ และปิดทางที่เธอจะ หนไว้หมดทุกทาง

หลายครั้งที่เธออยากวิ่งออกไป แต่ก็ถูกเขาผลักกลับมาทุกที

จนในครั้งสุดท้าย กู้อานหยานพูดขึ้นมาเบาๆ: “เธอไปเถอะ คืนนี้แฟนของเธอได้รู้เรื่องตอนเธออายุสิบเจ็ดแน่นอน”

“คุณมีหลักฐานอะไร?” ซินพูดขึ้นมาด้วยความไม่ยอม

“พวกฉันถึงขั้นรู้ว่าลูกสาวของเธออยู่ที่ไหน แล้วเธอคิดว่า จะมีเรื่องอะไรที่ฉันไม่สามารถตรวจสอบได้อีกล่ะ?” หยางอี หัวเราะเสียงเย็นในสําคอ

ซินรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที เธอจ้องอยู่ที่กู้อานหยาน ด้วยน้ำตาที่ คลอเบ้า

“ทำไมคุณต้องใจร้าย และบังคับฉันขนาดนี้ด้วย? นี่พวกคุณ ต้องการจะบีบให้ฉันตายใช่ไหม!”
“ตอนที่เธอหลอกลวงคุณท่านหญิงด้วยกันกับกู้เวยจือ ทำไม เธอไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายบ้างล่ะ?”

หัวใจของกู้อานหยาน บางครั้งก็เย็นชา เย็นชาจนเธอเองก็ไม่ อยากจะเชื่อ

“ถ้าเธอไม่บอกความจริง ฉันก็มีวิธี ทำให้ชีวิตที่เหลือของเธอ เหมือนราวกับตายทั้งเป็น

“กู้อานหยาน! เธอมันคนอำมหิต!”

“ใครกันแน่ที่เป็นคนอ่ามหิต ใจเธอก็น่าจะรู้ดี!”

อยู่ๆซินก็รู้สึกเหมือนกับหมดกำลังใจทันที

แม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ยังไงเธอก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ใช่ เพราะว่าตัวเองเคยทำเรื่องพวกนั้นไว้ กู้อานหยานจะมาหาเธอ ได้ยังไง?

คนรวยพวกนี้ ไม่มีใครที่เธอควรจะทําให้พวกเขาโกรธ

ไม่ว่าจะเป็นกู้อานหยาน หรือว่าเป็นกู้เวยจือ หรือแม้แต่คนที่ เขาไม่รู้จักพวกนั้น

“ฉันพูดไม่ได้” เธอหันไปมองกู้อานหยาน แล้วอยู่ๆก็คุกเข่าลง

ทันที
“คุณผู้หญิง คุณปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันพูดไม่ได้ ฉันพูด ไม่ได้จริงๆค่ะ!”

ทำไมถึงพูดไม่ได้? ตกลงพวกเธอทำอะไรกันแน่?” “

“ฉันพูดไม่ได้ค่ะ ฉันพูดไม่ได้จริงๆ”

ชินหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง แล้วอยู่ๆก็ร้องไห้ออกมา: “ถ้าฉัน พูดออกไป พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยลูกสาวของฉันไว้แน่นอน แล้วลูกสาวของฉันก็จะตกอยู่ในอันตราย

กู้อานหยานกําหมัดไว้แน่น ไม่คิดว่า คนพวกนั้นจะใช้ไม้นี้

ซินเช็ดน้ำตาของตัวเอง แล้วพูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้น: “ถึง แม้ฉันบอกความจริงคุณตอนนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตอน

นี้คุณถูกไล่ออกมาจากตระกูลมู่แล้ว คุณจะทำอะไรได้อีก?”

“ยอมแพ้เถอะค่ะคุณผู้หญิง แม้แต่คุณชายใหญ่มู่ก็เลือกที่จะ อยู่ด้วยกันกับกู้เวยจือ โดยไม่ต้องการคุณ คุณสู้พวกเขาไม่ ไหวหรอกค่ะ!”

คำพูดนี้ของซิน ไม่ได้มีเจตนาจะเยาะเย้ยเธอ แต่เธอกำลัง พูดความจริง

ถ้าหากผู้ชายคนหนึ่งเปลี่ยนใจ และเลือกจะไม่เชื่อคุณอีก แล้ว ถึงคุณพูดไปมันจะมีประโยชน์อะไร?
แล้วยิ่งไปกว่านั้น ซินรู้ดีว่าเบื้องหลังของกู้เวยจือนั้น ยังมี จํานาจที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่

การเผชิญหน้ากับทุกอย่าง ไม่ว่ากู้อานหยานคนเดียว หรือ กับเพื่อนอีกสองสามคน ก็จะทำอะไรได้?

นมองว่านี้เป็นการรนหาที่ตายก็เท่านั้น

แต่กู้อานหยานเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตั้งแต่ไหนแต่ ไรอยู่แล้ว

“ฉันจะสู้พวกเขาได้หรือไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องของเธอ ตอนนี้ เธอแค่บอกฉัน ว่าวันนั้นได้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”

“ถ้าฉันยอมพูด คุณจะช่วยฉันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับใช่

ไหม?”

ซินยืนขึ้นมาแล้วมองไปที่เธอ: “ฉันรับปากว่าฉันจะบอกความ จริงคุณ แต่ฉันจะไม่ไปเป็นพยานให้กับคุณต่อหน้าของคน ตระกูลมู่เด็ดขาด”

“เพราะชีวิตของลูกสาวฉัน สามารถตกอยู่ในกำมือของคน พวกนั้นได้ทุกเมื่อ และถึงแม้คุณจะบังคับฉันขนาดไหน ฉันก็ จะไม่ไปเด็ดขาด หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

“ได้ ถ้าฉันยังไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของลูกสาว เธอได้ ฉันก็จะไม่บังคับเธอให้ไปเป็นพยาน
แต่ตอนนี้ ชินจำเป็นต้องบอกเธอ ว่าตกลงวันนั้นได้เกิดอะไร ขึ้นกันแน่

“คุณรับปากก่อน…..…..

“ฉันรับปาก ว่าฉันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกแฟนของเธอเด็ด ขาด”

ประโยคนี้ของกู้อานหยาน ทำให้ซินรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็ก น้อย

ถึงแม้ว่าเธอจะยังมีความลังเลอยู่ แต่หลังจากลังเลได้สอง สามวิ สุดท้ายเธอก็เปิดปากพูดออกมา

“วันนั้น กู้เวยจือให้ฉันพาคุณท่านหญิงไปข้างหน้าของสวน หลังบ้าน เสแสร้งทําเป็นไปแอบได้ยินแม่ของกู้อานหยานคุย โทรศัพท์กับคนอื่น”

“เย่สุ่ยซิง?” ผู้หญิงคนนี้ถูกกู้หมิงห้าวไล่ออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เหรอ? เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ใช่ค่ะ หน้าที่ของฉันก็คือพาคุณท่านหญิงไปที่นั่น และทำให้ คุณท่านหญิงได้ยินบทสนทนาบทนั้น”

“แล้วเนื้อหาในบทสนทนาคืออะไร?” ในเมื่อคุณท่าน หญิง“ได้ยิน”อย่างนั้นคนที่พาคุณท่านหญิงไปอย่างซินก็ต้อง ได้ยินเหมือนกัน
นพยายามนึกอยู่สักพักหนึ่ง จึงค่อยพูดขึ้นมา: “เนื้อหาโดย ประมาณก็คือ ขอบคุณคนคนนั้นที่ได้ช่วยเธอ แล้วก็พูดว่าคุณ ต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆของเธอ เธออดทนเรียกกู้เวยถือว่า เป็นลูกของเธอให้กับคนภายนอกได้ยินมาหลายปี เผื่อว่าสัก วันหนึ่ง คุณจะสามารถมาแทนที่ของกู้เวยจือได้”

บทสนทนาหลักๆ ซินก็คิดไม่ออกแล้ว เธอสามารถคิดออกมา ได้เท่านี้จริงๆ

“แต่ยังไงความหมายก็คือ เธอกับเวยจ๋อสลับสถานะกัน จริงๆแล้วอีกฝ่ายรู้ทั้งหมด แต่กลับไม่ได้บอกคุณท่านหญิง ทำให้คุณท่านหญิงเข้าใจผิด”

ตามจริงแล้วมีหลายเรื่องที่ซินไม่รู้ แต่ครั้งนี้กลับมีเธอเป็น ส่วนหนึ่งในการวางแผนของเรื่องนี้

จริงๆแล้วตำแหน่งที่กู้เวยจ่อต้องการจะแย่งชิงมันคือตำแหน่ง อะไรกันแน่ ซินเองก็ไม่ได้มั่นใจมากนัก

แต่ยังไรก็ตาม กู้อานหยานก็เอาเงินให้เธอ และให้เธอจับตาดู คุณท่านหญิงทุกฝีก้าว

ถ้าหากเธอทำไม่ได้ หรือว่าพูดเรื่องนี้ออกไป ลูกสาวของเธอ

ก็จะตกอยู่ในอันตราย

จริงๆแล้ว การที่ถูกกู้อานหยานไล่ออกมานั้น สำหรับซินแล้ว ก็ถือเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง
แต่เธอแค่ไม่ได้คาดคิด ว่าจะมีวันที่กู้อานหยานมาหาเธอถึง หน้าบ้าน

“ฉันรู้แค่นี้แหละ ส่วนเวลาปกติ กู้เวยจือก็ให้ฉันรายงานเรื่อง ของคุณท่านหญิงกับเธอทุกเรื่อง”

แต่เวลาปกติของคุณท่านหญิง นอกจากจะออกไปเดินเล่น “ บ้างบางครั้ง ก็จะเป็นการพักผ่อนทั้งหมด ก็เลยไม่มีอะไรที่จะ ต้องรายงาน”

สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดหมดแล้ว เธอหันไปมองที่กู้อานหยาน ด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่ก็ทําอะไรไม่ได้

“กู้อานหยาน จำสิ่งที่คุณรับปากฉันไว้ด้วย และตอนนี้ฉันไป ได้แล้วใช่ไหม?”

นอยากจะออกไปจากที่นี่มาก แต่หยางอีกลับยื่นมือออกมา ขวางเธอไว้

กู้อานหยานส่ายหน้า”ปล่อยเธอไปเถอะ ในเมื่อเธอไม่ยอม ออกมาเป็นพยานให้ ถึงให้เธออยู่ต่อมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เบื้องหลังของเรื่องนี้มันไปเกี่ยวข้องกับ สาวน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพัวพันกัน อย่างน้อยๆเธอก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

หยาง รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ในเมื่อหาผู้หญิงคนนี้เจอ แล้ว ก็ให้เธอยอมรับกับสิ่งที่เธอเคยได้ทำลงไปสิ

ถ้าหากว่าเธอสามารถไปเป็นพยานต่อหน้าคุณชายใหญ่ อย่างน้อยๆคุณชายใหญ่มู่ก็สามารถเชื่อใจกู้อานหยานขึ้นมา เล็กน้อย

เขาทนดูเรื่องที่คุณชายใหญ่มู่เชื่อกู้เวยจือ แต่ไม่เชื่อในกู้อาน หยานไม่ไหวแล้ว!

“ให้เธอไปเถอะ” กู้อานหยานหมุนตัว แล้วเดินมุ่งไปอีกด้าน หนึ่งของซอย

หยาง ก็ทําอะไรไม่ได้ เลยทําได้แค่ปล่อยซินไป แล้วเดิน ตามหลังของกู้เวยจือไป

“หยานหยาน เธอจะไม่ให้เขาไปเป็นพยานต่อหน้าคุณชาย ใหญ่มู่จริงๆเหรอ?”

โอกาสดีๆแบบนี้ มันหายากนะ!

ในเมื่อซินคนนี้ยอมเปิดปากพูดความจริงออกมาแล้ว งั้นการ จะทําให้เธอไปเป็นพยานให้ มันก็ไม่ได้ยากแล้วนะ
ถ้าบังคับเธออีกสักนิด บางทีเธออาจจะยอมก็ได้

“นายไม่ได้ยินที่เธอพูดหรือยังไง? ว่าคนพวกนั้นเอาลูกสาว ของเธอมาข่มขู่ ”

ถ้าหากแค่บอกพวกเขา แล้วสามารถเอาแฟนของตัวเองกลับ มาได้ ซินก็จะยินยอมแบบไม่ต้องสงสัย

แต่ ถ้าหากต้องนำเอาลูกสาวของตัวเองมาเสี่ยง ในฐานะที่ เป็นแม่คนหนึ่ง กู้อานหยานมั่นใจว่า จะไม่มีใครยอมเด็ดขาด

ถึงแม้เธอจะต้องเสียแฟนคนปัจจุบันไป ซินก็จะไม่เอาลูกสาว ของตัวเองมาเสี่ยงเด็ดขาด ดังนั้น บังคับเธอแล้วมีประโยชน์ อะไร?

แล้วยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอยังไม่สามารถรับรองความปลอดภัย ของลูกสาวซินได้ เธอก็ไม่กล้าเสี่ยง

คนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น ถ้าหากถึงขั้นทำร้ายคุณท่านหญิง ได้ งั้นวิธีการที่เขาจะใช้กับพวกเธอก็คงจะโหดร้ายน่าดู เธอ แค่ลองคิดดู

แม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง พวกเขาก็ไม่ยอมออมมือให้

“กลับกันเถอะ” เธอดึงสายตาที่ดูเศร้าของเธอเก็บไว้ และ บอกตัวเอง อย่างน้อยๆเธอก็ได้รู้ความจริง
หยางอีถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นมาแบบไม่เต็มใจ: “ก็ได้ ตอนนี้พวกเราไม่มี..………….

เขายังไม่ทันจะพูดจบประโยค อยู่ๆตรงปากซอยที่อยู่ข้าง หลังของพวกเขา ก็มีเสียงดังกระหึ่มขึ้นมาทันที……..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ