ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่201 ต้องวางแผนมาก่อนแน่นอน



บทที่201 ต้องวางแผนมาก่อนแน่นอน

บทที่201 ต้องวางแผนมาก่อนแน่นอน

เขาหัวเราะขนาดนี้

ดูสุขสบายใจและปลดปล่อยอารมณ์อย่างอาจหาญสุดๆ

แต่กลับดูน่าดึงดูด และสามารถทำให้คนหลงใหลได้เลย

กู้อานหยานมองชายที่วิ่งอยู่ข้างๆ เธอ ดูจิตลอยไปเลย

เธอไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของคุณชายใหญ่มู่เลย ดูร่าเริงเหมือน กับเด็กที่วิ่งเล่นเลย

หัวเราะ และหัวเราะเสียงดังด้วยความปลดปล่อย แถมยังวิ่งไป อีกด้วย !

จู่ๆ ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่เคยเห็นเขาวิ่งเลยด้วยซ้ำ

ชายที่ดูสง่างามแบบนี้ ชายที่ดูจริงจังและเข้มขรึมมาโดยตลอด ตอนนี้กลับจูงมือเธอ วิ่งอยู่ภายในถนนเล็กๆ ภายในสถานศึกษา
คู่รักที่อยู่ภายในป่านั้นก็ตกใจจนรีบวิ่งหนีไป

ปกติที่ไม่ทำเรื่องอะไรผิดๆ ต่อให้ปลุกกลางดึกก็ไม่มีทางตื่น ตกใจ

แต่ตอนนี้ กลับมาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน มู่บ้านเป่ยถึงจะหยุดลง ก่อนจะเดินอยู่ เงียบๆ ในถนนเส้นเล็กๆ นั้น

กู้อานหยานหายใจหอบเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าแล้วพบว่าเขายังจับ มือของตัวเองอยู่

เธอดึงมือออกจากเขาด้วยใบหน้าแดงๆ ก่อนจะรักษาระยะห่าง

จากเขา

มู่บ้านเป่ยเองก็ไม่ได้ยืดยื้ออะไร หลังจากที่เธอดึงมือออก เขาก็ เอามือทั้งสองมือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินต่อไปในถนนเส้น เล็กๆ

“คุณชายใหญ่มู่ วันนี้ที่มาหาฉัน…เรื่องอะไรหรือเปล่า ? ”

คำพูดนี้ เมื่อกู้อานหยานถามจบก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
เพราะว่าวันนี้เขาไม่ได้มาหาเธอ เมื่อตอนเที่ยงเขายังอยู่กับกู้ เวยจืออยู่เลย

ไม่แน่ ว่าอันที่จริงวันนี้อาจจะมากับกู้เวยอ

ถึงจะมาหาเธอ แต่คำพูดนี้ เหมือนกับมันทำให้การพูดคุยมันน่า เบื่อมากยิ่งขึ้น

มู่บ้านเป่ยไม่อยากจะตอบคำถามแบบนี้ เหมือนกับแต่ก่อน

เพียงแต่ว่า เงาที่เดินอยู่ด้านหน้าของเขา ดูเย็นชาไปไม่น้อยเลย

ทั้งสองคนเดินตามๆ กันบนถนนเส้นเล็กๆ กู้อานหยานก้มหน้า มองเงาที่ถูกแสงแดดสาดส่องลงไปบนพื้น

เงาใหญ่และเงาเล็ก เงาหนึ่งยาวกว่าแต่เงาหนึ่งสั้นกว่า ดูแล้ว เข้ากันเป็นอย่างดี

แต่ว่าอันที่จริง บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนไม่ได้เข้ากันเลย แม้แต่น้อย

ในที่สุด เธอก็มองเงาของมู่บ้านเป่ย ก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวชมรม วาดภาพของเราจะมีกิจกรรม ฉันต้อง………
“คุณมักจะไม่เต็มใจที่จะรอฉันเหรอ ? ” คำพูดของมู่บ้านเป่ย ทำให้กู้อานหยานอึ้งไปชั่วขณะ

ในขณะนั้น ยังไม่ทันจะตอบอะไรกลับไป

เขาก็รับโทรศัพท์และเดินไปแล้ว

ตั้งแต่แรก มันมากะทันหันเกินไป ดูมีท่าทีน่าประหลาดใจ

กู้อานหยานส่งเขาไปทางด้านหลังของมหาลัย ก็มองเห็นรถ มายบัคสีดำที่อยู่ไกลๆ ขับออกไป ก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่อย่าง ว่างเปล่า

เพียงแต่ว่า ไม่นานเธอก็จัดการอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่เงาของรถลับสายตาไป เธอก็หันหลังเดินกลับเข้าไป ข้างในโรงเรียน

เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

เมื่อดูหน้าจอที่แสดงขึ้นมา เธอก็รีบกดรับด้วยความดีใจ “เป็น อย่างไรบ้าง อยากจะไปฉลองกันแล้วใช่ไหม ? บอกไปแล้วไม่ใช่ เหรอว่าให้รอพรุ่งนี้ก่อน ค่อย..…….…..
“อานหยาน เกิดเรื่องกับฉินโจวแล้ว”

ฉินโจวเกือบจะถูกรถชนเข้าให้แล้ว

กู้อานหยานรีบมาที่โรงพยาบาลของมหาลัย ก่อนจะพบว่าหมอ กำลังทายาให้เขา

“ยังดีที่เทียนโย่วมือไง เลยผลักฉินโจวออกได้ทัน ถ้าไม่อย่าง นั้น คงจะไม่ใช่แผลถลอกเล็กๆ แบบนี้”

ซูเสี่ยวหมี่รู้สึกกลัวนิดหน่อย เพราะตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ซู เสี่ยวหมี่กับเห้อหลิงจือเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนหลิวซ่างกับหยางอี เดินอยู่ตรงกลาง

สุดท้ายเป็นฉินโจวกับมู่เทียนโย่วเดินอยู่ด้วยกัน

กู้อานหยานมองมู่เทียนโย่วสักพัก เทียนโย่วเลยส่ายหัวให้

เธอเลยไม่ได้ถามอะไรต่อไป เมื่อเดินออกมาจากโรงพยาบาล ของมหาลัย มู่เทียนโย่วก็ขับรถมือสองแบบเจ็ดที่นั่งกลับไปที่ ทํางาน
“ทำอย่างไรดี ? อานหยาน ฉันคิดว่ารถคันนั้นตั้งใจขับชน”

ซูเสี่ยวหมี่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ตอนที่พวกเขากำลังจะข้ามถนน เห็น กันชัดๆ ว่าเป็นไฟเขียว แต่รถนั้นก็ขับมาอย่างรวดเร็ว

ฝ่าไฟแดงมา ก็ชนเข้ากับฉินโจวพอดี นี่มันไม่ใช่ความตั้งใจ ?

วันนี้การแข่งขันที่ฉินโจวทำออกมานั้น ขนาดซูเล่ยยังต้องตกใจ

ตอนนี้ นักวาดระดับเทพอย่างฉินโจวกลายเป็นจุดรวมสายตา ของทุกคนเลย คนที่อยากจะเอาชนะเขานั้น ไม่น้อยเลย

“คงจะเป็นซูเล่ยที่หาคนมาทำร้ายหรือเปล่า ? ”

ถึงแม้ว่าเห้อหลิงจือจะไม่ชอบการกระทำร้ายๆ แบบนี้ แต่ว่าตอน

นี้ เรื่องนี้ของฉินโจว มันดูไม่โปร่งใสอย่างชัดเจน !

“ในสนามการแข่งวันนี้ ฉันเห็นว่าเธอจ้องฉินโจว มองไปจนจิต หลุดลอยไปจนถึงขนาดที่ว่าภาพร่างช่วงท้ายทำไม่เสร็จตาม เวลาเลยทีเดียว”
“ซูเล่ยเป็นคนอย่างไรกันแน่นะ ? แต่ก่อนที่เป็นถึงตำนานของ วงการวาดภาพของโรงเรียน แต่ว่าตอนนี้ตำนานการวาดการ์ตูน กลับถูกฉินโจวกลับไปจนหมด

“คงไม่ใช่ซูเล่ย” ฉินโจวที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอด จู่ๆ ก็พูดออก

มาเบาๆ

ทำไมไม่ใช่เธอล่ะ ? ” ซูเสี่ยวหมี่เองก็คิดว่าสิ่งที่เห้อหลิงจือพูด

นั้นมีเหตุ

เธอมองฉินโจว ด้วยความตะลึงแปลกใจ

ปกติฉินโจวที่ไม่ชอบพูดแทรกอะไรร่วมด้วย ในสถานการณ์ปกติ เขาจะฟังแต่พวกเขาพูด

แต่ว่าวันนี้ ทำไมถึงเข้ามาร่วมวงสนทนาของตัวเองด้วยนะ ?

แต่เขาก็เปิดปากเพื่อแก้ตัวให้ซูเล่ยเลยงั้นเหรอ ? มันหมายความ ว่าอย่างไรกันแน่ ?

“คุณรู้จักเธอเหรอ ? ” ซูเสี่ยวหมี่หรี่ตามอง

แววตาของฉินโจวที่สว่างกลับมืดลง ก่อนจะส่ายหัว “ไม่รู้จักหรอก แต่ฉันรู้ว่าไม่ใช่เธอ

“ทำไมล่ะ ? คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” ซูเสี่ยวหมี่ยัง พยายามถามต่อ

ฉินโจวกลับหลับตาลง ก่อนจะพิงกับโซฟา แล้วพูดอย่างนิ่งๆ “ฉันขอนอนพักหน่อย

กู้อานหยานรับรู้ได้ เขาหลับตาลงด้วยแววตาเย็นลง

คนคนนี้รู้จักซูเล่ย แต่ว่า ในสนามแข่งขันวันนี้ ไม่คิดเลยว่าซูเล่ ยมีท่าทีพิเศษๆ กับเขาหรือไม่

โดยเฉพาะ เมื่อซูเล่ยเห็นคุณภาพและความเร็วของเขาในการ วาด ก็เห็นชัดๆ เลยว่าตกใจเป็นอย่างมาก

ถึงจะรู้จักกัน แต่ซูเล่ยกลับไม่ได้เข้าใจในความสามารถของฉัน โจวสักเท่าไหร่

เพียงแต่ว่า การแสดงออกของฉินโจวนั้น มันออกจะแปลกไป

หน่อย

“หยางอี เป็นอย่างไรบ้าง ? ” จู่ๆ กู้อานหยานก็มองหยางอีที่นั่ง อยู่ออกไปไม่ไกล
หยาง ยังคงค้นหาอะไรสักอย่างอยู่สักพัก ก่อนจะพูดว่า “ยังดีที กล้องวงจรปิดจับภาพในช่วงเวลานั้นเอาไว้ได้พอดี”

เขาปล่อยเมาส์ ก่อนจะมองกู้อานหยาน “เกรงว่า ก่อนที่พวกเรา จะไปเอาภาพ มันจะโดนทำลายไปหมดแล้ว”

บนโลกใบนี้ มีเรื่องอะไรที่บังเอิญขนาดนี้ด้วยเหรอ ?

มันต้องเป็นการวางแผนเอาไว้ก่อนแน่ๆ!

วันนี้การแข่งขันมันจบลงแล้ว การตัดเส้นและการลงสีของวัน พรุ่งนี้ ฉินโจวเลยจะได้พักสักหน่อยแล้ว

คืนนี้เหมือนกับว่าเขาจะมีเรื่องหนักใจแขนนั้นเจ็บไม่มาก เพราะ

เป็นเพียงแค่รอยถลอก

จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นมา ก่อนจะพูดว่า “วันนี้เหนื่อยหน่อยน่ะ ฉันกลับ ไปพักผ่อนก่อนนะ”

“โอเค เดี๋ยวให้เทียนโย่วไปส่งคุณกลับไปนะ” กู้อานหยานพูด

“ไม่ต้องหรอก ฉันระวังตัวหน่อยก็พอ” ฉินโจวปฏิเสธอย่างเสียง แข็ง
เหมือนกับว่าเขาอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว เพราะไม่รู้ว่าเหนื่อย จริงๆ หรือว่าเป็นอะไร

กู้อานหยานยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ฉินโจวพูดต่อว่า “พรุ่งนี้ ยังมีการแข่งขันอีก ทุกคนก็ไปพักผ่อนกันเร็วๆ นะ

เขามองพวกหยาง ก่อนจะพูดอย่างนิ่งๆ “พรุ่งนี้ถือว่าเป็น สนามรบของพวกคุณ ฝั่งของหลิวซ่าง น่าจะไม่ยากมาก เพียงแต่ ว่า การลงสีนั้นมีความมากอยู่ไม่น้อยเลย ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ

หยาง ตอบรับ “เข้าใจแล้ว”

ซูเสี่ยวหมี่มองเขาเดินออกไป แต่ก็ยังไม่วางใจ ไม่ต้องให้เทียน โย่วไปเป็นเพื่อนเหรอ ? ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ในสถานการณ์แบบนี้ เทียนโย่วไม่สามารถดูแลฉันตลอดได้หรอก ผู้ชายทั้งสองคนน่ะ”

เขาเปิดประตู ก่อนจะเดินออกไป

เมื่อเดินออกไป โทรศัพท์ก็กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้น พลางมองบน หน้าจอ :
“ชั้นแปดของร้านอาหารจึงหาว ฉันกำลังรอคุณอยู่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ