ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 307 มันเป็นแค่อุบัติเหตุ



บทที่ 307 มันเป็นแค่อุบัติเหตุ

บทที่ 307 มันเป็นแค่อุบัติเหตุ

ถ้าหากว่าเป็นไปได้ กู้อานหยานก็ไม่อยากให้เจียงนานรู้เรื่อง ที่เธอกำลังสืบเรื่องของคุณท่านหญิงอยู่

แต่ว่า ตอนนี้หยางอีอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้

เธอกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น และในขณะที่กำลังจะพูด อยู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา

กู้อานหยานจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความตื่นเต้น

เบอร์ของหยางอี! เธอจึงรีบรับสายทันที: “หยางอี นายอยู่ ที่ไหน? เป็นยังไงบ้าง? นายปลอดภัยดีใช่ไหม? นายไม่ได้เป็น อะไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นอะไรฉันไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้ฉันเจอกับเทียนโยว่ แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะนั่งรถของเขากลับไป ไม่ต้องเป็นห่วงนะ

น้ำเสียงของหยางอีฟังดูไม่ได้มีความผิดปกติอะไร กู้อานห ยานจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว อยู่ด้วยกันกับเทียนโยวแล้วใช่ไหม รีบกลับมาแล้วกันนะ”
หลังจากกู้อานหยานวางสายโทรศัพท์และหันกลับไป ก็เห็น ว่ามีสายตาหลายคู่ที่กำลังมองอยู่ที่เธอ

เธอถอนหายใจออกมา แล้วพูด: “เขาปลอดภัยดี และตอนนี้ก็ อยู่ด้วยกันกับเทียนโยวแล้ว”

เมื่อทุกคนรู้สึกวางใจแล้ว เห้อหลิงจือจึงพูดขึ้นมา: “งั้น กลับ ไปที่ห้องทำงานกันเถอะ จะได้ทำงานไปด้วยและรอพวกเขา ไปด้วย?”

“ได้ งั้นเดี๋ยวพวกแกเขาไปก่อนเลยนะ”

ทุกคนหันไปทักทายเจียงนาน แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในตึก กู้อานหยานก็กำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไป แต่ก็ถูกเฉียงนานดึง

ข้อมือไว้เสียก่อน: “มานี่ก่อน ไปดื่มกาแฟเป็นเพื่อนผมสักถ้วย

“ฉัน……..อานหยานรู้สึกผิดเล็กน้อย จึงพูดเสียงเบา: “ดื่ม กาแฟตอนดึก มันจะทำให้นอนไม่หลับนะคะ

“งั้นก็ไปดื่มชาเป็นเพื่อนผมสักถ้วย”

“ชาก็เหมือนกันค่ะ”

“งั้นก็เดิมน้ำเปล่า!”
กู้อานหยานถูกเจียงนานดึงเข้าไปในห้องนั่งเล่น และข้างหน้า ของเธอก็วางน้ำอุ่นไว้จริงๆ

“ว่ายังไง? ยังคิดจะพูดความจริงกับผมอยู่ไหม? ช่วงนี้คุณ ชอบไปไหนมาไหนกับหยางอีบ่อย ตกลงพวกคุณกำลังจะทำ อะไรกันแน่?”

ถึงแม้สายตาของเจียงนานยังคงอ่อนโยน แต่ลมหายใจของ เขานั้นเต็มไปด้วยความเย็น

เมื่อไหร่ที่เขาเย็นชาขึ้นมา ก็จะไม่ต่างอะไรกับความเย็นชา ของคุณชายใหญ่มู่

โดยเฉพาะภาพลักษณ์ที่ดูสง่างามและอ่อนโยนของเขา เมื่อ ไหร่ที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา ก็จะทำให้รู้สึกไม่ชินและความ รู้สึกแข็งทื่อ

“ฉัน…..หิวน้ำนิดหน่อย”กู้อานหยานใช้สองมือยกแก้วน้ำขึ้น มา แล้วดื่มไปสองที

พอเธอวางแก้วลง และเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าสายตาของ เจียงนานมองอยู่ที่ใบหน้าของเธอ ด้วยความนิ่งและไร้อารมณ์

ถ้าเขาไม่ได้คำตอบ เขาก็จะไม่ยอมแพ้ใช่ไหม?

“จะปิดเป็นความลับจนถึงเมื่อไหร่? ถ้าผมต้องการจะสืบคุณคิดว่าผมจะใช้เวลาเท่าไหร่เชียว? ”

“ฉัน…….สงสัยเรื่องการเสียชีวิตของคุณท่านหญิงมู่ค่ะ……..

“มู่จ้านเป่ยเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่อนุญาตให้คุณ สืบเรื่องนี้นะ? นี่คุณยังต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

“แต่ฉันรู้ว่าการเสียชีวิตของคุณท่านหญิงมันมีลับลมคมใน เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถยอมแพ้ และทำให้การเสียชีวิตของ คุณท่านหญิงไม่มีความชัดเจน ”

งั้นคุณก็บอกผมมาว่าคุณสงสัยใคร? แล้วเอาอะไรไปสงสัย “ เขา?”

เจียงนานจ้องมองอยู่ที่เธอด้วยความเย็นชา: “ในตอนนั้น นอกจากคุณแล้วก็ไม่มีใครอยู่ข้างๆของคุณท่านหญิงเลย? แล้วคุณคิดว่ายังจะสงสัยใครได้อีก? ”

คำถามนี้กู้อานหยานเองก็ไม่สามารถตอบได้ และเธอเองก็ ไม่รู้เหมือนกัน

“แล้วยังไงล่ะ? คุณไม่มีแม้แต่เป้าหมาย แล้วคุณจะทำอะไร ได้? หรือว่าคุณยังมีเรื่องอื่นที่กำลังปิดบังผมอยู่อีก?”

“ฉัน………อานหยานลังเลอยู่สักพัก แล้วพอเงยหน้าขึ้น ก็ เห็นว่าเจียงนานเข้ามายืนอยู่ตรงข้างหน้าของเธอเรียบร้อย

แล้ว
ร่างสูงใหญ่ของเขามองลงมาที่เธอ และท่าที่ทั้งสองคนยืนอยู่ ในตอนนี้ อยู่ๆก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกดเอาไว้และหายใจ

ไม่ออก

“เจียงนาน……”

ทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกผม? นี่คุณไม่เชื่อใจผมใช่ไหม?” ”

ทันทีที่เธอเห็นสายตาผิดหวังของเขา เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ

ขึ้นมาทันที

แต่เธอบอกเรื่องที่เธอเป็นหลานสาวของคุณท่านหญิงกับเขา ได้ด้วยเหรอ?

เธอไม่ใช่ไม่เชื่อเขา แต่เรื่องราวมันซับซ้อนและแปลกเกินไป ถ้าหากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเธอ บางครั้งแม้แต่เธอเองก็คงจะ ไม่เชื่อ

แล้วยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลของคุณท่านหญิงที่อยู่ในระบบของ โรงพยาบาลก็ถูกเปลี่ยนไปแล้ว ใครที่มีอำนาจทำได้ถึงขนาด นี้กัน?

เรื่องนี้ แม้แต่มู่จ้านเป่ยก็ไม่เชื่อเธอ แล้วเจียงนานจะยอมเชื่อ

เธอเหรอ?

“ฉัน….
สุดท้ายเธอก็เลือกหลุบสายตาลง

“ในเมื่อคุณไม่อยากพูด ผมก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจคุณ” เจียง นานหมุนตัว และเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที

และในนาทีที่เขาหมุนตัวเดินออกไปนั้น กู้อานหยานได้รับรู้ ถึงรสชาติของความกังวลอย่างชัดเจน

เธอไม่อยากจะหลอกเขา! แม้แต่นิดเดียว!

เธอไม่อยากให้เขาผิดหวังในตัวเธอ เพราะจะทำให้ เธอ……อึดอัด

“เจียง……โอ๊ย!” เธอเพิ่งจะอ้าปาก ก็รู้สึกไม่สบายท้องขึ้นมา จนเกือบจะอ้วกออกมา

เธออยากเรียกเจียงนานให้หยุด แต่เขาก็เดินออกไปจากห้อง นั่งเล่นแล้ว ส่วนเธอแม้แต่จะเปิดปากพูดก็ยังทำไม่ได้เลย

อยากอ้วกจ๊ง…….

กู้อานหยานยืนขึ้นมา และเพราะไม่สามารถตามเขาไปได้ จึงหมุนตัวแล้วเข้าไปในห้องน้ำทันที

จริงๆแล้วเจียงนานเดินช้ามากๆ เขาคิดว่า อย่างน้อยๆสาวน้อยคนนั้นก็จะต้องตามมาอธิบายให้เขาฟัง

ที่จริงการโกรธเธอมันก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ถ้าหากเธอ ยอมที่จะอธิบายให้เขาฟัง เขาก็ยอมให้อภัยเธอแล้ว

แต่เธอไม่ได้ตามเขาออกมา จนเขาเดินไปถึงหน้าประตูห้อง โถง แต่เธอก็ยังไม่ตามออกมา

เธอจำเป็นต้องเย็นชาและห่างเหินกับเขาแบบนี้ตลอดเหรอ?

เจียงนานไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังผิดหวังอะไรอยู่ แต่เขารู้สึก ผิดหวังมากจริงๆ

มันมีความรู้สึกสูญเสีย สูญเสียถึงขั้นไม่สามารถรับรู้อะไร

ได้.

พอเดินออกมาจากประตู และมองขึ้นไปก็เจอกับคนสองสาม คนที่ลงมาจากรถที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ

มู่เทียนโยว่และหลิวซ่าง รวมไปถึงคนที่เดินอยู่ตรงกลางของ ทั้งสองคนอย่างหยางอี

เดิมทีเขาไม่อยากจะสนใจ แต่ตำแหน่งที่สายตาของเขามอ งอยู่นั้น กลับเห็นว่าบนใบหน้าของหยางอีนั้นเต็มไปด้วยอะไร แดงๆ นั้นมัน…….คราบเลือดไม่ใช่เหรอ?
เจียงนานขมวดคิ้ว และเดินเข้าไปหาพวกเขา : เกิดอะไรขึ้น?

หยางอีมีท่าทีอึดอัดเล็กน้อย และพูดเสียงต่ำ: “ไม่ได้เป็น อะไรครับ”

หลิวซ่างจึงรีบพูดขึ้นมา: “พอดีเมื่อกี้ตอนเดินอยู่ที่ถนน ถูกรถ มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งชนโดยบังเอิญ……..

“หยางอี!” กู้อานหยานพุ่งออกมาจากประตูห้องโถง แล้วรีบ ตามออกมาทันที

เมื่อกี้เธออ้วกในห้องน้ำอยู่สักพัก เดิมทีคิดจะตามเจียงนาน ออกมา เพื่อดูว่าเธอยังมีโอกาสที่จะได้อธิบายให้เขาฟังไหม

แต่ไม่คิดว่าพอเธอออกมาแล้ว กลับได้เห็นว่าหยางอีได้รับ

บาดเจ็บกลับมา

“เกิดอะไรขึ้น? ไหนบอกว่าไม่เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึง ได้รับบาดเจ็บล่ะ? เจ็บหนักหรือเปล่า? แล้วเจ็บตรงไหนบ้าง?

“ไม่เป็นไรจริงๆ ก็แค่ถลอกและมีเลือดไหลออกมาจากแผล นิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว”

เมื่อหยางอีเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเธอ ก็รีบอธิบายทันที: “แค่ ถูกมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งชนก็เท่านั้น ก็ต้องโทษฉันแหละที่เดินไม่ระวังเอง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย มันเป็นอุบัติเหตุ อุบัติเหตุเท่านั้น”

แต่คำว่า “อุบัติเหตุ”ของหยางอี กลับทำให้กู้อานหยานมีสีหน้า ซ๊ดขึ้นมากกว่าเดิม

และดูเหมือนหยางอีก็คิดอะไรออกมาได้ เขาจึงรีบพูดอธิบาย ทันที: “มันเป็นความผิดของฉันจริงๆ คนขับมอเตอร์ไซค์เขา ขับรถอยู่ดีๆของเขา แต่พอฉันเห็นเทียนโยว่ฉันก็รีบข้ามไปหา เขา โดยไม่ได้มองดูดีๆ

กู้อานหยานเองก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี เพราะเธอไม่รู้ว่า หยางอีนั้นกำลังปลอบเธออยู่หรือเปล่า

สายตาของเธอจึงเหลือบไปมองที่เทียนโย่ทันที และเธอก็พูด

ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย: “เป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?”

พวกเขามั่นใจจริงๆใช่ไหม ว่าคนที่ขับมอเตอร์ไซค์คนนั้น ไม่

ได้ตั้งใจจะมาชนหยางอี?

ทำไมคนอื่นไม่เป็นอะไร แต่หลังจากเธอได้รับข้อความแบบ นั้น กลับเกิดเรื่องขึ้นกับหยางอีล่ะ?

ทำไมความบังเอิญถึงทำให้เธอไม่สบายใจขนาดนี้?

ถึงแม้เทียนโยวไม่รู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไรอยู่ แต่เขานั้นพอ จะเข้าใจความหมายของหยางอี
ว่าไม่อยากทําให้เธอไม่สบายใจ

เขาจึงพยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “เขาไม่ได้ โกหกเธอ มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ