ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่28 มีเรื่องอะไร ค่อยกลับไปเคลียร์กันที่บ้าน



บทที่28 มีเรื่องอะไร ค่อยกลับไปเคลียร์กันที่บ้าน

ผู้หญิงคนนี้มีตรรกะที่แปลกประหลาด นอกจากนี้ยังดูมีพิษมีภัยอีก ด้วย ทำให้รู้สึกหมดความอยากอาหารไปโดยปริยาย

กู้อานหยานพิงที่พนักฟัง ก่อนจะปรายตามองแล้วพูดว่า : “ดูๆแล้ว คุณแปต้องมาจ่ายเงินแทนพวกเราด้วย งั้นก็ดี ยอมให้เธอเลี้ยงสักมื้อ หนึ่งก็แล้วกัน”

บริกรเมื่อได้ยินดังนั้น ก็เดินมารออยู่เรียบร้อยแล้ว

อันที่จริงถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบเย่ฟางฟางสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ เขากังวลที่สุดก็คือทั้งสี่คนนั้นจะไม่มีเงินจ่าย

เพราะอาหารนั้นมันแพงมาก !

เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้อานหยานพูดดังนั้น บริกรจึงเดินไปหาเย่ฟางฟาง

เยฟางฟางหน้าแดงขึ้นมาทันที : “ขอโทษนะคะ พอดีวันนี้ฉันไม่ได้ เอาเงินสดมาด้วย”

“ไม่เป็นไร ใช้บัตรเครดิตก็ได้หนิ นี่มันยุคไหนแล้ว ใครเขาพกเงินสด กันล่ะ ? “กู้อานหยานพูดพลางขำไปด้วย

ซูเสี่ยวหมี่เองก็หัวเราะจนตาเป็นสระอิ เข้ากันกับกู้อานหยานได้เป็น อย่าง ดี : “ฉันว่าพี่ไม่มีเงินแม้แต่จะสี้ยงข้าวพวกเราใช่ไหมล่ะ ?”

หยางอีรีบพูดต่อว่า : “ถ้าไม่มีเงินเลี้ยงข้าวพวกเราก็ไม่ต้องมาทำ เป็นเรียกร้องความสนใจต่อหน้าพวกเราได้ไหม ฉันคิดว่าเธอจะใจ กว้างกว่านี้ซะอีก”

ถึงแม้ว่ามู่เทียนโย่วจะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาลึกๆแล้วเขาก็แอบยิ้ม อยู่เหมือนกัน

คนที่มีนิสัยเย็นชาจนเป็นนิสัยแล้ว พอยิ้มขึ้นมาที่ไร ดูมีเสน่ห์มาก เหลือเกิน

แต่ทว่าตอนนี้ เยฟางฟางคงจะไม่มีอารมณ์ไปนั่งมองหรอกว่าเขา หล่อหรือน่าเกลียดอย่างไร

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าการที่เธอคิดจะมาดูอะไรตลกๆแบบนี้ จะ กลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองซะงั้น

เธอมองไปที่กู้อานหยาน ก่อนจะทำหน้านิ่งใส่พลางพูดว่า : “กู้อานห ยาน ฉันไม่ได้สนิทกับเธอขนาดนั้นนะ ถ้าเธอไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องมากิน ร้านหรูขนาดนี้”

กู้อานหยานกลับไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ แต่มองไปทางคนที่มากับ เธอ : “คืนนี้อยากจะนอนที่โรงแรมนี้กันไหม ?”

ทั้งสามคนส่ายหัวพร้อมๆกันโดยทันที ถ้าเข้าพักที่นี่คืนละตั้งเท่า ไหร่ ? ไม่ ! แค่คิดยังไม่กล้าเลย ! แค่ข้าวมื้อนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะจ่ายยังไง !

“ฉันว่า”กู้อานหยานหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้กับ พนักงาน : “ดูๆแล้วเพื่อนคนนี้คงจะไม่มีเงินช่วยฉันจ่าย แถมยังพล่าม อยู่ได้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนถังแตกแบบนี้”

“ช่วยไปดูให้หน่อยสิว่ามีห้องว่างแบบที่นอนได้สี่คนไหม”

คืนนี้เธอจะไม่กลับไปนอนที่บ้านตระกูลมู่ และแน่นอนว่าเธอก็ไม่ อยากกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเลือกพักที่นี่ก็ ถือว่าไม่แย่นัก

ไม่ว่าคนของมู่เจ๋อหนานจะโหดร้ายถึงเพียงไหน ก็คงไม่มีทางเข้ามา ก่อเรื่องในโรงแรมหรูขนาดนี้ได้

เย่ฟางฟางมองค้อน เมื่อเห็นว่าบัตรที่ยื่นให้กับพนักงานเป็นถึงแบล็ กการ์ดระดับไดมอนด์ !

แบล็กการ์ดระดับไดมอนด์ ! นั่นมันบัตรที่มีกำหนดอยู่หนิ ! บัตร แต่ละใบต้องมีเงินไม่น้อยกว่าห้าสิบล้าน แถมยังไม่กำหนดขั้นสูงสุด ซะด้วย !

คนจนอย่างกู้อานหยาน ทำไมถึงมีบัตรแบบนี้ได้นะ ?

เมื่อพนักงานเห็นบัตรดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที เขาพลันยิ้มขึ้น ก่อนจะพูดว่า : “ผมจะจัดห้องสูทให้นะครับ” “เดี๋ยวก่อน ! เป็นไปไม่ได้ ! “เปฟางฟางขัดขวางพนักงาน ก่อนจะ โพล่งขึ้นว่า : “นี่รู้ไหมว่าเธอคนนี้เป็นใคร ? เขาเป็นแค่คนในตระกูลกู้ ที่ไม่มีใครใส่ใจก็เท่านั้นแหละ ! ”

“ทั้งตระกูลกู้ไม่มีทางมีบัตรแบบนี้อยู่แล้ว เธอที่ไม่ใช่ลูกรักแบบนี้จะมี ได้อย่างไร ? เป็นไปไม่ได้ ! ”

ถึงจะบอกว่าขั้นต่ำต้องมีถึงห้าสิบล้าน แต่ความเป็นจริง สำหรับคน ชนชั้นสูงแบบนั้นแค่ห้าสิบล้านมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก

แต่ถึงแม้ว่าจะต้องมีถึงห้าสิบล้านก่อนถึงจะมีบัตรนี้ได้ แต่ทุกๆ ธนาคารก็มีกำหนดอยู่ โดยที่ไม่ต้องพูดถึงบัตรระดับไดมอนด์เลย

สามารถพูดได้ว่า ถ้าเกิดมีเงินน้อยกว่าแสนล้านธนาคารปกติคงจะ ไม่ยอมให้เปิดบัตรได้ง่ายๆ !

ถ้าเอามูลค่ากิจการทั้งหมดของตระกูลกู้มารวมกัน ก็ยังคงห่างไกล จากแสนล้านไปเยอะ คนคฤหาสน์ตระกูลมู่ จะเปิดแบล็กการ์ดระดับ ไดมอนด์ได้เหรอ ? มันจะตลกมากไปแล้วมั้ง !

“บัตรใบนี้ต้องเป็นบัตรปลอมแน่เลย เธอไปตรวจสอบให้ดีๆก่อน ! ”

ทั้งสามคนนั้นเองก็มองไปที่กู้อานหยานเหมือนกัน แน่นอนว่าพวกเขา ไม่ได้สงสัยว่ามันเป็นบัตรปลอมรึเปล่า เพียงแต่สงสัยว่าเธอไปเอามา จากไหน ?

คนที่อยู่รอบข้างเองก็มองกู้อานหยานเหมือนกัน และมองจากหัวจรด เท้า เลยทีเดียว

แบล็กการ์ดระดับไดมอนด์นั้นระดับสูงกว่าแบล็กการ์ดทั่วไปอยู่แล้ว แล้วท่ามกลางคนเหล่านั้น ไม่มีใครสักคนที่มีบัตรนั้นได้

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยกระแบบนี้ไม่ใช่แค่ไม่สวยแต่จะเรียกว่าน่า เกลียดเลยก็ได้ แล้วจะไปเอาบัตรแบบนี้มาจากไหนกัน ?

ถ้าไม่ใช่บัตรปลอม งั้นก็คงเป็นบัตรที่ …ขโมยมาเหรอ ?

ขณะที่พนักงานกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ทันไดนั้น กลับได้ยินเสียง ทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา : “จะหมายความว่า บัตรของฉันคือ บัตรปลอมงั้นสิ ? ”

บัตรของเขา..

สายตาของทุกคน มองไปที่เขากันทั้งหมด

กู้อานหยานคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่ ! ทำไมมันถึงบังเอิญ ได้ขนาดนี้ !

คุณชายใหญ่มู่ มีหลีเย่กับเย่หานดินตามมาติดๆ พวกเขาเดินออกมา จากลิฟต์ ก่อนจะเดินมาท่ามกลางผู้จัดการโรงแรมและพนักงานที่ล้อม รอบอยู่

บริกรที่ถือจานอยู่ก็จำหน้าได้ในไม่ช้า และเดินมาต้อนรับโดยทันที ก่อนจะพูดต้อนรับขึ้นว่า : “คุณชายมุ นี นี่เป็นบัตรของคุณเหรอ ครับ ?” มู่จ้านเป่ยยังไม่ทันจะพูดจบ บริกรก็หยิบบัตรขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ด้านหลังของบัตรนั้น มีชื่อเขียนอยู่ เป็นชื่อของมู่จ้านเป่ยพอดีเลย !

ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึงกันหมด ! หญิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยกระ อย่างนี้ กลับรู้จักคุณชายด้วย !

“อานหยาน…”ซูเสี่ยวหมี่พูดเสียงเบาพลางดึงมีอของกู้อานหยาน

หรือว่า ที่เย่ฟางฟางพูดว่าเธอรู้จักกับคุณชายมูและคุณชายที่สอง ของตระกูลมู่นั้น เป็นเรื่องจริงเหรอ ?

แต่ทว่า ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อเลยไม้แต่น้อย อานหยานจะทำแบบนี้ ได้เหรอ

กู้อานหยานกลับรีบลุกขึ้นมาทันที ก่อนจะมองไปที่มู่จ้าน เป้ย : “คุณชาย ฉันขอเวลาคุยด้วยสักหน่อยได้ไหม ? ”

“วันนี้ฉันยังติดธุระอยู่ เดี๋ยวตอนเย็นๆกลับบ้านแล้วค่อยคุยกันนะ”มู่ จ้านเป่ยมองเธอเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันตัวเดินไปทางห้องรับแขก ส่วนตัว

เย็นๆ..กลับบ้านแล้วค่อยคุยกัน ! กลับบ้าน !

หรือว่า ผู้หญิงคนนี้กับคุณชายใหญ่อยู่บ้านเดียวกัน ?

สรุปว่าเธอเป็นใครกันแน่นะ ? หรือว่า เมื่อสองวันก่อน หญิงที่ต้อง หมั่นกับคุณชายมุในวัน นั้น และผู้หญิงที่หลีกเลี่ยงการหมั้น คือกู้อานห บานเหรอ? ในสังคมของนักธุรกิจนั้นใครๆก็รู้เรื่องนี้ แต่ว่าพวกซูเสี่ยวหม่นั้นไม่ใช่ นักธุรกิจอะไรจึงทำให้ข่าวไม่ได้ตั้งขนาดนั้น

กู้อานหยานเองก็ไม่ได้ชอบพูดถึงเรื่องภายในบ้านอยู่แล้ว พวกเขา เลยไม่รู้ว่าอานหยานหมั้นกับคุณชายมุ่เอาไว้แล้ว

แต่ทว่าในตอนนี้ คำพูดของคุณชายมุ่นั้น ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากู้อาน หยานนั้นเป็นคนของเขา

เป็นคนของเขาแล้ว ใครจะไปกล้าหือล่ะ !

ดูแล้วเย่ฟางฟางกลายเป็นคนโง่ไปเลย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ากู้อานหยาน นั้นมีความสัมพันธ์บางอย่างกับมู่จ้านเป่ย แต่ทว่า ความสัมพันธ์นั้นม มันไม่ดีเลยสักนิดไม่ใช่เหรอ ?

ลูกพี่ลูกน้องกู้เวยจือเองยังพูดเลย ว่าคนที่คุณชายมู่เกลียดมากที่สุด ก็คือกู้อานหยาน

แต่ที่เห็นเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าคุณชายมุ่จะไม่ได้พูดอะไรกับกู้อานหยาน สักคำ แต่ว่า น้ำเสียงที่พูดออกมานั้น ราวกับว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน

จริงๆ

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกันนะ ?

“หยู่เขียน…”

เมื่อเห็นมูหยู่เซวียนเดินมา เย่ฟางฟางทำท่าที่ราวกับว่าเห็นฟางเส้น สุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเธอได้ เธอเลยรีบปรี่เข้าไปหา

มู่หยู่เซวียนกลับไม่มองเธอเลยสักนิดเดียว แต่กลับรีบเดินตามมู่จ้าน เป่ยไป : “พี่ พี่เองก็มาแล้ว บังเอิญจังเลยนะ”

“อือ”มู่จ้านเป่ยพยักหน้า แต่กลับไม่หยุดเลยแม้แต่ก้าวเดียว

หลี่ เย่ พูดแทรกมูหยู่เซวียนขึ้น : “พี่นัดเพื่อนมาตั้งหลายคน หยู่เซวี

ยนเองก็มาด้วยเหรอ ?”

“ฉัน ….ร่วมด้วยได้เหรอ ? “มู่หยู่เซวียนประหลายใจ พลางมองมู่จ้าน เป้ยด้วยแววตาของความยกย่องนับถือ !

“ได้สิ ได้อยู่แล้ว”

มู่หยู่เซวียนรีบเดินตามหลังหลีเย่ไป เย่ฟางฟางถูกเขาทิ้งเอาไว้ ขนาดแววตาของเขายังไม่หันกลับมานอนเลยแม้แต่น้อย

มีใครไม่รู้บ้าง ว่าคนสที่สามารถกินข้าวกับคุณชายมุได้ ล้วนแล้วแต่ เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองเป่ยหลิงทั้งนั้น

แค่ไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณชาย ก็สามารถมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นตั้งไม่รู้ เท่าไหร่แล้ว มีใครจะไม่เต็มใจจะไปบ้างล่ะ ?

“หยู่เซวียน..”เปฟางฟางรีบเดินตามไป “เธอไปแล้ว แล้วจะให้ฉันทำ อย่างไรล่ะ ?” “เดี๋ยวค่อยคุยกัน”มูหยู่เซวียนต้นมือเธอที่เกาะเขาอยู่ออก ก่อนจะรีบ เดินตามคนข้างหน้าไป

“หยู่เซวียน..”เย่ฟางฟางยังอยากจะเดินตามไป แต่กลับถูกผู้ จัดการโรงแรมขวางเอาไว้

สายตาของเธอมองตามเขาที่กำลังเดินเข้าไปในห้องVIPระดับสูง เป ฟางฟางลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างมาก

ซูเสี่ยวหมีกลับยิ้มขึ้นพลางพูดว่า : “เห้อ คุณlt ถังทองของคุณเดิน จากไปแล้ว แต่ว่า ข้าวมื้อนี้เหมือนจะยังไม่ได้จ่ายตังใช่ไหม ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ