ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่208 การแสดงนี้ มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจ !



บทที่208 การแสดงนี้ มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจ !

บทที่208 การแสดงนี้ มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจ !

“อานหยาน ทำอย่างไรดี จะเขียนชื่อของนักวาดว่าอะไรล่ะ ? ฉัน หรือว่าหยางอี ? ”

เมื่อมองไปเห็นว่าคนอื่นลงชื่อกันไปหมดแล้ว อีกเพียงไม่ถึงคิว ของพวกเขาแล้ว ซูเสี่ยวหมี่รู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก

คำถามนี้ ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงอย่างไร พอมาถึงตอนนี้ ก็ ไม่มีทางจะเลี่ยงได้อีกแล้ว

ไม่เป็นไร เดินไปก่อนเถอะ” กู้อานหยานยังคงไม่พูดออกมา พลางมองไปที่ลงชื่อ

ซูเสี่ยวหมี่รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก “อานหยาน……

“เป็นอย่างไรบ้าง ? ยังหานักวาดคนใหม่ไม่ได้ใช่ไหม ? ” ทีม ของซูเล่ยเดินปรี่เข้ามา

เมื่อเห็นจำนวนคนของพวกเขา ที่มีอยู่ไม่กี่คน แล้วนักวาดก็ไม่ อยู่ด้วย

เธอยิ้มบางๆ “หึ ขอโทษนะ ที่เอาตัวของนักวาดของคุณไปตอนใกล้จะแข่งขันพอดี…… ไม่สิ ก็ไม่ได้เอาไปสักหน่อย เพราะว่าเขาก็ยังไม่ได้เซ็นต์สัญญากับฉันเลย

“เขาเพียงแค่ไม่ได้อยู่กับทีมของพวกคุณต่อไปอีกแล้ว มันออก จะน่าเสียดายไปหน่อยนะ

“งั้นเหรอ ? ” กู้อานหยานดูเหมือนจะไม่ได้ใส่คำพูดท้าทายกวน ประสาทของเธอเลยแม้แต่น้อย

แต่กลับถามต่อด้วยความยิ้มแย้ม “เมื่อวานที่ชนเข้ากับหานมินจู นน่ะ มันน่าจะบังเอิญไปหน่อยใช่ไหม ? ”

“ยัยหมาบ้า ! ” เมื่อซูเล่ยได้ยินชื่อนี้ ก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

เธอลูบแขนของตัวดอง มันยังมีแผลเป็นอยู่เลย เพราะนั่นเป็น รอยที่หานมินจูนทิ้งเอาไว้กับเธอ

ยัยหมาบ้านั่นกล้ามาจิกแขนของเธอจนเกิดเป็นรอยแผลแบบนี้ กลางถนนใหญ่เนี่ยนะ!

“หึ” รอยยิ้มของกู้อานหยาน ยังคงมีความสงบนิ่งอยู่ “ดูๆ ไปแล้ว เธอเองก็ทำให้คุณตกใจอยู่ไม่น้อยเลย
“ประสาทเสีย ! ”

ซูเล่ยไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้ของเธอเป็นอย่างมาก มากจนแทบ อยากจะทำให้รอยยิ้มนี้ของเธอมันหายไปแบบไม่มีวันกลับมายิ้ม ได้อีกเลยล่ะ

ยัยผู้หญิงที่ทั้งหน้าตาน่าเกลียดและไม่มีสง่าราศีแบบนี้ เมื่อ อยู่ต่อหน้าเธอก็เหมือนตัวตลก แต่กลับกล้ามายิ้มเยาะด้วยความ มั่นใจขนาดนี้

เหมือนกับว่าขนาดตัวเอง เธอก็ยังไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ

เธอไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนเหรอ ? เอาอะไรมามั่นใจได้

นะ ?

รอยยิ้มแบบนี้ มันทำให้คนเรารู้สึกกดดันไปในตัวได้เลยล่ะ !

ซูเล่ยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ เมื่อต้องเผชิญ หน้ากับคนขี้เหร่อย่างกู้อานหยาน ก็รู้สึกเครียดขึ้นมานิดหน่อย

และมักจะคิดว่า การที่เธอยิ้มเยาะอย่างมั่นใจได้ขนาดนี้ ก็เพราะ ว่าเอมีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
แต่ว่าตอนนี้ เธอจะยังมีใครสนับสนุนอยู่อีก ? เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็น

ทางตันชัดๆ !

ซูเล่ยควบคุมลมหายใจของตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลัง เครียดเรื่องอะไรกัน

เธอพูดด้วยความแดกดัน “คนขี้แพ้แบบนี้ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉัน ถ้าเกิดว่าจะไม่ลงชื่อ ก็ขอให้หลบไปหน่อย”

“หลบไปหน่อย ! ” คนในทีมแต่ละคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันที่ เต็มไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม

“พวกเราเองก็ต้องลงชื่อ ทำไมต้องให้คุณไปก่อนด้วย ? ” ซู เสี่ยวหมี่พึมพำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ไม่คิดเลยว่ากู้อานหยานกลับดึงเธอ ก่อนจะยิ้มพลางพูดว่า “ให้ พวกเธอไปก่อนเถอะ จะช้าหรือเร็วยังไงก็ไม่กระทบกับคะแนนอยู่ แล้ว”

“นั่นสิ แต่ถึงอย่างไรพวกคุณก็ต้องแพ้อยู่แล้ว ไม่ต่างอะไรจาก การไม่ลงชื่อหรอก

คนในทีมของซูเล่ย พูดจาเสียดสีแดกดันอยู่เรื่อยไป
“ไม่มีฉินโจวแล้ว พวกคุณมันก็แค่ขยะ ยังจะมาเทียบอะไรกัน อีก ? สละสิทธิ์ไปเลยยังจะดีกว่า ! ”

ชูเสี่ยวหมี่ถูกหยางอีดึงออกไป ส่วนเห้อหลิงจ๋อเองก็ให้หลิว ช่างดึงกลับไปเช่นกัน

ถ้าไม่อย่างนั้น เดี๋ยวจะเกิดการทะเลาะกันเพราะคําพูดแย่ๆของ อีกฝ่ายได้

ในที่สุด เมื่อทีมทั้งสี่ลงชื่อเสร็จ ก็มาถึงตาของพวกเขา

เสี่ยวหมี่มองกู้อานหยาน และคิดมาตลอดว่าอานหยานจะมีวิธี ดีๆ แต่ว่า จะถึงเวลาลงชื่อแล้ว ก็ยังมีแค่พวกเขา

กู้อานหยานเดินไปพร้อมกับทุกคน ก่อนจะไปที่ลงชื่อ

ทีมของหานมินจูนกับซูเล่ยกลับไปพักตามที่ของตัวเองแล้ว เมื่อ มองมาทีพวกเขา ก็ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือว่าขาดี

ยังหานักวาดคนใหม่มาไม่ได้จริงๆ ด้วย

ยัยโง่กู้อานหยาน จ่ายเงินเสียหน่อย มันจะหานักวาดมาใหม่ไม่ ได้เลยเหรอ ?
ถึงแม้ว่าจะหานักวาดคนใหม่มาได้แต่ก็อาจจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้

เมื่อเป็นแบบนี้ ขนาดคนในทีมก็ยังไม่ครบเลย มันจะไปเทียบกัน ได้อย่างไร ?

“อานหยาน…..” คนตัดเส้นเรียบเรียงลงสีทุกๆ คนต่างลงชื่อกัน หมดแล้ว แต่ช่องของนักวาดกลับยังคงว่างอยู่

ซูเสี่ยวหมี่กำมือเอาไว้ เธอเครียดเป็นอย่างมาก หยางอีกับหลิว ช่างสบตากัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ทว่า กลับสับสนกันไปหมด

“นักเขียนล่ะ ? ” อาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะลงชื่อดันแว่นขึ้น ก่อน จะมองยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป

ช่องของนักวาด ยังว่างอยู่จริงๆ ด้วย

“นักวาด…… กู้อานหยานเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยความ ตั้งใจว่า “ฉินโจว”

“อะไรนะ ? ” ครั้งนี้ อาจารย์ที่ลงชื่อยังต้องตกใจ

หลังจากที่ฉินโจวผ่านการแข่งขันไปเมื่อสองวันก่อน ก็โด่งดังเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ เพียงแค่เป็นนักเรียนที่สนใจและติดตามการวาดการ์ตูน อยู่บ้าง รวมทั้งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเจียงโจวกับมหาวิทยาลัย หนิงโป มีใครไม่รู้จักเขาบ้างล่ะ ?

เรื่องข่าวลือแบบนี้ ไม่เพียงแค่นักเรียน ขนาดอาจารย์ยังมีเวลา มาซุบซิบกันเลย

ฉินโจวทิ้งพวกเขาไป เพื่อไปอยู่กับทีมซูเล่ย ตอนนี้ นักวาดของ พวกเขา ยังจะเขียนฉินโจวอีกเหรอ ?

“อานหยาน คุณ…บ้าไปแล้วงั้นเหรอ” คำพูดสุดท้ายนั้น ซูเสี่ยว หมี่กัดฟันแต่กลับไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง

แต่ว่าขณะที่ทุกคนกำลังทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น ก็มีเงาสูงใหญ่เดิน เข้ามาจากทางด้านหลังของพวกเขา

เขาเดินมาอยู่ข้างๆ กู้อานหยาน ก่อนจะหยิบปากกาจากที่ลงชื่อ และกรอกชื่อของตัวเองลงไปในช่องของนักวาด

ชมรมวาดภาพเมษา มีนักวาด เป็นฉินโจว !

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? นี่มันเรื่องอะไรกันนะ ? ”
“ไม่ใช่ว่าฉินโจวออกจากชมรมวาดภาพเมษาเพื่อไปกับซูเล่ย แล้วเหรอ ? ”

“นั่นสิ ไม่ใช่ว่าเขาไปอยู่ทีมซูซินเก๋อแล้วเหรอ ? ช่วงนี้ฉันเห็น เขาอยู่กับซูเล่ยบ่อยๆ

“มันเกิดอะไรขึ้น…กันแน่ ?

อาจารย์ที่รับผิดชอบการลงชื่องงเป็นไก่ตาแตก พลางมองฉิน โจวไปด้วยสายตาของตัวเอง

“คุณ….คือฉินโจวจริงๆ เหรอ ? ”

แต่ทว่าเขายังคงมีผมค่อนข้างยาว และยังคงมีหนวดเครายาว และมีท่าทีเป็นจิตรกร……….จะน่าเกลียดไปหน่อย

เป็นฉินโจวจริงๆ ด้วย ! เป็นเขาตัวเป็นๆ เลยล่ะ!

แต่ทว่าใครจะสามารถอธิบายได้บ้าง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?

“ไม่ต้องถามแล้ว เตรียมตัวแข่งเถอะ” กู้อานหยานเอามือปิดปาก ของซูเสี่ยวหมี่เบาๆ
ซูเสี่ยวหมี่มีแววตาที่เต็มไปด้วยความตกอกตกใจ เพราะว่ามี คำถามมากมายที่อยากจะถาม และมีอีกมากมายที่อยากจะพูด

สุดท้าย ก็ยังคงเป็นกู้อานหยานที่มีแววตาสงบนิ่ง เลยเอาคำพูด ทุกอย่างที่อยากจะพูดกลืนกลับเข้าไป

ไม่ต้องถามอะไรแล้วกลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดี !

หลิวซ่างจับไหล่ของฉินโจว แววตานั้นเต็มไปด้วยน้ำตา แต่กลับ ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

เขากลับมาก็ดีแล้ว จริงๆ นะ

ทีมของพวกเขา ในที่สุดก็ครบอีกครั้งแล้ว !

“หมายความว่าอย่างไร ? ” ไม่ไกลออกไป มีซูเล่ยจ้องมาพลางมี นิ้วมือที่สั่นระริก

“จะหมายความว่าอย่างไรได้อีก ? ขนาดฉันยังมองออกเลย ! ”

อันที่จริงหานมินจูนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเลย แต่ทว่า ตอนนี้เธอ มองออกหมดแล้ว
จู่ๆ พอจ้องซูเล่ย ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ….ที่แท้คุณก็คือคนที่โง่ที่สุดนี่เอง ฮ่าๆ .

ฉินโจวไม่ได้ออกจากชมรมวาดภาพเมษาเลย อันที่จริงตั้งแต่ แรก ข้อความที่ฉินโจวออกจากชมรมวาดภาพเมษาไปนั้น ก็เป็น เพราะทุกคนเห็นฉินโจวกับซูเล่ยอยู่ด้วยกัน เลยระเบิดออกมา แบบนั้น

อันที่จริง มีใครบอกหรือยังว่าจะออกน่ะ ?

เขาเคยพูดออกมาด้วยตัวเองเหรอ ว่าเขาจะไม่ลงแข่งขันในรอบ สุดท้าย ?

ไม่มีอะไรเลย มันเป็นแค่การหลอกลวงเท่านั้นเอง !

มันทำให้คนไม่จับจ้องมาที่ชมรมวาดภาพเมษา ให้คนไม่มา ทำร้ายกู้อานหยานกับทีมของเธอ !

พวกเขา…….โดนหลอกกันหมดเลย !

ไม่เพียงแค่ซูเล่ยที่ถูกหลอก เธอเองก็ถูกหลอกเหมือนกัน !

ไม่น่าล่ะ กู้อานหยานเลยมีท่าทีมั่นใจมาตลอด โดยที่ไม่หาแม้แต่นักวาดเลยด้วยซ้ำ !

ทั้งกู้อานหยาน ทั้งฉินโจว !

การแสดงนี้ มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจ !


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ