ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่206 เขามาทำอะไร



บทที่206 เขามาทำอะไร

บทที่206 เขามาทำอะไร

ว่ากันว่าเมื่อวานตอนกลางคืนมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นที่ด้านนอก ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว

หานมินจูนถูกชน

“ฉันรู้ข่าวนี้ ได้ยินว่าหานมินจูนสร้างเรื่องขึ้นมา แต่สุดท้ายกลับ โดนชนจนเจ็บเสียเอง

ข่าวคราวของเห้อหลิงจือมักจะแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนยัง ไม่ทันจะออกไปที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว ข่าวนี้มันก็ถูกเธอบอก กลับมาแล้ว

“ได้ยินมาว่าเกิดการทะเลาะกันกับซูเล่ย หลังจากนั้น เลยชนกัน เข้าเพราะความประมาท

“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เหรอ ? ” ถูกชนอีกแล้ว ! ทำไมมันมี อุบัติเหตุแบบนี้บ่อยจัง ? ซูเสี่ยวหมี่ไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย

“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ คนขับรถ….คนนั้น เป็นอธิการของ มหาวิทยาลัยเจียงโจว ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
ที่แท้เห้อหลิงจือเองก็สงสัยว่าเป็นคนของซูเล่ยหรือเปล่าที่ ตั้งใจก่อ “อุบัติเหตุนี้ขึ้นมา

แต่ว่า มันไม่มีเหตุผลเลย ชมรมวาดภาพมินจูของหานมินจูน สำหรับซูเล่ยแล้วมันไม่ได้มีความน่าเกรงขามอะไรเลย

ตอนนี้ ฉินโจวออกจากการแข่งขันไปแล้ว การที่ทีมของซูเล่ยจะ ได้เป็นที่หนึ่งนั้นมันเป็นอะไรที่ไม่ต้องคิดเลย

ดังนั้น ซูเล่ยเลยไม่จำเป็นจะต้องทำร้ายหานมินจูนเลยแม้แต่นิด

เดียว

“ได้ยินมาว่าเป็นคนของหานมินจูนที่ก่อเรื่อง แต่ว่ารายละเอียด ฉันก็ยังไม่รู้เลย รู้แค่ว่าตอนที่หานมินจูนกำลังต่อสู้ยืดยื้อกันอยู่ นั้น ไม่รู้ว่าถูกใครผลักเข้า เลยถูกรถชนเข้าให้

“เจ็บตรงไหนไหม ? ” กู้อานหยานถาม

“พาไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว คนของตระกูลหานมาดูแลปกป้อง อยู่อย่างเข้มงวด เลยไม่มีโอกาสได้สืบอะไรเลย

ขนาดคนของตระกูลหานยังตื่นตระหนกกันเลย ดูๆ ไปแล้ว น่าจะ

เจ็บไม่เบาเลยล่ะ
ซูเสี่ยวหมี่มาคิดๆ ดู จู่ๆ ก็ต้องถอนหายใจออกมา “ตอนนี้ดูๆ ไป แล้ว การที่ฉินโจวออกจากทีมของพวกเราไป ก็อาจจะไม่ใช่เรื่อง เลวร้ายอะไร”

ทำไมถึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายล่ะ ? วันนี้พวกเราต้องแพ้แน่นอน” เมื่อพูดถึงฉินโจว เห้อหลิงจ๋อก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอีก

ซูเสี่ยวหมี่ถึงแม้ว่าจะเศร้าเหมือนกัน แต่ยังดีที่รู้ว่าจะทำอย่างไร ให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

“อย่างน้อย ฉินโจวออกไปแล้ว พวกเราก็ปลอดภัยอย่างไรล่ะ ไม่ใช่หรือไง ? ”

คนที่เก่งมากๆ มักจะหาเรื่องคนได้ง่ายๆ เลย ดูฝั่งของซูเลียสิ ฉินโจวเพิ่งจะคบกับซูเล่ย ก็เกิดเรื่องแล้ว

แต่พวกเขา เทียนโย่วเคยบอกแล้วว่า เมื่อวานคนที่มาจ้องมอง พวกเขา เล็กจับตาดูแล้วเพราะว่าฉินโจวออกจากทีมไป

ดังนั้น พวกเขาเลยยังปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้

“ช่างมันเถอะ ถือว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน”

กู้อานหยานเองก็ยิ้มขึ้น ก่อนจะดันพวกเขาออกไป
หยาง ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา “จะแข่งขันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ? ”

นั่นสิ จะเริ่มแข่งอยู่แล้ว จะมาร้องไห้เศร้าหมองอยู่ในสนามแข่ง ไม่ได้หรอก

“แต่ว่า นักวาดของพวกเรา….” เสี่ยวหมี่มองกู้อานหยาน “คุณ กำลังจะบอกว่า วันนี้ให้ฉันเป็นนักวาดแทนใช่ไหม ? ”

“คุณคิดว่าคุณมาเป็นนักวาด แล้วพวกเราจะได้ติดหนึ่งในสาม ไหม ? ” กู้อานหยานปรายตามอง

ซูเสี่ยวหมี่บ่นพึมพำ “ไม่”

“ดังนั้น งานในส่วนของนักวาด คุณไม่ต้องรับผิดชอบหรอก ไป เถอะ”

กู้อานหยานเดินนำออกไปก่อน ทุกคนเลยทำได้แค่เดินตามเธอ ไป ก่อนจะเดินไปทางมหาวิทยาลัยเจียงโจว

“แต่ว่า คุณไม่ให้ฉันเป็นนักวาดได้งั้นพวกเราก็ไม่มีนักวาดน่ะสิ ทําอย่างไรดี ? ”

“ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
“มองไปข้างหน้าก็ทางตันแล้ว จะไปมีทางออกได้อย่างไรกับ ? ” ซูเสี่ยวหมี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าอานหยานกำลังคิดอะไรอยู่กัน แน่ ?

จากที่นี่ไปมหาวิทยาลัยเจียงโจว ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที

ทางตันหมดแล้ว ไหนล่ะทางออก ? หรือว่าเธอคิดว่า เมื่อถึง เวลาการแข่งขัน จู่ๆ จะมีนักวาดเข้ามาหาเองงั้นเหรอ ?

หรือว่า เธอคิดว่าทีมของวันนี้ ถึงจะไม่มีนักวาด ก็สามารถเอา คะแนนกลับมาได้งั้นเหรอ ?

มันจะได้จริงๆ เหรอ ? ไม่มีนักวาดแล้ว เราก็ไม่มีแม้แต่ช่องจะ วาดด้วยซ้ำ

ถ้าไม่มีแม้แต่ช่องสำหรับวาดภาพแล้ว จินตนาการจะดีแค่ไหน ก็ ไร้ประโยชน์อยู่ดี ?

“ไปกันเถอะ พูดมากจริง

ภายในมหาวิทยาลัยเจียงโจว ยังคงเงียบสงบ มองไปทางไหนก็มีแต่หญ้าเขียวชอุ่ม เมื่อเดินเข้าไป ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของความสดชื่น

มีเสียงดังขึ้น จากลานจอดรถที่อยู่ห่างจากข้างนอกห้องออกไป ไม่ไกล จากนั้นก็มีรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่

“นั่นมันรถของหานมินจูน” เห้อหลิงจือมองเพียงครู่เดียวก็จำได้

หานมินจูนเหรอ ? ไม่ใช่ว่าเข้าโรงพยาบาลไปแล้วเหรอ ? ยัง กลับมาแข่งได้อีกงั้นเหรอ ?

มีเพียงแค่บอดี้การ์ดหลายคนลงมาจากรถ จากนั้นก็เห็นว่าหา นมินจูนถูกผลักออกมา

ใช่แล้ว ถูกผลักออกมา เพราะว่า ขาของเธอได้รับบาดเจ็บ เลย ต้องนั่งรถเข็น

หลังจากนั้น คนในทีมสิบกว่าคนก็มาหาหานมินจูน ก่อนจะเดิน เข้าไปในสนามกีฬา

เมื่อเห็นว่ากู้อานหยานอยู่ต่อหน้าพวกเขา ตอนที่เดินผ่านไป หา นมินจูนก็ยังคงโบกมือให้

ทั้งกลุ่มหยุดเดิน จากนั้นหานมินจูนก็จ้องกู้อานหยาน แล้วสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าบูดบึ้ง

“ยัยขี้เหร่ ทำไมคุณไม่รั้งฉินโจวเอาไว้ ? ”

กู้อานหยานรู้สึกถึงโชคอย่างแปลกๆ เลยพูดด้วยความใสซื่อ “เกี่ยวกับฉันอีกแล้วเหรอ ? ”

“ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะคุณขี้เหร่เกินไป จนทำให้ฉินโจวตกใจ หนีไป ตอนนี้เขาคงยังอยู่ในทีมคุณ วันนี้ซูเล่ยก็จะไม่มีทางชนะ ได้ !”

หานมินจูนกัดฟัน ก่อนจะกำมือแน่น และต่อยไปที่ใบหน้าที่เต็ม ไปด้วยฝ้ากระของกู้อานหยาน !

“ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะคุณ นั่งสารเลวเลยจะกล้ามากขนาดนี้ ไหม ? หน้าตาอย่างกับขี้ ! ทำคนจิตตกหมด !

กู้อานหยานถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

ซูเสี่ยวหมี่กับเห้อหลิงจือเองก็ปรี่เข้ามา ก่อนจะกันเธอเอาไว้ด้าน หลัง

“ถุย ! รู้ตัวแล้วใช่ไหมว่าถ้าเกิดเทียบกับซูเล่ย จะถูกหัวเราะเยาะ และกลั่นแกล้งขนาดไหน ? ”
“นั่นสิ ตัวเองทำไม่ดีเอง แล้วมาระบายอารมณ์ใส่อานหยานของ พวกเราทำไม ? ถ้าเก่งนัด ก็ไปหาซูเล่ยเลยสิ ! ”

“เธอจะไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ? ดูขาของเธอตอนนี้สิ นี่ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องโดนถ้าเกิดว่าไปหาซูเล่ยเหรอ ?

“จริงด้วย หานมินจูน ต่อจากนี้ถ้าเจอซูเล่ย ก็เดินอ้อมๆ ไปอีก ทางก็แล้วกันนะ ฮ่าๆ ……

“พวกคุณ ! ” หานมินจูนกัดฟันกรอด

บอดี้การ์ดทั้งสองคนเดินขึ้นมาข้างหน้า ก่อนจะทำท่าเหมือน กำลังจะต่อย

มู่เทียนโย่วเองก็เดินก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ ได้พูดอะไรเลย และใบหน้าก็ไม่ได้มีความโหดร้ายอะไรปนอยู่ แต่ว่าท่าทีของเขา เพียงแค่เขามองไปด้วยสายตาเย็นชา อีก ฝ่ายก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังแล้ว

“นี่เป็นมหาวิทยาลัยเจียงโจว ฉันไม่ได้เหมือนกับพวกคุณหรอก นะ”
หานมินจูนโบกมือ ก่อนจะให้บอดี้การ์ดสองคนรีบถอยออกไป

เธอบ่นพึมพำด้วยความเย็นชา “ต่อจากนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า

อีก”

“ชิ เอาแต่เห่าอยู่ได้

“นั่นสิ เก่งนักก็ไปหาซูเล่ยเถอะ”

หานมินจูนกัดฟันเอาไว้แน่น ก่อนจะให้คนเข็นออกไป

เมื่อเห็นเงาที่เดินห่างออกไปของพวกเขา อานหยานก็ถอน หายใจเบาๆ “ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ ต่อไปอยู่ข้างนอกก็ระวัง ตัวเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน”

ซูเล่ยนั้นถือว่าเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง ถึงจะร้ายลึก แต่ก็ยังไม่ได้ แสดงความบ้าออกมา

แต่หานมินจูนนั้น ถ้าเกิดยั่วโมโหมากๆ ไม่แน่อาจจะพุ่งเข้ามากัด เลยก็ได้

ซูเสี่ยวหมี่กับเห้อหลิงจือสบตากัน ก่อนจะยักไหล่ โดยที่ไม่ได้ พูดอะไร
ก็แค่โกรธน่ะ หานมินจูนคนนั้นคงจะป่วยจิตน่ะ !

เมื่อตัวเองโดนซูเล่ยทำร้ายมา เลยมาระบายอารมณ์กับอานห ยาน นี่มันไม่ใช่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ?

“เข้าไปกันเถอะ”

กู้อานหยานแทบจะไม่มีอารมณ์ขันอยู่เลย ก่อนจะเดินตรงเข้าไป ในสนามกีฬา

เธอน่าจะอมทุกข์น่าดู เพราะคนนั้นดูมีท่าทีมั่นใจเหลือเกิน

เธอค่อนข้างมั่นใจ เพราะบางทีในตาของเธอก็มีประกายออกมา

แต่ก็มีความหม่นหมองอยู่ไม่น้อย

อานหยานคิดอะไรอยู่กันแน่นะ ทุกคนเดาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงประตูของสนามกีฬา ทุกคนกลับได้ยินเสียงดังออกมา ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในเสียอีก

มีเสียงตกใจ บ้างก็เป็นเสียงกรีดร้อง เหมือนกับว่า มีคนใหญ่คน

โตอยู่กู้อานหยานมองไป ใจก็ต้องสั่นเหรอ

วันนี้เป็นวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เขามาทำอะไร ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ