ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 381 พูดคำพูดนี้ในฐานะอะไร?



บทที่ 381 พูดคำพูดนี้ในฐานะอะไร?

บทที่ 381 พูดคำพูดนี้ในฐานะอะไร?

มีการจัดงานศพให้ หยานแล้ว

เพราะไม่มีใครในตระกูลมู่คอยตามสืบเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเธอ ที่มีฐานะเป็นคุณผู้หญิงใหญ่แห่งตระกูลมู่จึงมีการจัดงานศพที่ ยิ่งใหญ่อย่างอลังการ

แต่จากสายตาของกู้อานหยานแล้ว ต่อให้งานยิ่งใหญ่ อลังการแค่ไหน สิ่งสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ก็คือหลุมศพอัน โดดเดี่ยว

วันนั้นในงานศพของซูหยาน เธอเห็นมู่เจ๋อหนาน

คุณชายรองมู่ท่านนี้ แค่ระยะเวลาเพียงสองวันเขาก็แลดูผอม ซูบไปทั้งร่างกาย

ถึงแม้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจจะค่อยค่อยสงบมากขึ้น แต่เขาก็ ยังอ่อนแอเป็นอย่างมาก

เกิดในครอบครัวใหญ่เช่นนี้ พ่อไม่ใช่คนของตัวเองเพียงคน เดียวหรอก

พ่ออยู่ข้างนอก ไม่สิ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหลังนี้ หรือจะมีอีก ครอบครัวหนึ่งเป็นของตัวเอง อีกทั้งลูกๆเหล่านั้นที่อยู่ในอีกครอบครัว

สำหรับปูเจ๋อหนานแล้ว ซูหยานคือคนในครอบครัวเพียงหนึ่ง เดียวของเขาจริงๆ

เพราะว่าจะมีหรือไม่มีพ่อก็ไม่มีความแตกต่างอะไร

ตอนนี้ซูหยานจากไปแล้ว เขาจะไม่รู้สึกผิดหวังได้อย่างไร?

เมื่อจ้องมองความหดหู่ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงหน้า กู้อานหยาน ก็นึกถึงสภาพของซูหยานก่อนที่จะตายไป

“ขอให้คุณ…ครั้ง….ใส่ใจ…ลูกชายของฉัน…..”

เสียงของเธอราวกับว่ายังดังแว่วอยู่ที่ข้างหู

กู้อานหยานรู้สึกทุกข์ทรมานใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา

สิ่งที่กลัวที่สุดคือการมองเห็นการจากเป็นหรือจากตาย ภายในครอบครัว

เมื่อถึงคราวที่พวกเขาต้องเข้าไปจุดธูป กู้อานหยานอยู่ด้าน หลังของมู่บ้านเป่ย

จริงๆแล้วไม่รู้ว่าควรจะจุดธูปให้กับคุณผู้หญิงใหญ่แห่งตระกู ลมู่ในฐานะอะไรดี
แต่ รู้แค่ว่าเธอต้องการจะมา คุณชายใหญ่มู่ก็ให้เธอมา

ในครั้งนี้ เขาไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจอะไร

“คุณชายรองฟู” เธอเดินไปอยู่ตรงหน้าของมู่เจ๋อหนาน จาก นั้นมองทะลุแว่นกันแดดสีดำแล้วจ้องมองดวงตาที่แดงก่ำของ เขาคู่นั้น

“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ”

น้ำเสียงของเธอค่อนข้างแหบ อีกทั้งไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เพื่อปลอบโยนผู้ชายคนนี้

มู่เจ๋อหนานมองไปที่เธอ ริมฝีปากอันเรียวบางสั่นเล็กน้อย แต่ เขากลับไม่ได้พูดอะไร

กู้อานหยานกัดริมฝีปากล่าง สุดท้ายก็อดที่จะพูดไม่ได้ “คุณ ผู้หญิงใหญ่….ก่อนที่จะเสียฝากฉันมาบอกคุณว่า ให้คุณดูแล ตัวเองดีดี”

มู่เจ๋อหนานยังคงไม่พูดอะไรออกมา เขายังคงจ้องมองไปที่

เธอ

ในจังหวะที่กู้อานหยานกำลังจะหันหลังเพื่อเดินออกไป อยู่ๆ เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่แหบ “เธอไม่กลัวว่าความจริงจะถูก เปิดเผย แล้วทำไมถึงต้องฆ่าตัวตายด้วย?
ร่างกายของก้อานหยานค่อยๆหยุดชะงัก

คำถามนี้ เธอเองก็ไม่สามารถตอบได้

เพราะตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ

เธอหันมามองมู่เจ๋อหนาน ราวกับว่าต้องการจะพูดอะไร แต่ สุดท้ายเธอก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี

เธอพูด “ไม่ว่าจะเป็นยังไง คุณคือคนเดียวที่เธอเป็นห่วง ตลอดทั้งชีวิต ดูแลตัวเองดีดี ถือว่าทำเพื่อเธอก็แล้วกัน”

“ตกลงเธอพูดอะไรกับคุณอีก?”

กู้อานหยานส่ายหัว จริงๆแล้วซูหยานไม่ได้พูดอะไรกับเธอ

จริงๆ

มู่เจ๋อหนานที่จ้องมองเธอเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่อ่อนแอ

ในใจของเขามีคำถามต่างๆมากมาย มีสิ่งที่ไม่เข้าใจอีกตั้ง

มากมาย

กู้อานหยานถูกหลีเย่ “เชิญ” ออกไป

“มีคำพูดมากมายต้องพูดกับเขางั้นหรอ?” สีหน้าของมู่บ้าน เปียแลดูเคร่งขรึม
“ฉันแค่ไปแสดงความเสียใจด้วยเฉยๆ” กู้อานหยานก้มหน้า ลงแล้วเดินไปอยู่ด้านหลังของเขา

คุณคิดว่า ตอนนี้คุณพูดคำนี้กับเขาในฐานะอะไร?”

มู่จ้านเป่ยยิ้มอย่างเย็นชา “คนที่ทำให้แม่ของเขาตายหรือผู้ หญิงที่เขารัก?”

กู้อานหยานรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก!

คุณชายใหญ่มู่พูดจาอย่างเลือดเย็น ไม่ไว้หน้าใดใด

หลังจากวันนั้น กู้อานหยานก็ไม่ได้เจอกับมู่เจ๋อหนานอีก

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลมู่ด้วยกัน แต่ ไม่ได้อยู่ใน บริเวณเดียวกัน ราวกับว่าแยกกันอยู่โดยสิ้นเชิง

บางครั้งตระกูลมู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน คุณชาย ใหญ่มู่ไปร่วมด้วยแต่ไม่เรียกเธอไปด้วยกัน

เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลมู่ แต่กลับไม่มีความสัมพันธ์ ใดใดกับคนในตระกูลมู่เลยสักนิด

ช่วงหนึ่งเดือนหลังจากตอนนั้น กู้อานหยานเริ่มเข้าสู่โหมด แห่งการเตรียมสอบ
มู่บ้านเปียเชิญอาจารย์สอนส่วนตัว เธอโดนติวเข้มทุกวัน ทบ ทวนทุกๆบทเรียน

เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่เธอราวกับว่าโดนขังอยู่ในห้องพัก ว่างเจียงเก๋อ

จนกระทั่งหนึ่งเดือนผ่านไป มาถึงวันสอบ

“หยานหยาน ตกลงหนึ่งเดือนกว่าๆคุณเป็นอะไรไปรึเปล่า?”

ทันทีที่เห้อหลิงจือมองเห็นเธอ น้ำตาก็ไหลออกมา

จริงๆแล้วต่างก็รู้ว่า กู้อานหยานจะต้องโดนคุณชายใหญ่มู่ กักตัวเอาไว้

แต่ กู้อานหยานไม่ยอมให้พวกเขาไปหาตัวเองที่คฤหาสน์ ตระกูลมู่ ใครก็ไม่กล้าที่จะไปเพราะกลัวว่าจะทำให้เธอต้อง เจอกับความยากลําบากในวันข้างหน้า

หางตาของกู้อานหยานเปียกชุ่มเล็กน้อย

เธอก้มหน้าลง หลังจากที่พยายามปกปิดความทุกข์และความ เศร้าที่อยู่ในใจแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมาแววตาของเธอแลดู สดใส

“ฉันไม่เป็นไร ฉันมีความสุขดี คุณไม่เห็นหรอว่าฉันขาวขึ้นอ้วนขึ้น?”

คำพูดนี้ไม่ได้เป็นเท็จแต่อย่างใด

ภายในหนึ่งเดือนนี้ มู่จ้านเป่ยได้ออกคำสั่งให้เธอกินให้เต็มที่ ทุกวัน

ถ้าวันไหนที่คนรับใช้รายงานว่าเธอกินได้น้อย ในคืนนั้นเธอ

จะถูกทรมานจนร้องไห้

แต่ใจของเขาแข็งราวกับหิน ต่อให้เธอร้องไห้แล้วขอร้อง เขา ก็ไม่อ่อนข้อใดใดกับเธอเหมือนเดิม

หลังจากที่ลองดีไปสองครั้ง กู้อานหยานก็ไม่กล้าทำอีก

กิน ต้องกินให้เยอะๆ ไม่กล้าที่จะประมาทอีก

เห้อหลิงจือจ้องมองใบหน้าที่ขาวใสของเธอแล้ว เธอไม่ได้ดู อ้วนอะไรมากมาย เด็กคนนี้กินยังไงก็ไม่อ้วน

แต่ทว่า สีหน้าดูดีขึ้นมาไม่น้อยเลย

เธอถอนหายใจออกมา แฝงไปด้วยความรู้สึกระอา “แต่ คุณ….

“ไม่เป็นอะไรจริงๆ ถ้าเป็นอะไรฉันจะมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าคุณตอนนี้ได้หรอ?”

กู้อานหยานหมุนรอบตัวหนึ่งรอบให้พวกเขาดู “ไม่เป็นอะไร เห็นมั้ย?”

ไม่มีใครพูดอะไร สีหน้าของเธอดีขึ้น แต่กลับขาดความสดใส ขาดความมีชีวิตชีวา และดูเหมือนมีอะไรในใจมากขึ้น

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เมื่อรู้ว่ากู้อานหยานจะมาโรงเรียนวันนี้ หยางอีกับมู่เทียนโย่วที่ไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันก็รีบตามมาด้วย เพื่อที่จะมาเจอกับเธอ

“อืม ไม่เป็นไร” กู้อานหยานพยักหน้า แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอ

ต้องจําให้ขึ้นใจ

“วันนี้ฉัน….สามารถออกมาได้ครึ่งวัน กลับไปให้ถึงก่อนสาม ทุ่มก็พอ ฉันอยากจะไปหาเสี่ยวหมี่”

….ใช้เวลาครึ่งเช้าไปกับการสอบทั้งหมด สองวิชา พรุ่งนี้ยัง เหลืออีกสองวิชา

เมื่อพวกเขาสอบเสร็จไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่นๆที่รีบกลับไปที่

หอพักเพื่อทบทวนบทเรียน

แต่พวกเขาเดินทางไปที่โรงพยาบาล
ซูเสี่ยวหมี่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม จนถึงตอนนี้ก็ยังคงสลบ เหมือนเดิม

แต่ทว่า สถานการณ์ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

“มีบุคคลนิรนามคนหนึ่ง ให้เงินค่ารักษามาก้อนโต ยาและ อุปกรณ์ที่เสี่ยวหมี่ใช้ในตอนนี้คือของดีที่สุดทุกอย่าง”

แม้กระทั่งห้องพักผู้ป่วยก็เป็นห้องพักเดี่ยววีไอพีที่ดีที่สุดใน

โรงพยาบาลนี้

ทุกๆวันมีนางพยาบาลพิเศษสองคนมาดูแลเธอ

โดยรวมแล้ว ถ้าไม่นับที่เธอยังไม่ฟื้น สิ่งอื่นๆที่ใช้ในการ รักษาล้วนแต่ใช้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งนั้น

“หมอก็ยังคงพูดว่าไม่รู้เมื่อไรที่เธอจะฟื้นขึ้นมา บางทีอาจจะ เป็นพรุ่งนี้ เดือนหน้า บางที….

คำพูดต่อจากบางที เห้อหลิงจือไม่ได้พูดต่อ

กู้อานหยานนั่งอยู่ขอบเตียง จากนั้นกุมมือซูเสี่ยวหมี่เอาไว้ ค่อยๆดูเพื่อผ่อนคลายข้อต่อของนิ้วมือเธอ

เห้อหลิงจือพูดอีกว่า “ในทุกๆวันจะมีพยาบาลมานวดผ่อน คลายข้อต่อและกระดูกทั้งร่างกายให้กับเธอ ฝีมือการนวดของพวกเธอเป็นมืออาชีพมาก คุณไม่ต้องกังวลนะ”

อืม” กู้อานหยานพยักหน้า

จ้องมองใบหน้าที่ขาวซีดของซูเสี่ยวหมี่ หัวใจของเธอก็ ราวกับโดนเข็มทิ่มแทง เจ็บเหลือเกิน!

แต่ต่อให้เจ็บจนตายแค่ไหน มันก็ไม่มีวิธีอะไร เธอยังคงไม่ ฟื้นขึ้นมา

อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าซูเสี่ยวหมี่เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก ว่าๆ จนกระทั่งมีนางพยาบาลมาเชิญพวกเขาให้ออกไป พวก เขาจึงจะเดินออกมา

จากนั้น กู้อานหยานเดินทางกับเพื่อนๆกลับไปที่เจียงซื่อกรุ๊ป บริษัทเมษามีเดียของพวกเขา

เธอนึกไม่ถึงว่า ที่นี่เธอจะพบเจอกับผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นมา อย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว……


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ