ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่191 มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นที่หลั่งน้ำตา



บทที่191 มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นที่หลั่งน้ำตา

บทที่191 มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นที่หลั่งน้ำตา

กลุ่มที่เข้าร่วมการแข่งขันมีทั้งหมดสิบกลุ่ม ขณะที่กู้อานหยาน เข้าสนาม ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา

มืออาชีพ !

เมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันที่อยู่โดยรอบ คำคำนี้มันก็ผุดขึ้นมาในหัว

พวกเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว บางคนก็เป็นบรรณาธิการ ส่วน อีกคนเป็นผู้ช่วย บางคนก็มีผู้ช่วยถึงสองคนเลยล่ะ

กลุ่มผู้เข้าแข่งขัน ไม่ได้มีกำหนดว่ามาแข่งได้แค่คนเดียวอยู่

แล้ว

ในบรรดาสนามแข่งแห่งนี้ มีเพียงกู้อานหยานเท่านั้น ที่มาเพียง คนเดียว

มันชัดเจนเลยว่า เธอไม่มีจุดแข็งใดเลย

ในสนามกีฬานั้นถูกเก็บกวาดเป็นอย่างดี และผู้เข้าแข่งขันต่าง นั่งอยู่ในสนามบาสเกตบอล
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ก็เป็นคณะกรรมการ

ขนาดผู้ชมที่อยู่โดยรอบ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมานั่งไม่น้อย แบบนี้

นักเรียนมากหน้าหลายตาต่างเข้ามาชมกันอย่างล้นหลาม ทุก คนต่างอยากจะมาดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันแบบนี้ เพราะ อยากจะรู้ว่ามันจะดุเดือดแค่ไหนกันแน่

ด้านหลังของผู้เข้าแข่งขันมีหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ มันเชื่อมต่อ เข้ากับคอมพิวเตอร์ของพวกเขา มันเพื่อต้องการให้ทุกๆ คนเห็น ทุกๆ ตัวอักษรที่พวกเขาเขียน

หลังจากที่ทีมงานแนะนำการแข่งขันพิเศษครั้งนี้เสร็จ ผู้เข้า แข่งขันต่างก็พากันถกเถียงขึ้นมา

การเขียนบทรักนั้นไม่ต่างอะไรกับการแต่งเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้น มา ไม่มีใครเคยลองแต่งในขณะที่มีผู้ชมรายล้อมมากขนาดนี้มา ก่อน

บางคนที่ความสามารถในการรับแรงกดดันมีไม่มาก ก็ไม่มีทาง จะเขียนออกมาได้เลย

“การทนรับสวะแรงกดดัน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของพวกเรา”

เจ้าหน้าที่เหมือนจะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทุกคนมีปฏิกิริยา อย่างไร จึงอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “นี่เป็นข้อกำหนดที่บริษัท เจียงชื่อกรุ๊ปเสนอมา หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ

ถ้าเกิดเป็นข้อกำหนดที่บริษัทเจียงซื่อกรุ๊ปเสนอมา งั้นไม่ว่าผู้ เข้าแข่งขันจะเข้าใจหรือไม่ ก็ต้องยอมรับให้ได้

ในสถานการณ์แบบนี้การแข่งขันนั้นมันยุติธรรมดี เพราะทุกๆ คน เหมือนกันหมด ถ้ารับไม่ได้แล้วจะทำอย่างไรได้ ?

กรรมการค่อยๆ ทยอยเข้ามาในสนามแข่งทีละคนๆ

ในฐานะที่เป็นตัวแทนจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ตอนที่กู้เวยจือถูก เรียกให้เข้าสนาม ผู้ชมก็ถูกดึงดูดสายตามาในทางเดียวกันพลาง พากันตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะคนที่มีความชำนาญด้านการเรียนการ์ตูน เมื่อรู้ว่า ขนาดบริษัทมู่ชื่อกรุ๊ปยังสนใจที่จะทำธุรกิจด้านนี้ ก็ตื่นตัวกันขึ้น

มา

เพียงแต่ว่าเจ้าภาพในการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่บริษัทมู่ชื่อกรุ๊ป แต่ เป็นบริษัทเจียงเอกรุ๊ป
ดังนั้น เมื่อคนของบริษัทเจียงซือกรุ๊ปเข้ามาในสนามการแข่งขัน เลยเกิดความฮือฮากันยกใหญ่

“เขาเป็นคนรับผิดชอบบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ปงั้นเหรอ ? พระเจ้าช่วย ทำไมหล่อขนาดนี้ !

“นั่นไม่ใช่คุณชายรองของบริษัทเจียงชื่อกรุ๊ปหรอกเหรอ ? วันนี้ คุณชายรองเจียงมาด้วยตัวเอง ! ”

“คุณชายรองเจียงหล่อจังเลย ! ฉันรู้สึกว่าฉันอยากมีความรัก เสียแล้วสิ ! ”

“ฮือๆ หล่อเกินไปแล้ว รูปร่างของเขาก็ดูสมบูรณ์แบบเหลือเกิน

“ฉันชอบขายาวๆ ทั้งสองข้างของเขาจังเลย เซ็กซี่เหลือเกิน !

โอ๊ย……

ที่นั่งที่กู้อานหยานนั่งอยู่ในเขตการแข่งขันนั้น ขนาดผู้หญิงที่ นั่งอยู่ข้างๆ เธอเมื่อได้เห็นตัวแทนของบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ป ก็อด ไม่ได้ที่จะหายใจเฮือกใหญ่ไปตามๆ กัน

เป็นอารมณ์เดียวกับตอนที่เธอได้เจอเขาครั้งแรก
ใช่ หล่อมาก สมบูรณ์แบบมาก เซ็กซีมากอีกด้วย จนสามารถ ทำให้คนเป็นบ้าไปเลยก็ได้

แต่ว่า ทำไมถึงเป็นเขา ?

เจียงนาน !

เขาเป็นคนของบริษัทเจียงชื่อกรุ๊ป เขาแซ่เจียง……เขาเป็น คุณชายของตระกูลเจียง !

น่าจะรู้ก่อนหน้านี้ การที่สามารถเป็นเพื่อนกับคุณชายใหญ่มู่ มูลค่าของตัวเองจะต้องตกต่ำได้สักแต่ไหน ?

แซ่เจียง ฐานะก็ไม่เลวเลย เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคุณชายของ ตระกูลเจียงไม่ใช่เหรอ ?

เธอเพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้ ! น่าเสียดายจริงๆ !

หลังจากที่เกิดความตื่นตัวกันมากมาย อานหยานก็ผลุบสายตา ลง ก่อนจะมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง

โดยที่ไม่วอกแว่ก ไม่คิดเรื่องอื่น สงบและเงียบ !

ถึงแม้ว่า ในใจจะมีเรื่องมากมายให้สงสัยทําไมเมื่อรู้ว่าตัวเองจะลงแข่งขัน ถึงยังมีข้องเกี่ยวกับเธอ

ทำไมไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอรู้ แต่กลับตั้งใจเข้าหาเธอ

ทำไม ถึงใช้วิธีนี้ ในการปรากฏตัวมา !

เมื่อเงยหน้าขึ้นมา กลับสบตากับแววตาคู่หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง

เขานั่งอยู่ในที่ของกรรมการ แววตาพลางมองไปที่สนามการ แข่งขัน และมาสบตากับเธอพอดี

ราวกับว่ากำลังจ้องมองเธอตลอด แต่กลับเหมือนว่ามองมาอย่าง ไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน

หลังจากนั้น เขาก็กวาดสายตาไป โดยที่ไม่มองมาทางเธออีก

กู้อานหยานหลับตาลง ก่อนจะพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง

ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายอะไร ก็จะจำคำลาของตัวเองในวันนี้ให้ได้
การที่เธอสามารถเข้ารอบชิงมาได้นั้น ก็เป็นเพราะความสามารถ ของตัวเธอเองทั้งนั้น

ดังนั้นวันนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นกรรมการ สำหรับเธอ มันก็ไม่มีความ แตกต่างอะไร

เมื่อใกล้ถึงเวลา พิธีกรก็จับไมโครโฟนขึ้นมา ก่อนที่จะประกาศ เริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

หลังจากนั้น ผู้ช่วยของบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ป ก็ประกาศเนื้อหาที่จะ ใช้ในการตัดสิน : การปะทะ

เมื่อคำคำนี้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ฝั่งผู้เข้าแข่งขันรวมไปถึงฝั่ง ผู้ชมต่างมีเสียงเอะอะขึ้นมา

การปะทะ นี่มันหัวข้ออะไรกันแน่เนี่ย ?

พวกเขาไม่เคยทดลองการตัดสินแบบนี้มาก่อน เมื่อคำคำนี้ ปรากฏขึ้นมา พวกผู้เข้าแข่งขันต่างพากันอึ้งไปชั่วขณะ แต่ทว่า ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

ความชำนาญนี้ มันผุดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
บรรณาการกับผู้ช่วยเกิดการพูดคุยกันนิดหน่อย โดยพูดคุยไป ด้วยและเขียนบทร่างขึ้นมาด้วย

หน้าจอที่อยู่ทางด้านหลังพวกเขา ในขณะนั้นเอง ไม่มีใครเห็น ว่าคนอื่นกำลังเขียนอะไรกันอยู่เลย

แต่ทว่า กรรมการและผู้เข้าแข่งขัน ต่างมองเห็นอย่างชัดเจน

กลุ่มส่วนใหญ่นั้นคิดไปเขียนไป ส่วนสิ่งที่เขียนออกมานั้น ถูก ลบออกอย่างรวดเร็ว และเริ่มเขียนใหม่

มีเพียงแค่กู้อานหยานคนเดียวที่จดจ้องหน้าจอคอม ไม่รู้ว่ากำลัง เหม่อลอยหรือว่ากำลังคิดอยู่ แต่ถึงอย่างไร บนหน้าจอนั้นโล่ง ว่างมาก โดยที่ไม่มีการเขียนอะไรลงไปเลย

ซูเสี่ยวหมี่กับเห้อหลิงฉือที่นั่งอยู่ในส่วนของผู้ชมนั้นต่างร้อนรน

ใจกันอยู่ไม่น้อย

การแข่งขันครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพ แต่ยังวัดความรวดเร็ว

อีกด้วย

ถึงจะวัดกันด้านประสิทธิภาพมากกว่า แต่ทว่าความเร็วก็เป็นอีก หนึ่งส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน
ใครเขียนเสร็จก่อน อย่างน้อยก็ยังนำอยู่ในด้านของเวลา

ด้านประสิทธิภาพ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคนอื่นมีความสามารถมาก ขนาดไหน แต่สําหรับผู้ชม ราวกับว่ามันไม่ได้มีอะไรต่างกันมาก

ทีมของนักวาดการ์ตูนสาว ส่วนใหญ่เป็นการปะทะระหว่างหญิง ตัวประกอบกับนางเอกและนางเอกก็ตบตี

บ้างก็เป็นการปะทะระหว่างนางเอกกับพระเอก จากนั้นพระเอก ก็จับนางเอกชิดกำแพงหรือไม่ก็จับกดลงบนเตียงก่อนจะทำการ ปลุกปล้ำ

มันจะต้องมีการเริ่มต้น การดำเนินเรื่องต่างๆ จากนั้นก็เป็นตอน

จบ

การเขียนแต่ละวรรคแต่ละตอนนั้น มีความยากอยู่ไม่น้อย

“อานหยานเป็นอะไร คนอื่นเขียนไปเศษหนึ่งส่วนสามแล้ว ทำไมเธอยังไม่เริ่มเขียนอีกล่ะ ? ”

เห้อหลิงจ๋อมองบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนมุมกล้องไป โดย ส่วนใหญ่คนก็กำลังเริ่มพิมพ์ลงไปไม่น้อยแล้ว
มีบางคนร่างไปเศษหนึ่งส่วนสามจนเกือบจะถึงครึ่งหนึ่งแล้วด้วย

แต่ว่า เมื่อหน้าจอขนาดยักษ์วนมาที่หน้าจอของกู้อานหยาน กลับมีแต่ความว่างเปล่า

แววตาของเจียงนานล็อกอยู่ที่ใบหน้าของกู้อานหยาน

เธอจ้องหน้าจอ ด้วยแววตาจริงจัง น่าจะกำลังคิดอยู่

เพียงแต่ว่า คนอื่นเริ่มร่างกันไปหมดแล้ว แต่จนตอนนี้เธอยังไม่ เริ่มลงมือเลย ในด้านเวลานั้น ถือว่าตามหลังคนอื่นแล้วจริงๆ

คงไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเขา เลยทำให้เธอตกใจหรอก

นะ ?

ซูเสี่ยวหมี่ร้อนรนจะถึงกับลุกขึ้นเรียกเห้อหลิงจือ อย่างเบาเสียง ว่า “อย่ารนไปนะ อานหยานอาจจะไม่ได้เร็วที่สุด แต่ก็จะไม่ใช่คน ที่ช้าที่สุดอย่างแน่นอน”

เธอเชื่อกู้อานหยาน แม้จะไม่น่าเชื่อเลยก็ตาม

ถึงเห้อหลิงจือจะรู้จักกับกู้อานหยานมาได้ไม่นาน แต่ว่าเธอก็ยังมีความเป็นห่วง

ในที่สุด นิ้วเรียวยาวของอานหยานก็วางลงกับคีย์บอร์ด ก่อนจะ เริ่มพิมพ์ลงไป——

ฉากแรก : ค่ำคืนท่ามกลางสายฝน ที่โหมกระหน่ำ มีผู้หญิงคน หนึ่งกำลังกอดเข่าร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้

มีชายที่ใส่รองเท้าหนัง กำลังเดินท่ามกลางสายฝน

ฝนที่สาดลงมาบนหัวของผู้หญิงคนนั้นหายไป เธอจึงเงยหน้า ขึ้นมองด้วยความแปลกใจ

ผู้ชายคนนั้นกางร่มให้ พลางก้มมองมาที่เด็กผู้หญิงคนนั้น ก่อน จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มีเพียงแค่คนที่อ่อนแอเท่านั้น ที่ จะร้องไห้”

เขายื่นมือออกมา ส่วนเด็กหญิงคนนั้นก็ยื่นมือออกมาเช่นกัน

พวกเขาจับมีซึ่งกันและกัน……..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ