ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่159 มันเป็นความผิดของผู้ หญิงคนนั้นคนเดียว



บทที่159 มันเป็นความผิดของผู้ หญิงคนนั้นคนเดียว

บทที่159 มันเป็นความผิดของผู้หญิง คนนั้นคนเดียว

ตระกูลเจียง เป็นตระกูลใหญ่อันดับสอง ของเมืองเป่ยหลิง แต่รองแค่ตระกูลมู่

แต่ตระกูลมู่ไม่ได้ทำธุรกิจด้านความ บันเทิง ดังนั้น บริษัทการบันเทิงฮุยขวาง ที่บริษัทเจียงชื่อกรุ๊ปคุมอยู่นั้น เลยเป็น บริษัทด้านวงการบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดใน เมืองเป่ยหลิง

แน่นอน ว่ายังมีบริษัทใหญ่อย่างบริษัท การบันเทิงติ่งเส็งกับบริษัทการบันเทิงชิง เหอ ที่กำลังไล่ตามอยู่ ถึงจะเป็นระดับอย่างติ่งเส็งกับชิงเหอ ก็ เป็นสิ่งที่กลุ่มเล็กๆ อย่างพวกเขาเอื้อม ไม่ถึงเลย

อย่าพูดถึง ฮุยขวางที่เป็นที่หนึ่งในเมือง เลย

คิดไม่ถึงเลย ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ฮุยขวาง จะเล็งเห็นถึงการแข่งขันของ นักศึกษาตัวเล็กๆ อย่างพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ยังยินยอมที่จะร่วมงานกับ ทีมของนักเรียนนักศึกษาแบบนี้อีก เรื่อง นี้ มันดูน่าเหลือเชื่อด้วยตัวของมัน เองมากเกินพอแล้ว

ไม่แปลกใจเลย ที่ซูเล่ยยังยอมถอนตัว ออกจากการเป็นกรรมการ แล้วเข้ามา ร่วมแข่งขันด้วย ต้องรู้ด้วย ว่าวงการบันเทิงแบบนี้ไม่ได้ ทําแต่การ์ตูน

สําหรับการงานในด้านวงการบันเทิงนั้น การ์ตูนมันไม่ได้สำคัญมากสักเท่าไหร่ จริงๆ

บริษัทที่ซูเล่ยเคยร่วมงานด้วยก่อนหน้า นี้ ถือเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ในเมืองเป่ย หลิง

แต่เธอยังเป็นแค่นักศึกษา ถึงแม้ว่าจะ ไม่มีใครเกินในแวดวงของนักศึกษา แต่ ว่า ในด้านการ์ตูนนั้นยังไม่ได้ติดหนึ่งใน สามเลย

แต่ถ้าเกิดว่าครั้งนี้สามารถร่วมมือกับฮุ่ย ขวางในการก่อตั้งบริษัทการ์ตูนได้ ต่อ จากนี้เธอก็จะได้ไต่อันดับขึ้นไปในด้าน การ์ตูนในเมืองเป่ยหลิง

โดยรวมแล้ว สำหรับซูเล่ย มันเป็น โอกาสที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากจริงๆ !

ด้วยความสามารถของซูเล่ย ถ้าเกิด อยากจะคว้าที่หนึ่งมา ก็มีโอกาสถึงเจ็ด แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

นอกเสียจากว่า บรรดากลุ่มนั้น จู่ๆ จะมี ม้ามืดขึ้นมา

แต่ ในโลกของการเขียนการ์ตูนนั้นไม่ ได้เล็ก แต่อันที่จริงก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร

มาก

อย่างน้อยถ้าเกิดมีข่าวอะไรในวงการนี้ โดยปกติ ก็จะรู้โดยทั่วกัน

ภายในวงการนี้ ถ้าเกิดว่ามีนักเขียน เก่งๆ ก็จะโดดเด่นออกมานานแล้ว

การทำงานสายนี้จำเป็นต้องมีความหนัก แน่นมั่นคง นอกจากนี้ยังควรจะมี ประสบการณ์เยอะและค่าความนิยมอีก ด้วย

ถึงคุณจะเก่งกาจ แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีความ โด่งดัง การแข่งขันรอบตัดสิน ถ้าถึงตอน ที่เขาให้โหวตกัน ก็คงจะลำบากอยู่ไม่ น้อย

“ที่หนึ่งของครั้งนี้ จะต้องเป็นทีมของซู เล่ยแน่นอนเราไม่มีหวังอะไรแล้ว”

ในบรรดานักศึกษาอย่างพวกเขา ความ สามารถของซูเล่ยกับพวกเขานั้นไม่ เหมือนกันเลย

ในบรรดานักเรียนมีนักวาดที่เก่งกาจอยู่ ด้วย แต่ด้านชื่อเสียงอะไร ก็จะถูกเรียกว่า “นักวาดแห่งโรงเรียน

แต่ว่าซูเล่ยไม่เหมือนกัน เธอสามารถ ออกไปจากโรงเรียน และอยู่ต่อหน้าผู้คน ด้วยคำว่านักวาดการ์ตูนได้อย่างแท้จริง

“ไม่ได้มีแค่ที่หนึ่งเสียหน่อย ยังมีที่สอง ที่สามอีกไม่ใช่เหรอ ? ” กู้อานหยานพูด กับทุกคน

ขอแค่ได้ติดหนึ่งในสาม สำหรับพวกเขา มันก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว

“ก็จริง แค่ได้ที่สามก็ไม่เลวแล้ว ถึงตอน นั้น การตั้งกลุ่มของพวกเราก็จะมีชื่อ เสียง การจัดหาคนก็จะเป็นเรื่องที่ ง่ายดายเลยไม่ใช่เหรอ ? ”

ตอนนี้ซเสี่ยวหมี่ยังคงเซ็งกับการ จัดหาคนอยู่ไม่น้อย

นักวาดมากมายในสังคม มีนักวาดที่เป็น นักเรียนอยู่ไม่น้อย แต่ว่าเมื่อได้ยินทีม ของพวกเขา ที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมา ก่อน เลยไม่มีนักวาดเก่งๆ ใครยอมมา ร่วมด้วย

ครั้งนี้ พวกเขามีสิทธิ์ในการทำให้ตัวเอง โด่งดังแล้ว ดังนั้นเลยจะทำให้ดีอย่าง แน่นอน

ในสายตาของทุกคน ต่างจดจ้องไปที่ ฉินโจวโดยไม่ได้นัดหมายกัน

ฉินโจวเพิ่งจะวาดอันที่สามเสร็จ เลยลุก ขึ้นมา

“รีบมากินข้าวเร็ว” กู้อานหยานรีบทักขึ้น ฉินโจวไม่เกรงใจพวกเขาเลยแม้แต่ น้อย เดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะรีบเปิด ข้าวกล่องออกมา

หรือว่าวันหยุดนี้ มีเวลาทั้งวันเลย

ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงตอนนี้เสร็จไปถึงสาม อันแล้ว ถ้ารวมตอนบ่ายกับตอนเย็น จะ ต้องวาดได้อีกเท่าหนึ่งแน่นอน

แบบนี้ ภาคที่สองของพวกเขาก็มี โอกาสจะเสร็จทันการแข่งขัน

กู้อานหยานรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ การรีบเร่งแบบนี้มันเกินคนจริงๆ

“อันที่จริงพวกเราทำช้าลงหน่อยก็ได้ คุณอย่ากดดันตัวเองมากเกินไปเลย”

คนปกติ ไม่กินไม่นอนเลย ทั้งวันก็ไม่มี ทางวาดออกมาได้หรอก

เขาวาดได้ห้าถึงหกอันภายในหนึ่งวัน เขานี่น่ากลัวจริงๆ

ถึงพูดไป กลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อ

ฉินโจวพยักหน้า ก่อนจะยังคงกินข้าวคำ ใหญ่ โดยที่ไม่พูดสักคำ

กู้อานหยานรู้ ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ฟังเธอ หรอก

เมื่อกินเสร็จ ฉินโจวก็รีบกลับไปนั่งที่ หน้าคอมพิวเตอร์ต่อ ก่อนจะจับปากกา ขึ้นมาทำงานต่อ

เมื่อเห็นท่าที วันนี้คงจะไม่ได้พักจริงๆ

“ตอนนี้มือของเบบี้โจวมันมีค่าเป็นอย่าง มาก หัวหน้าห้อง ถ้าเกิดว่าคุณว่าง ไปตุ๋น ซุปไก่มาให้เขาหน่อยเถอะ”

“ได้เลย ! ”

วันทั้งวัน กู้อานหยานเหมือนกับทุกๆ คน ที่อยู่ทำงานที่บริษัท

ฉินโจววาดอย่างรวดเร็ว เธอต้องวาด ตามคนอื่นให้ทัน ถ้าเกิดว่าทุกคนวาด เสร็จหมดแล้ว ก็คงจะไม่เหลืออะไรให้ วาดอีก

หลังจากที่ตกกลางคืน ซูเสี่ยวหมี่ดึงกู้ อานหยานไปที่มุมหนึ่ง ก่อนจะถามเบาๆ ว่า : “วันนี้ไม่กลับเหรอ ? ”

“กลับไปไหน ? ” กู้อานหยานยังงุ่นอยู่ กับการวาดโครงร่างอยู่ “แน่นอนว่าต้องเป็นที่ของคุณชายใหญ่ มู่” ซูเสี่ยวหมี่กลอกตามองบนใส่เธอ ยัย นี่ตั้งใจกวนเธอหรือไง ?

“วันนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ ปกติคุณก็อยู่ ที่หอได้ตลอด แต่ว่า เสาร์อาทิตย์ไม่ สามารถไม่กลับไปได้ใช่ไหม ? ”

“ไม่กลับไปหรอก เขาไม่อยู่ที่บ้าน”

ตอนนี้คุณชายใหญ่มู่อยู่ที่ห้องพักว่าง เจียงเก๋อของตระกูลมู่ กำลังอยู่กับกู้ เวยจือ เธอจะกลับไปเพื่ออะไร ?

กู้อานหยานยอมรับว่าตัวเองเริ่มโกรธ ตั้งแต่แรก แต่สุดท้าย กลับรู้สึกเฉยชาขึ้น มา

เธอบอกมู่บ้านเป่ยไปแล้ว ว่ากู้เวยจือ

ไม่ใช่คนดี จะฟังหรือไม่ฟัง หรือว่าจะฟังมากน้อย แค่ไหน ก็เป็นเรื่องของคุณชายใหญ่มู่ เอง

การที่เธอเป็นคนเกลี้ยกล่อม อันที่จริง ก็ ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่มย่ามอะไรได้มาก

“งั้น คุณเองก็ไม่ไปตระกูลมู่ เพื่อเยี่ยม คุณท่านหญิงแล้วเหรอ ? ”

ก่อนหน้านี้อานหยานเองแต่เพ้อถึง อาการป่วยของคุณท่านหญิง ซูเสี่ยวหมี่รู้ ว่าอันที่จริงเธอมักจะคิดถึงคุณท่านหญิง

แต่ว่าช่วงนี้ กลับไม่ค่อยได้ยินเธอพูด ถึงคุณท่านหญิง

กู้อานหยานผลุบตาลงก่อนจะรู้สึกเจ็บ แปลบขึ้นในใจ เธออยากจะไปเยี่ยมคุณท่านหญิง อยากมาก แต่ว่าครั้งที่แล้วแววตารังเกียจ ของคุณท่านหญิง ยังคงทิ่มแทงเธออยู่

“ฉันจะไปเยี่ยมเธอ”

เธอถอนหายใจเฮือก ก่อนจะพยายาม พูดปลอบใจตัวเอง บางทีอาจจะเป็น เพราะว่าร่างกายของคุณท่านหญิงไม่ ค่อยดี เธอเลยมองผิดไป

คุณท่านหญิงเป็นคนที่จิตใจดี ไม่ควรจะ เสียรุ่นใหญ่ที่รักและดูแลเธอไปเพียง เพราะว่าการมองพลาดเพียงครั้งเดียว

ถึงเธอจะไม่รักและเอ็นดูตัวเองแล้ว แต่ ก็ยังเป็นคุณท่านหญิงที่เธอเคารพรักอยู่ เหมือนเดิม เมื่อคิดแบบนี้ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก

“ผ่านไปสักพัก ไปเยี่ยมเธอให้ดีนะ”

…ช่วงนี้เวยจืออยู่ที่ห้องพักว่างเจียง เก๋อตลอด บอกว่าเพราะไปเยี่ยมคุณท่าน หญิงได้อย่างสะดวกในทุกๆ วัน

“คุณชายน้อย คุณอยากจะให้กู้เวยจืออ ยู่ไปตลอดจริงๆ เหรอ ? ”

หลีเย่เป็นห่วงนิดหน่อย พลางลังเลเล็ก น้อย ก่อนจะพูดว่า : “คุณผู้หญิงน่า จะ..….…….ไม่ได้ติดต่อกับคุณมานานแล้ว”

น่าจะบอกได้ว่า คุณชายน้อยไม่ได้ ติดต่อกับคุณผู้หญิงมาตั้งนานแล้ว

มู่บ้านเป่ยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหยิบ คอมพิวเตอร์ออกมาจากกระเป๋า หลีเย่มองตารางเรียนของกู้อานหยาน ก่อนจะพูดว่า : “วันนี้ตอนเช้า คุณผู้หญิง ไม่มีเรียน”

มู่บ้านเป่ยขยับเท้าเล็กน้อย แต่เพียงไม่ นาน ก็เดินออกไปข้างนอกต่อไป

หลีเย่ไม่ได้ถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่าช่วง นี้คุณชายน้อยกับคุณผู้หญิงเป็นอะไร เลยตัดความสัมพันธ์อย่างอื่นออกไป หมด

แต่คนที่ชื่อว่ากู้เวยจือ เสนอหน้าต่อ หน้าคุณชายน้อยตลอดเวลา

แต่ทว่า ช่วงนี้ร่างกายของคุณท่านหญิง ดีขึ้นไม่น้อยเลย และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกู้ เวยจือหรือเปล่า

หลีเย่รู้ ว่าขอแค่เป็นเรื่องที่ดีต่อคุณท่าน หญิง คุณชายน้อยจะต้องทำให้ได้ แน่นอน

ดังนั้น ทุกๆ วันที่กู้เวยจืออยู่ที่ห้องพัก ว่างเจียงเก๋อ และยังโพสต์อะไรต่างๆ ลง บนweibo เรื่องนี้เขาไปรายงานให้กับ คุณชายน้อยแล้ว คุณชายน้อยเองไม่ได้ สนใจ

แต่เขาไม่ชอบกู้เวยจือ

ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามา คุณผู้หญิง ก็ไม่สนใจเขาอีก

ผู้หญิงคนนี้ น่ารังเกียจจริงๆ !

สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือคุณผู้หญิงไม่ สนใจเขา ถึงขนาดที่ว่าผู้หญิงข้างกายก็ ไม่อยากจะสนใจเขา แถมโทรศัพท์ก็ไม่ ยอมรับสาย เห้อ เป็นความผิดของกู้เวยจือทั้งนั้น เลย !

เพิ่งจะออกไปกับคุณชายน้อย หลีเย่ กลับได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

หลังจากวางสายไป เขาก็รีบตามไป แววตามีแสงแห่งความตื่นเต้นรอคอย : “คุณชายน้อย คุณผู้หญิงมาแล้ว น่าจะมา เยี่ยมคุณท่านหญิง”

มู่ล้านเป่ยที่กำลังจะเดินขึ้นรถไปหยุด เล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่ เขาก็ขึ้นไปบนรถ ตามเดิม……
202662398_559360078388917_5098645424099058257_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ