ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่205 คำมั่นสุดท้ายที่เขาให้เอาไว้



บทที่205 คำมั่นสุดท้ายที่เขาให้เอาไว้

บทที่205 คำมั่นสุดท้ายที่เขาให้เอาไว้

เมื่อผลของทีมทั้งห้าออก ก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกับที่คาด การณ์เอาไว้

ทีมของกู้อานหยานที่ชื่อชมรมวาดภาพเมษา ซูซินเก๋อของซู เลย และชมรมวาดภาพมินจูของหานมินจูน

ยังมีอีกสองทีม ที่มีชื่อเสียงภายในมหาวิทยาลัย ชมรมวาดภาพ มหาวิทยาลัยเจียงโจวของมหาวิทยาลัยเจียงอู ก็เป็นชมรมของ มหาวิทยาลัยเจียงโจวเอง

ส่วนอีกทีมหนึ่ง ก็เป็นชมรมวาดภาพของมหาวิทยาลัยหนิงโป แต่ถึงอย่างไรก็เป็นชมรมที่มหาวิทยาลัยทำขึ้นมา

ส่วนคนจัดนั้น ก็เป็นอาจารย์ในโรงเรียน

ชมรมวาดภาพสองทีมนั้นก่อตั้งขึ้นมาหลายปีแล้ว และก็เป็น ตัวแทนของโรงเรียนและในความร่วมมือในสังคมต่างๆ อีกด้วย

เมื่อพูดไปแล้ว ก็คือชมรมการวาดภาพแบบสาธารณะ
ถึงแม้ว่าครั้งนี้บริษัทเจียงชื่อกรุ๊ปจะบอกออกมาแล้ว ว่าจะก่อตั้ง บริษัทวาดการ์ตูนใหม่ขึ้นมา ใครจะไปไม่อยากจะให้ทีมของตัว เองถูกเลือกกันล่ะ ?

ในชมรมของโรงเรียนนั้น ก็ได้รับการชื่นชมจากภายนอก มากมาย เลยได้โลดแล่นอยู่ตลอด

โดยรวมแล้ว การแข่งขันครั้งนี้มันดุเดือดมากจริงๆ

ตอนนี้ มันเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงและดุเดือดมากกว่าเดิมแล้ว

“อานหยาน เป็นอย่างไรบ้าง ? ไม่ใช่ว่าต้องรีบหานักวาดเห รอ ? ”

คำถามนี้ หลังจากที่ผลของทีมทั้งห้าออกมา ซูเสี่ยวหมี่กับเห้อ หลิงจ๋อก็ถามกู้อานหยานมาตลอด

ตอนนี้ชมรมการวาดภาพของพวกเขาสูงขึ้นอีกระดับแล้ว สามารถไปเปิดรับสมัครนักวาดของมหาลัยรุ่นไหนเลยก็ได้

เพียงแต่ว่า เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว เพิ่งจะมาหานักวาด ถึงจะหามา ได้ ก็เกรงว่าจะเข้ากับทุกคนได้ยาก
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทีมก็ต้องมีนักวาดอย่างน้อยหนึ่งคน ถ้าไม่ อย่างนั้น พรุ่งนี้จะแข่งอย่างไร ?

กู้อานหยานกลับยังคงนั่งอยู่ตรงหน้าของสมุดจดตัวเอง ราวกับ ว่าไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกเขาพูด

“อานหยาน คุณจะไม่หาคนเข้ามาจริงๆ เหรอ ? ” ซูเสี่ยวหมี่รีบ ร้อนมาก ทำไมเธอถึงยังมีท่าทีไม่ร้อนรนแบบนี้

“หาคนมาตอนนี้ หามาก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี มันจำเป็นด้วยเห รอ ? ” กู้อานหยานพูด

“แต่ว่า…….

“อย่าพูดแต่ว่าอะไรอีกเลย วันนี้ไม่ใช่ว่าจะไปกินหม้อไฟกันเห รอ ? หรือว่าจะไม่ไปแล้ว ? ”

“ตอนนี้มันเป็นแบบนี้ ใครจะไปมีอารมณ์กินหม้อไฟได้อีก ? ” ขนาดเห้อหลิงจือเองยังทนดูต่อไปไม่ได้เลย

ทุกคนร้อนรนใจเป็นอย่างมาก ทำไมถึงมีกู้อานหยานเพียงคน เดียวที่ยังคงมีท่าทีนิ่งเงียบไม่สะทกสะท้านแบบนี้อยู่นะ ?
ไม่สิ ยังมีมู่เทียนโย่วด้วย

มู่เทียนโย่ว มีใบหน้าที่หล่อเหลา ตอนที่ได้เห็นครั้งแรก ใจของ เห้อหลิงจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะเต้นแรกอยู่พักใหญ่เลย

แต่ว่าเมื่อได้รู้จักกันมาระยะหนึ่ง ถึงได้รู้ว่ามู่เทียนโย่วเป็นเหมือน กับเงาของกู้อานหยานเลย

กู้อานหยานเดินเขาก็เดินด้วย พอกู้อานหยานนั่งเขาก็นั่งด้วย

กู้อานหยานยิ้ม เขาก็มอง ถ้าหากกู้อานหยานร้องไห้ เขาก็จะ ปกป้องดูแล กู้อานหยานไม่เป็นอะไรเขาก็เป็นแบบนั้น

แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้ก็มีแต่พวกเขาเพียงสองคน ที่คาดหวังการ กินหม้อไฟอย่างมีความสุข

ส่วนคนอื่น ยังรู้สึกกังวลใจ ขนาดตอนเดินยังไร้เรี่ยวแรงและ รักเศร้าใจจนแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ตอนที่เพิ่งจะเดินไปบนถนนใหญ่ ก็ได้พบกับหานมินจูนกับทีม

ของเธอ

“หึ นี่ไม่ใช่คนของชมรมวาดภาพเมษาเหรอ ? ” ตอนนี้หานมินจูนมองเห็นกู้อานหยาน ก็รู้สึกสุขใจ นมา

“ได้ยินมาว่านักวาดของพวกคุณไปอยู่กับ ซินเก๋อแล้ว ทีมของ พวกคุณเนี่ย แตกหมดแล้ว การแข่งขันรอบตัดสินในวันพรุ่งนี้ คุณ สละสิทธิ์ไปเถอะ

“คุณพูดบ้าอะไร ? ทําไมพวกเราจะต้องสละสิทธิ์ ? ” เสี่ยวหมี พูดด้วยความโกรธเคือง

เห้อหลิงจ๋อก็พูดด้วยความไม่พอใจ พวกเราไม่ได้มีนักวาดแค่ คนเดียวสักหน่อย ! ”

“งั้นเหรอ ? แล้วนักวาดของพวกคุณล่ะ ? อยู่ที่ไหน ? ”

หานมินจูนเอามือป้องปากของตัวเอง ก่อนจะหัวเราะด้วยความ เย้ยหยัน “นักวาดของพวกคุณ ตอนนี้น่าจะเพลิดเพลินอยู่บนเตียง กับซูเล่ยอยู่น่ะสิ”

“คุณหมายความว่าอย่างไร ?

“พวกเขาพวกเขาไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นก็เข้าโรงแรมไป พวก คุณไม่รู้เหรอ ? ”

หานมินจูนกอดอกทั้งสองข้าง ก่อนจะขำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“รู้ไหมว่าทำไมนักวาดระดับเทพของพวกคุณถึงจากไปจากพวก คุณ แล้วไปเลือกซูซินเก๋อแทน ? ”

ผู้ช่วยหญิงที่อยู่ข้างกายยิ้มพลางถาม “ทำไมเหรอ ? ”

“ก็ต้องเป็นเพราะหัวหน้าทีมของซูซินเก๋อสวยอย่างไรล่ะ คุณ เองไม่ดูคุณกู้ที่เป็นเพื่อนของคุณบ้างเหรอ ว่าหน้าตาน่าเกลียด ขนาดไหน ? ”

“ถ้างั้น ฉันเองก็คงจะเลือกซเล่ยเหมือนกัน จะมาเลือกผู้หญิง ขี้เหร่ที่หน้าเต็มไปด้วยฝ้ากระได้อย่างไร”

“พูดอะไร ? ” มีเงาสูงใหญ่เดินประชิดเข้ามา

ชายที่เพิ่งจะพูดไปเมื่อสักครู่ยังไม่ทันจะเห็นสถานการณ์อะไร ชัดเจน เสื้อของเขาก็ถูกดึงเอาไว้

แต่ขาทั้งสองข้างของเขาลอยขึ้น ด้วยมือเพียงมือเดียวของอีก

ฝ่าย

ทุกคนต่างตกใจอึ้งกันไปหมด แรงแขนนี้ มันทำให้คนอื่นตกใจ เกือบตาย!

“คุณ…….คุณจะทําอะไร ? ” หานมินจูนตกใจจนถอยห่าง ส่วนชายคนนั้นก็ถอยห่าง พลางจ้องมู่เทียนโย่วด้วยความร้อนรน

“พวกคุณกล้ามาทำในที่ที่สว่าง………

“ตอนนี้มันมืดแล้ว” ซูเสี่ยวหมี่เตือน

“คุณ…………….. หานมินจุนก็ร้องขึ้นมา “ช่วยด้วย จะโดนฆ่า แล้ว ช่วยด้วย………

“เทียนโย่ว” กู้อานหยานพูดเสียงเบา

มู่เทียนโย่วปล่อยมือ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะลงไปกองกับพื้น เขารีบเอามือยันแล้วลุกขึ้นมา ก่อนจะหลบไปที่ข้างหลังของหา

กู้อานหยานยิ้มอ่อนๆ พลางเดินเข้าไปตรงหน้าของหานมินจูน ท่าทีที่ดูเย็นชา มันดูไม่เหมาะกับอายุของเธอ

เธอยิ้มพลางพูดว่า “ถึงแม้ว่าทีมของเราจะยอมแพ้ คุณก็ยังมีคู่ แข่งอีกสามทีม แค่ซูซินเก๋อ พวกคุณจะต้องชนะได้แน่นอน

“ดังนั้น ชมรมวาดภาพมินจูของพวกคุณกับสถานการณ์ของพวกเราอันที่จริงมันไม่ได้มีความเหมือนกันเลย ตอนนี้มาเยาะเย้ย ใส่พวกเรา หรือจะหัวเราะเยาะใส่พวกคุณเอง มันจะไปมีความต่าง อะไรกัน ? ”

“พูดบ้าๆ พวกไร้ความสามารถอย่างพวกคุณจะสามารถมาเทียบ กับพวกเราได้อย่างไร ? ” หานมินจูนมีสีหน้าจริงจังขึ้น

“ที่ฉันจะพูดตอนนี้ก็คือ ชมรมวาดภาพมินจูของพวกคุณ สามารถ เทียบกับซูซินเก๋อได้เหรอ ? ”

ถึงแม้ว่าบริษัทมู่ชื่อกรุ๊ปจะบอกว่าอยากจะก่อตั้งบริษัทวาด การ์ตูน แต่ว่า คนของพวกเขา คือกู้เวยจือที่แทบจะไม่ได้มีความ เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูล

ดังนั้น บริษัทมู่ชื่อกรุ๊ปอยากจะทำการเขียนการ์ตูนขนาดไหน ก็ ไม่มีใครรู้

แต่ทว่า บริษัทเจียงซื่อกรุ๊ปไม่ก็เหมือนกัน กรรมการก่อนหน้านี้ ของบริษัทเจียงชื่อกรุ๊ป คือคุณชายรองเจียง ที่มีสิทธิ์มีเสียงใน บริษัทเจียง อกรุ๊ปมาก

แต่รายชื่อที่บริษัทเจียงซื่อกรุ๊ปต้องการนั้น มีเพียงหนึ่งเดียว เท่านั้น
นั่นก็คือ ถ้าเกิดว่าไม่ได้เป็นที่หนึ่ง งั้นที่สองกับที่ห้าก็ไม่ได้ต่าง อะไรกัน

“ซูซินเกื่อเก่งกาจขนาดนั้นเลยเหรอ ? ซูเลยน่ะ ไต่อันดับมาด้วย ความสามารถของตัวเองมาตลอด”

ผลงานของพวกเขาก่อนหน้านี้ดีมาก แต่ช่วงปีนี้ ไม่ได้เขียน อะไรที่มันโดดเด่นมาก ฉันก็สงสัยว่าผลงานก่อนๆ นั้น อาจจะไม่ ชชูเล่ยเขียนเอง”

หานมินจูนมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น พลางเต็มไปด้วยความแดกดัน “ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะแย่งนักวาดระดับเทพไปได้ก่อนการแข่งขัน เธอคิดว่าด้วยความสามารถของซูเล่ยคนเดียว จะคว้าที่หนึ่งมาได้ เหรอ ? ”

“ไม่ ฉินโจวไม่ได้เซ็นต์สัญญากับซูซินเก๋อของพวกเขา พรุ่งนี้ ก็ น่าจะไม่ได้เป็นตัวแทนของซูซินเก๋อ”

“คุณรู้ได้อย่างไร ? ” หานมินจุนอึ้งไปชั่วขณะ ด้วยความตกตะลึง

“ฉินโจวนับว่าเป็นคนดี นี่เป็นคำสัญญาสุดท้ายที่เขาให้ฉัน แต่ซู เล่ยเองก็ชอบดูถูกคนอื่นเพราะความสามารถของตัวเอง ขอแค่ ฉินโจวไม่ได้ขึ้นไปเป็นคู่แข่งของเธอ เธอก็ไม่กลัวใครอีกเลย
“ถุย ! ยัยโสเภณีนั่นคิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหน ? ”

ในใจหานมินจูนนั้นรู้สึกเจ็บขึ้นมา จู่ๆ ก็หันกลับมา “ไปเถอะ” คนคนนี้ จากไปแบบนี้เลยเหรอ

“มันเกิดอะไรขึ้น ? ” ซูเสี่ยวหมี่เดินมาอยู่ข้างๆ กู้อานหยาน “ที่ คุณพูดไปเมื่อครู่ ฉินโจวสัญญากับคุณแล้วเหรอ ? ”

“ฉันแค่ กลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายฉินโจว” กู้อานหยานส่ายหัว พลางมองไปทางกลุ่มที่เดินไปไกลๆ

พวกเขารวมไปถึงฉินโจวไปที่ไหนเมื่อวานนี้ และไปเจอใครก็ ไม่รู้ ถ้าบอกว่าพวกเขาไม่ได้จ้องฉินโจวตลอด ใครจะไปเชื่อ

เห้อหลิงจือถอนหายใจ “เขาหักหลังคุณไปแล้ว คุณยังใส่ใจเขา ขนาดนั้นอีกเหรอ”

กู้อานหยานไม่ได้พูดอะไร แววตาที่เยือกเย็นของเธอ มันทำให้ คนมองเธอไม่ออกเลย

“ช่างเถอะ ไปกินหม้อไฟกัน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ