ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 371 ความเหน็บหนาว



บทที่ 371 ความเหน็บหนาว

บทที่ 371 ความเหน็บหนาว

หลังจากที่มู่เจ๋อหนานเลิกงานแล้ว ก็ได้ข่าวว่า กู้อานหยาน เคยปรากฏตัวอยู่ที่บ้านตระกูลมู่

ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าหลังจากที่สืบดูแล้ว สิ่ง ที่คนใช้พูดก็เป็นความจริง กู้อานหยานกลับมาแล้วจริงๆ

แต่ว่า ตอนนี้ตัวคนอยู่ที่ห้องพักเจียงเก๋อ เขาหาเหตุผลที่จะ เข้าไปพบเธอไม่ได้

คิดไม่ถึงว่า มาเดินเล่นที่หลังสวน จะพบเจอกับเธอที่นี่ได้

“ลมแรงขนาดนี้ เธอใส่แบบนี้ เป็นหวัดได้นะ!”

มู่เจ๋อหนานเดินไปยังข้างหลังของเธอ ถอดเสื้อกันหนาวของ ตัวเอง แล้วคลุมไปยังบนตัวของเธอ

บนเสื้อกันหนาวยังมีอุณหภูมิของเขาอยู่ อุ่นๆ และได้ระเหย ความหนาวออกไปไม่น้อยเลย

รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น กู้อานหยายจึงจะรู้ตัวว่า หนาวจริงๆ

เธอเงยหน้าขึ้น มองดูผู้ชายที่นั่งข้างๆตัวเอง
ผู้ชายคนนี้ที่เคยทรมานตัวเองจนยับเยิน เพื่อกู้เวยจือ

ตอนนี้ กลับเห็นเธอเป็นเพื่อน

เรื่องราวบนโลกใบนี้ ยากที่จะคาดเดาจริงๆ!

“คิดถึงคุณย่าอีกแล้ว?” มู่เจ่อหนานจ้องใบหน้าของเธอที่ถูก ลมเย็นพัดจนแข็งทื่อ

กู้อานหยานพยักหน้า แล้วจัดเสื้อกันหนาวบนตัว ไม่ได้พูด

อะไร

“ทานข้าวหรือยัง?” ดูจากสภาพเธอแล้ว คงไม่ใช่ว่านั่งอยู่ที่นี่ มาทั้งวันแล้วหรอกมั้ง?

เมื่อกี้ที่พบเจอเธอ คนทั้งคนของเธอเหมือนจดเจาะกับอะไร

บางอย่างเข้าไปแล้ว

แม้กระทั่งบนศีรษะ ก็มีใบไม้แห้งไม่กี่ใบหล่นอยู่

กู้อานหยานส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นมองไปหนึ่งที พึ่งรู้ตัวว่าไฟ ระหว่างถนนหลังสวนต่างก็สว่างหมดแล้ว

นึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะนั่งอยู่ที่นี่มาทั้งเย็นแล้ว กลับยังไม่มี ความรู้สึกแบบนั้น!
“บนศีรษะมีของอยู่” มู่เจ๋อหนานยื่นมือไป แล้วหยิบใบไม้แห้ง จากศีรษะเธอลงมา

พวกเขานั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองใกล้ชิดกันมาก มองจากระยะ ไกล ก็เหมือนว่ากำลังกอดกันอยู่

กู้อานหยานรู้สึกว่าท่านั่งในตอนนี้ เหมือนว่าจะใกล้ชิดเกินไป

แล้ว

เธอพูดว่า “ฉันยังมีธุระอีก ไปก่อนนะ”

ถึงแม้มู่เจ๋อหนานในตอนนี้จะเปลี่ยนไปเยอะมากแล้ว บุคลิก รสนิยมต่างก็ปลี่ยนไปหมดเลย

จริงๆแล้ว ก็ไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนตอนนั้นแล้ว

ถึงขั้น ตอนนี้ยังมีความรู้สึกเหมือนคุณผู้ชายที่สง่างามอีก ด้วย

แต่ไม่ว่ายังไงแล้วเขาก็เป็นผู้ชายของตระกูลมู่ กู้อานหยาน ไม่อยากมีการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายตระกูลมู่แม้แต่น้อย

เธอลุกขึ้น ใครจะไปรู้ว่าพึ่งลุกขึ้น ขาทั้งสองข้างก็ปวดชาขึ้นมาทันที
ยังไม่ทันยืนตรง ก็ล้มลงไปทางข้างหน้าแล้ว

เธอล้มอยู่ในอ้อมกอดของมู่เจ๋อหนาน

มือทั้งสองข้างของมู่เจ๋อหนานจับอยู่ที่ไหล่ของเธอ รู้ว่าควรจะ พยุงเธอ แต่กลับมีความรู้สึกไม่อยากผลักเธอออก

“ขอโทษนะ!” ก้อานหยางจับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขา อยู่ ในอ้อมกอดของเขาไปสักพัก ก็ยังยืนไม่ตรง

ขาชามากจริงๆ อยู่ที่นี่ไปทั้งเย็น ไม่เพียงแต่ชา ยังปวดอีก

ด้วย!

ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้ความรู้สึกปวดชานั้นหายไป กู้อานห ยานกำลังจะถอยหลัง ออกห่างจากมู่เจ๋อหนาน

ขายังไม่ทันก้าวออกไป ทันใดนั้นกลับถูกความเหน็บหนาว

เข้ามารบกวนสติ

มองไปข้างๆ จากที่ไม่ไกลจากต้นไม้ มีเงาข้างหลังที่ผอม เรียวเงาหนึ่งกำลังยืนอยู่

แสงไฟส่องอยู่บนหลังของเขา มองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน

แต่ว่ากลิ่นความหนาวเย็นนั้น พอที่จะโอบล้อมอากาศรอบๆ

ข้างให้เย็นแข็ง
มู่เจ่อหนานพยุงกู้อานหยางไปหนึ่งที หลังจากที่เธอยืนตรง แล้ว ก็รีบถอยหลังไปสองก้าว

เขาไม่อยากปล่อยกลิ่นที่พิเศษบนตัวของเธอไป แต่ว่าถ้ายัง คงตอแยต่อไป อาจจะเป็นการทำร้ายยัยเด็กนี่ก็ได้

“พี่ใหญ่…….”

คนข้างหลังไม่พูดอะไรเลย แววตาดูลึกซึ้งมาก ดูเย็นชายิ่ง กว่าลมที่พัดอยู่ในฤดูหนาว

“ฉันไปอธิบายกับเขาก่อน” มู่เจ๋อหนานหันหลังไปร้องขอ

กู้อานหยานหลับพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณชายรองมู่จากไปตอน นี้ สําหรับฉันแล้ว จะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่มาก

มู่เจ๋อหนานมีความไม่พอใจเล็กน้อย

เธอไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของพี่ใหญ่แล้ว แต่ทําไม เธอยังเป็นคน ของพี่ใหญ่อยู่?

เขากำหมัดแน่น ก็กลัวว่าตัวเองตอแยในตอนนี้ จะทำให้เธอ

ลําบากใจ

สุดท้ายแล้ว ได้แต่หันหลังแล้วมองกู้อานหยานไปหนึ่งที
“มีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ มาหาฉันได้ตลอด”

กู้อานหยานไม่ได้สนใจ

ผู้ชายตระกูลมู่ เธอไม่อยากไปหาเลยสักคน

รอให้ขาไม่ได้ชาขนาดนั้นแล้ว เธอจึงจะก้าวขาออกไป แล้ว เดินไปทางมู่จ้านเปีย

“คุณชายใหญ่.…

แววตาที่ลึกซึ้งของเขาซ่อนความเหน็บหนาวที่มองไม่เห็นอยู่

ดั่งลมหนาวในคืนนี้

แววตาหยุดอยู่บนตัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสั่นไปทั้งตัว

มู่บ้านเป่ยไม่ได้พูดอะไร จ้องดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าของตัวเอง

เขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริงๆ

ตอนนี้ ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แค่จ้องมองเธอเบาๆ ก็ให้ความ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองผิดตั้งแต่หัวจรดเท้า

เธอเกือบจะมีความวู่วามที่จะสารภาพผิดกับเขา!
ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แต่ว่า รูปลักษณ์ของ เขาโหดมาก

โหดถึงขั้น ให้เธอทําตามเขาทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้!

ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้กระทั่งหลีเย่ที่อยู่ข้าง กายเขาก็ไม่รู้

ใบหน้าที่เยือกเย็นนั้น มองไม่เห็นอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่

น้อย

ความกดดัน กดทับถึงขั้นให้ผู้คนเกือบจะหายใจไม่ออก

ลมหนาวพัดมาแล้ว กู้อานหยานจึงหดตัวกะทันหัน เธอนั่งอยู่ท่ามกลางลมมานานมาก อาหารเย็นก็ยังไม่ได้ทาน ตอนนี้บนตัวของเธอ เหมือนว่าจะไม่มีแรงแล้ว

แววตาของมู่บ้านเป่ย หยุดอยู่บนเสื้อกันหนาวบนตัวของเธอ

กู้อานหยานจึงจะนึกขึ้นได้ว่า บนตัวของตัวเองยังคลุมเสื้อกัน หนาวของมู่เจ๋อหนานอยู่

เธอไม่รอช้า ถอดเสื้อกันหนาวออก
หดตัวอยู่ท่ามกลางของลมหนาว หันหลังไป แล้วคืนเสื้อกัน หนาวให้มู่เจ๋อหนาน

ในตอนที่มองมู่เจ๋อหนานอีกครั้ง เขาได้หันตัวกลับไปแล้ว เดินไปทางห้องพักว่างเจียงเก๋อ

กู้อานหยานเดินตามไป โดยไม่มีความลังเลเลย

หลีเย่รีบขับรถทัวร์มา มู่จ้านเป่ยรีบขึ้นรถ

กู้อานหยางจับเสาไว้ มือและเท้าที่เย็นแข็งปีนขึ้นไปอย่าง

ยากลำบาก

เป็นช่วงฤดูหนาวแล้ว หลังจากที่เข้าสู่ข้ามคืนราตรีแล้ว อุณหภูมิจะลดเหลืออยู่ที่สิบองศาโดยประมาณ

ตอนกลางวันเธอใส่เพียงแค่เสื้อไหมพรมบางๆแล้วออกมา เสื้อไหมพรมไม่ได้กันลม หลังจากที่รถทัวร์ขับออกไปแล้ว ก็

หนาวจนเธอจาม

มู่จ้านเป่ยพิงอยู่ที่เก้าอี้ กำลังพักผ่อนอยู่ ไม่มีความหมายที่จะ

สนใจเธอเลย

กู้อานหยานก็ไม่ใส่ใจว่าเขาจะมาสนใจความเป็นตายของเธอ
เธอนั่งอยู่ที่อีกข้างหนึ่งของรถทัวร์ พยายามกดทับเสียงจาม ของตัวเองให้ต่ำ จะได้ไม่ไปรบกวนเขา

กลับมาถึงห้องพักว่างเจียงเก๋อ พึ่งเข้าประตู หลีเย่ก็ให้พ่อ บ้านเตรียมอาหารเย็นแล้ว

พอมู่จ้านเป่ยนั่งลง กู้อานหยานก็รีบนั่งทันที จับถ้วยของตัว เองขึ้นมา แล้วก้มหน้าทานอย่างมูมมาม

ไม่ใช่เพราะว่าหิว แต่เพราะว่า หนาวเกินไป!

ซุปถ้วยหนึ่งเข้าไปยังท้อง ในที่สุดร่างกายก็หาอุณหภูมิอุ่นๆ เจอ

ตอนนี้ มีแรงที่จะพูดแล้ว

“ฉันเจอใบของพืชนําชนิดหนึ่ง ที่ข้างทะเลสาบหลังสวน”

“พวกเขาเข้มแข็งมาก ไม่หักง่ายๆ ถ้าหากว่ามีจํานวนมาก รวมตัวกันแล้วจะมีแรงมาก”

“พืชนาชนิดนี้ ตอนที่มีชีวิตอยู่ จะปรากฏตัวให้เห็นภายใต้ แสงแดดเพียงแค่ครึ่งตัว ถ้าหากไม่สังเกต คนปกติไม่เห็นการ เป็นอยู่ของมันแน่ๆ

แต่ก็เพราะว่าลักษณะของพืชน้ำชนิดนี้ ตอนนั้นเธอถึงได้มองไม่เห็น!

มู่บ้านเป่ยหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วทานอาหารเงียบๆ

หลีเยีที่นั่งอยู่ข้างๆอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ว่า คุณชายใหญ่ไม่พูดอะไร เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเปิดปากพูด

กู้อานหยานไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆอยู่แล้ว

เธอยังคงมองมู่บ้านเป่ยเหมือนเดิม สีหน้ายืนหยัด

“คุณชายใหญ่มู่ เรื่องของคุณนาย ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน!”

“ฉันเชื่อว่า ต้องมีคนตั้งใจใช้พืชน้ำชนิดนี้ มาพันอยู่บนรถเข็น ของคุณนาย ถึงได้เป็นผลกระทบทำให้คุณนายถูกดึงเข้าไป ในทะเลสาบ!”

สีหน้าของมู่บ้านเป่ยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนว่าเธอพูดอะไร สำหรับเขาแล้ว ก็ไม่มีความเกี่ยวข้อง อะไรเลย

กู้อานหยานวางถ้วยลง กำหมัดแน่น “คุณชายใหญ่มู่ ขอแค่ ขุดทะเลสาบนั้นอีกครั้ง ฉันเชื่อว่า ใต้ทะเลสาบ จะต้องซ่อน ความลับที่ไม่มีใครรู้ไว้แน่นอน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ