ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 75 ยอมแพ้ จะไม่แลกมาเป็นความปรานี



บทที่ 75 ยอมแพ้ จะไม่แลกมาเป็นความปรานี

หอยทากทองคำหนึ่งจาน เทียบเท่ากับยอดขายทั้งวันของบริษัทเขา วิธีการ พูดเช่นนี้แน่นอนว่าเวอร์เกินไปแล้ว

แต่ว่า หอยทากทองคำจะไม่ใช่หอยทากธรรมดา เป็นหอยทากในทะเลลึกที่ ยากจะได้เจอ

บวกกับการใช้ฝีมือเป็นเอกลักษณ์ทำขึ้นมา ต้องกรีดเนื้อหอยทากออกมาทั้ง ตัวก่อน เอาส่วนที่ไม่ดีตัดออกไป ใช้คาเวียร์เกรดสูงและรวมกับเนื้อหอยทาก แล้วนำไปแช่แข็งอีก

ในเวลาเดียวกัน เปลือกของหอยทากทองคำใช้ช้อนขนาดเล็กที่สั่งทำเป็น พิเศษทําการทําความสะอาดอย่างเรียบร้อย วางหอยเม่นทะเลสีทองหนึ่งชั้น อยู่ในเปลือกหอยทากอีก

หลังจากนั้น ใช้คีมที่เล็กมาก วางเนื้อหอยทากที่แช่แข็งรวมกับคาเวียร์ส่ง กลับคืนไปในเปลือกหอยทาก

สุดท้าย ย่างอยู่ในเตาอบสิบวินาที

ไม่มากไม่น้อย ก็คือสิบวินาที

หอยทากทองคำที่หอมกรุ่นๆเผ็ดๆร้อนๆ ก็สามารถออกมาจากเตาอบได้แล้ว

ก็หอยทากทองคําหนึ่งชุดเช่นนี้ ต้นทุนวัตถุดิบยังคงเป็นที่สอง หนึ่งจานมาก ที่สุดก็คงเป็นหมื่นต้นๆเท่านั้น แค่ว่า ต้นทุนการทำนั่นช่างน่ากลัวจริงๆ

เพื่อจะรับรองถึงความสดกับรสชาติ เวลาการทําจะต้องควบคุมอยู่ในระดับ มาตรฐานเดียวกัน

นี่ก็ต้องใช้คนรับใช้มากมายมาทำด้วยกัน อย่างน้อยก็ต้องสิบกว่าคน

คนทั่วไป ที่ไหนมีคนรับใช้สิบกว่าคนมากเช่นนี้หรือ? ก็มีเพียงแต่บ้านหลัง ใหญ่ของตระกูลมู่อย่างนี้แล้ว

ตระกูลหรือ? ฝันไปเถอะ !

ดังนั้น ลูกสาวที่ตระกูลกู้เลี้ยงมา เกรงว่าทั้งชีวิตก็ไม่เคยกินของเช่นนี้

คนรับใช้เอาหอยทากทองคำ ส่งไปถึงจานของอานหยาน คนบริเวณนั้นล้วน หยุดลงมา แต่ละคนจ้องมองอานหยาน รอดู เรื่องสนุก

ตระกูลกู้ไม่ได้เป็นตระกูลใหญ่อะไรจริงๆ อ่านหยานก็ไม่ใช่คุณหนูของบ้าน ที่มีเงินอะไร หอยทากทองคํา เธอจะกินเป็นหรือ?

ก็คือพวกเธอ ก็แค่มาทันวันงานเลี้ยงตระกูลของตระกูลมู่ จึงมีโอกาสได้กิน

ยามปกติ นั่นคือแม้แต่คิดก็ไม่กล้าคิด

กู้อานหยานครั้งนี้ เกรงว่าจะต้องขายหน้าแล้วจริงๆ

กู้อานหยานจ้องมองหอยทากทองคำที่คนรับใช้ส่งมา บนใบหน้าไม่มีสีหน้า อะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่หันหน้า ไปเอาถุงมือคู่หนึ่งมาจับคนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้าง หลัง

เธอใส่ถุงมือขึ้นมา หยิบส้อมเล็กๆที่สั่งทำเป็นพิเศษอยู่ข้างๆขึ้นมา ส้อมเล็กๆ เสียบเข้าไปในหัวหอยทากของหอยทากทองคำ

จากนั้น เธอก็หยิบซ้อนเล็กๆ ที่สั่งทำเป็นพิเศษอยู่ข้างๆขึ้นมาอีก เคาะเบาๆอยู่ บนเปลือกหอยของหอยทากทองคํ

เปลือกหอยแยกเป็นสองชั้นตกอยู่บนจาน และหอยทากทองคำที่แฝงไว้ด้วย คาเวียร์กับหอยเม่นทะเลสีทองถูกย่างจนเป็นสีทองเนื้อหอยทากทั้งชิ้นก็ ปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั้งหลายเช่นนี้

นี่ยังไม่จบ อานหยานเสียบเนื้อหอยทากไว้ จิ้มน้ำจิ้มคาเวียร์ รสชาติเป็น เอกลักษณ์ที่อยู่ข้างๆ นี่จึงส่งเข้าไปในปากได้

ค่อยๆเคี้ยวกลืน เสพสุขอย่างสุดขีด! รสชาติไม่ธรรมดาเหลือเกินจริงๆ

เธอกินเป็น! เธอถึงกับกินเป็น!

คนหนึ่งขัดสนข้นแค้น จะกินหอยทากทองคำเป็นได้ยังไงล่ะ?

มู่เสงี่ยนเอ๋อตีให้ตายก็ไม่ยอมเชื่อ หอยทากทองคำนี้ แม้ว่าอยู่ร้านอาหารข้าง นอกก็ยากจะได้กิน

อยากกิน ยังต้องจองไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการทำด้วยมือซับ

ซ้อนเหลือเกินจริงๆ!

เธอจะเป็นไปได้ยังไงหรือ? ยามปกติเธอย่อมไม่มีปัญญากินอย่างแน่นอน! พี่ใหญ่ต่อการกินไม่ได้พิถีพิถันเท่าไหร่เลย อยู่ข้างนอกเขาก็คือจะไม่สั่งเมนู ที่ยิ่งยากเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพาผู้อ่านหยานไปกิน

ทำไมเธอเข้าใจเทคนิคการกินหอยทากทองคำล่ะ?

ในเวลานั้น คนทั้งหลายตะลึงงันสักพัก ล้วนตั้งตัวไม่ทัน

เป็นยังไงแล้วหรือ? มีปัญหาอะไรไหม?” อานหยานกะพริบตา ความไร้ เตียงสาเต็มหน้า

คิดไปคิดมา จู่ๆคิดอะไรได้อีก เธอยิ้มกล่าวว่า “คือเพราะว่าฉันไม่ได้ใช้วาซา หรือ แต่แท้จริงแล้วหอยทากทองคำนี้ไม่ควรจิ้มวาซาบจริงๆ จะทำลาย รสชาติหวานสดชื่นดั้งเดิมของมัน

เธอถอดถุงออก คนรับใช้เข้ามาเก็บถุงมือกลับไปทันที

เห็นไม่มีคนพูด กู้อานหยานก็ไม่สนใจพวกเขาแล้ว ยกแก้วขึ้นมา จ้องมองห

ยาน

“คุณผู้หญิงใหญ่ คุณคือผู้ใหญ่ ฉันคารวะคุณหนึ่งแก้วก่อน”

ซูหยาน จึงรู้สึกตัวกลับมา ยกแก้วขึ้นมาทันที ชนแก้วกับเธอ

คนอื่นๆก็ทยอยเก็บความตะลึงงันที่เต็มหัวใจขึ้นมา เอาความคิดวางกลับไปที่ บนโต๊ะอาหาร

แม้แต่หอยทากทองคําก็กินเป็น ดูแล้ว อยากจะเห็นคุณผู้หญิงในอนาคตของ ตระกูลมู่คนนี้ขายหน้า ช่างไม่ได้ง่ายดายจริงๆนะ กู้อานหยานยกแก้ว น ชิมนิดๆหนึ่ง จ้องมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ รอยยิ้มที่ มุมปากค่อยๆลึกขึ้น

ไม่มีใครรู้ ชาติก่อนเธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับตระกูลมานานแล้วหลายปี

สิ่งของอะไรดีๆ เธอจะไม่เคยกินไม่เคยเห็นหรือ?

ปูเสงี่ยนเอ๋อเด็กเมื่อวานซืนนี่ ทั้งๆที่โตกว่าเธอหนึ่งปี ความคิดเหมือนกลับเด็ก

มาก

“ได้ยินว่าบริษัทกู้ชื่อกรุ๊ปช่วงนี้ไม่ราบรื่นมาก บริษัทขาดทุน ถึงขั้นที่ว่าต้อง ขายลูกสาวจึงสามารถบริหารงานต่อไปได้ล่ะ

มู่เสงี่ยนเอ๋อก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมา กลับไม่ได้ดื่มสักคำ สายตาที่ดูถูก กวาด ผ่านใบหน้าที่อัปลักษณ์ของอานหยานใบนั้น

คำพูดรุนแรงเช่นนี้ ก็เพียงแค่คุณหนูของตระกูลมู่จึงสามารถพูดออกจาก

ปากได้

คนทั่วไป ยังไม่กล้าพูดจริงๆเลย อย่างไรก็ตาม ไร้มารยาทเหลือเกินจริงๆ

แล้ว

แต่ว่า คุณหนูของตระกูลมู่ก็คืออยู่เหนือกว่าเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ไร้ มารยาทก็จะเป็นยังไงอีกหรือ? ใครๆก็ไม่ตำหนิ

ก็แม้แต่คุณผู้หญิงใหญ่ซูหยานคนนี้ อยู่ต่อหน้าพวกเธอก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร

คนอื่นหรือ?ดูความคึกคักก็พอแล้ว

กู้อานหยานจ้องมองมู่เสงี่ยนเอ๋อ ได้ยินคำพูดยั่วยุเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ โมโห กลับเปิดปากยิ้ม

“คุณหนูหกดูเหมือนซอบไปรับฟังมาก หูได้ยินเป็นเท็จคุณหนูหกไม่รู้หรือไม่ น่าล่ะ นิดๆหน่อยๆก็ถูกคนที่มีใจแอบแฝงหลอกได้

นั่นอะไรคนที่มีใจแอบแฝง ที่พูดถึงก็ไม่ใช่เป็นฟางเฟยเมื่อกี้หรือ?

” เสงี่ยนเอ๋ออยากขึ้นอีก

อานหยานกลับเก็บรอยยิ้ม กล่าวอย่างราบเรียบว่า “รู้ว่ารอบริษัทกู้ชื่อกรุ๊ป ไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณหนูหกค่อยมาห่วงใยอีกก็ไม่สาย

สำหรับคำพูดที่ได้ยินมาเหล่านั้น คุณหนูหกก็ยังอย่าไปเชื่อง่ายๆดีกว่า ถ้ามี ฉะนั้น คนอื่นคงคิดว่าคุณหนูของตระกูลแม้แต่สมองก็ไม่มี คนพูดอะไรก็เชื่อ อย่างนั้น

“อานหยาน แกหาที่ตายใช่หรือไม่?” มู่เสงี่ยนเอ๋ออดไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ยกแก้วเหล้าขึ้นมา

“ฉันจะไปดื่มคารวะกับคุณย่าแล้ว คุณหนูหก จะไปด้วยกันไหม?”

ครั้งนี้กู้อานหยานก็ลุกขึ้นมาด้วย เหลือบตามองเธอกล่าวว่า “ครั้งนี้คุณสา ฉันจะไม่หลบแน่นอน แต่ว่า เหล้าของคุณย่า ฉันก็จะไม่ไปคารวะไม่ได้

“แก… มู่เสงี่ยนเอ่อโมโหจนถือแก้วเหล้าไว้ แม้แต่นิ้วก็ล้วนสั่นอยู่

เธอถึงจะกล่าข่มขู่เธอคนขัดสนข้นแค้นฅนหนึ่ง มีสิทธิอะไรหรือ? เหล้าแก้วนั่นเกือบจะสาดออกไปหลายครั้ง แต่ว่า ในที่สุดมู่เสงี่ยนเอ๋อก็ล้วน อดทนไว้ได้

ได้ยินว่าคุณย่าชอบอีนังเด็กคนนี้มาก ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ถ้าหากว่าตนเองสาด เธอไปทั้งตัว เธอไปฟ้องกับคุณย่าที่นั่นจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่สนุกเช่นนั้นแล้ว

อานหยานคือไม่กลัวเธออย่างแท้จริง

มู่เสงี่ยนเอ๋อก็เพียงกล้าวางอำนาจบาตรใหญ่ ในระหว่างพวกผู้หญิง รังแกคน อ่อนแอสักหน่อยเท่านั้น

ถ้าหากว่าโวยวายจนถึงพวกผู้ชายฝั่งโน้นไปจริงๆ เธอคือไม่กล้าล่ะ

“คุณหนูหกไม่สาดแล้วจริงๆ หรือ? ถ้าหากว่าคุณไม่สาด ฉันก็จะไปดื่มคารวะ

แล้วนะ”

แท้ที่จริง ก็โทษเธอทะยานสูงเกินไปไม่ได้จริงๆ ความจริงคือ มาถึงสถานที่นี้ เธอก็ไม่สามารถทําตัวค้อมต่ำจริงๆ

การประสบของซูหยานทำให้เธอเข้าใจถึงหลักธรรมเช่นนี้ มีแต่ยอมแพ้อย่าง เดียว สิ่งที่แลกมาจะไม่ใช่ความปรานี้อย่างแน่นอน แต่ว่าคือ การรังแกที่ได้คืบ

จะเอาศอก

เธอเป็นคุณผู้หญิงใหญ่แท้ๆ แม้กระทั่งก็ต้องถูกผู้น้อยทั้งสองนี้บีบจนไม่มี อารมณ์แม้แต่นิด ตัวเองล่ะ?

ถ้าหากว่าเธอก็อารมณ์อ่อนบ้าง ผลลัพธ์ย่อมเศร้าวิเวกวังเวงกว่าซูหยาน

แน่นอน ถึงแม้ว่ายอมอ่อนก็ไม่สามารถหลบภัยได้ เช่นนั้น จะต้องกลัวเรื่องทำไมล่ะ?

คนไม่ยุ่งกับเธอ เธอก็จะไม่ยุ่งกับคน ถ้าหากว่าคนยุ่งกับเธอ อ่านหยานที่ เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง จะกลัวอะไรหรือ?

เธอถือเหล้าไว้ กำลังจะออกจากที่นั่ง

พ่อบ้านจู่ๆกลับรีบวิ่งเข้ามา ตามด้วยรอยยิ้มกล่าวว่า “คุณผู้หญิง คุณท่าน หญิงให้คุณไปหา ทานอาหารเป็นเพื่อนเธอล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ