ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที 53 แค่สองวัน ก็โดนทอดทิ้งแล้วเหรอ



บทที่ 53 แค่สองวัน ก็โดนทอดทิ้งแล้วเหรอ

ทั้งสองคนแค่เดินในสวนกันครู่เดียว คุณท่านก็มาตามคนแล้ว

กับสภาพร่างกายของคุณหญิงใหญ่ตอนนี้ ไม่เหมาะกับอยู่ข้าง นอกนาน ๆ

เธอออกมาครู่เดียว ก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว

มู่บ้านเปียกับคุณท่านมาพร้อมกัน

เพราะฉะนั้น หลังจากคุณท่านและคนรับใช้เข็นคุณหญิงใหญ่จาก ไปแล้ว ท่ามกลางสวนดอกไม้ ก็เหลือเพียงมู่จ้านเปียและกู้อาน ยานสองคน

คำพูดคุณหญิงใหญ่ ยังวนเวียนอยู่ในหัวของกู้อานหยาน “จะต้อง ให้เปียขอบเธอให้ได้…

จะให้ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้มาชอบเธอเหรอ พูดง่ายแต่ทำยาก?

ชาติที่แล้ว เธอใช้ทั้งชีวิตวิ่งตามรักที่เธอต้องการ จนกระทั่งถึง วินาทีที่ตาย ก็ยังตามไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว เรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีบทสรุป ทำไมยังต้องต้นทุรังอีกครั้ง?

สองคนเดินตามทางเล็ก ๆ ในสวน ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ดูเหมือน เดินเคียงคู่กัน แต่กลับไม่มีอะไรจะพูดคุยกัน

มีหลายครั้ง อานหยานอยากจะแอบมองเขา แต่ทุกครั้งที่จะเงย หน้า ก๊อดกลั้นไว้ให้ก้มหัวลง

เมื่อคืนเขาพูดชัดเจนแล้ว แค่ความสัมพันธ์กันตามสัญญาเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเพียงความสัมพันธ์ตามสัญญา ทำเหมือนดูรักกันดีตอน ที่มีคนก็พอแล้ว ตอนไม่มีคนยังจะเข้าใกล้เขาอีก ไม่แน่เขาอาจจะ ผลักเธอออกก็เป็นไปได้

มู่บ้านเปียก็ยังรักษาความสงบนิ่งไว้เหมือนเดิม ไม่ได้ถอยห่าง และ ไม่ได้เข้าใกล้ ไม่มีอะไรต่างจากตอนปกติ

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามให้ตัวเองสงบสติลง

ทำไมไม่เรียนรู้จากคุณชายใหญ่มู่บ้าง ดูอย่างเขาซึจิตใจสงบนิ่ง ตลอดเวลา? ไม่ทันรู้ตัว ก็เดินมาถึงสวนหลังบ้าน

อาหารเที่ยงทุกคนลงความเห็นกันว่าจะทานกันในสวน ที่หลังสวน ถูกจัดเตรียมสถานที่ไว้แล้ว โต๊ะเก้าอี้แบบบุฟเฟต์ถูกจัดเตรียมไว้ แล้ว

ช่วงที่คุณท่านและคุณหญิงใหญ่ต่างก็ไม่อยู่นั้น บรรยากาศใน สวนทั้งสวนก็ดูครึกครื้นขึ้นมาไม่น้อย

มู่เสี่ยวหย่าน เห็นมู่บ้านเป่ยเดินเข้ามา ก็รีบพาเพื่อนทั้งสองคนของ เธอไปต้อนรับ

“พี่ใหญ่ พี่ไปไหนมา เราหาพี่กันตั้งครึ่งวันแล้ว”

“คุณชายใหญ่มู่ พี่ชายฉันก็มาแล้ว อยากจะรู้จักกับคุณสักหน่อย

คุณชายใหญ่มู่ เป็นเกียรติของผมแล้ว ผมคือหานจากจินติ่ง…

ขอแค่เป็นที่ที่มีคน คุณชายใหญ่ก็จะเนื้อหอมมาก ๆ เดินไปถึง ไหนก็จะโดนผู้คนห้อมล้อม กู้อานหยานโดนเบียดไปอยู่ข้างนอก แต่เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะ เบียดเข้าไป หมุนตัวเดินไปอีกทาง แล้วหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาลิ้มลอง แก้วนึง

งานเลี้ยงของตระกูลมู่ เทียบกับของบ้านอื่นนั้นไม่เหมือนกัน แค่ งานเลี้ยงธรรมดา ก็ยังชักนำให้มีแขกเหรื่อที่อยากมากันเองนับไม่ ถ้วน

กลางคืนถึงจะงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ ตอนนี้เป็นแค่อุ่นเครื่อง เท่านั้น

เธอกำลังจะหาที่นั่งพัก คิดไม่ถึง เสียงที่เพิ่งจะคุ้นเคย อยู่ ๆ ก็ดัง ขึ้นข้างหลัง

“นี่ไม่ใช่คุณผู้หญิงของตระกูลมู่เราไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาอยู่นี่คน เดียว พี่ใหญ่ฉันทิ้งเธอแล้วเหรอ?

ได้ยินเสียงนี้แล้ว กู้อานหยานก็รู้สึกอยู่ไม่สุขขึ้นมาทั้งตัว

ทั้ง ๆ ที่เกลียดเธอขนาดนี้ ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่ไป ไม่พอทำไม ยังจะเข้ามาหาอีก?

เธอถือเครื่องดื่มไว้ ทำเหมือนไม่ได้ยิน เดินหน้าต่อไป อยู่ ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งตัดหน้าเข้ามา มาขวางอยู่ตรงหน้าเธอ

“ยัยอัปลักษณ์ มู่บ้านเปียเขาไม่เอาเธอแล้ว เธอยังจะแกล้งทำตัว เป็นผู้ดีอีก?”

ยังไงก็หลบไม่พ้น อานหยานรู้สึกเบื่อหน่าย หันหน้าไปมองหนึ่ง

มู่บ้านเป่ยยังโดนผู้หญิงกลุ่มนึงห้อมล้อมอยู่ ในมือถือเหล้าไว้แก้ว นึง ไม่รู้กำลังคุยอะไรกับชายหนุ่มข้าง ๆ สองคนอยู่

ทุกครั้งที่คุณชายใหญ่พูดคำนึง หญิงสาวเหล่านั้นก็เหมือนจะ หลงมัวเมาครั้งนึง

ถึงแม้เธอไม่เถียงว่าคุณชายใหญ่จะมีคุณสมบัติเหล่านั้น แต่ มองแล้วช่างไร้ยางอาย!

ผู้หญิงสำส่อนพวกนี้ ไม่เคยเห็นผู้ชายมาก่อนหรือไง? ไม่รู้หรือว่า ผู้ชายคนนี้เขามีคู่หมั้นแล้วเหรอ?

“เป็นไงบ้าง? เพิ่งจะหมั้นได้สองวัน ก็โดนทิ้งแล้วเหรอ?

มู่เจ่อหนานยืนพิงกับโต๊ะ จ้องมองใบหน้าเรียวที่ดูยุ่งเหยิงของกู้ อานหยาน

เขาชอบดูท่าทางเธอตอนอารมณ์ไม่ดี เห็นเธอเจ็บปวด แล้วเขาก็

จะมีความสุข

“ที่จริงเธอน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าจะต้องมีจุดจบแบบนี้ หน้าแบบนี้ ของเธอ มีสิทธิอะไรไปคู่ควรกับคุณชายใหญ่?”

เขามองเงาร่างที่อยู่ไกล ๆ ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็น

ความจริง!

“รูปลักษณ์ของคุณชายใหญ่ บุลลึก ฐานะ หน้าที่การงาน เธอมี อะไรคู่ควรกับเขา?”

“นั่นซิ ฉันมีอะไรคู่ควรกับเขา?

กู้อานหยานยก ๆ ไหล่ แต่ฉัน คนที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักนิด กลับได้เป็นคู่หมั้นของเขา นายว่ามันไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหม?”

มู่เจ๋อหนานหน้าตาขรึมลง จ้องหน้าตาน่าเกลียดของเธอเขม็ง

“เหอ โลกนี้มันก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ ก็เหมือนนายที่พยายาม แทบตายอยากจะแซงหน้าเขา แต่คุณชายใหญ่คู่กลับ ไม่จำเป็นต้องแข่งกับนายสักนิด

เธอยิ้มเย็น ประโยคเดียวก็ใจดำเขาได้แล้ว “เรื่องบางเรื่องมัน เป็นไปโดยธรรมชาติ ก็เหมือนอย่างเขาหนังสือยังไม่ต้องอ่าน ผล การเรียนก็ดีกว่านาย แต่นาย……

อยู่ ๆ เธอก็เดินหน้า เจ๋อหนานกลับถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว

แต่นาย ฝึกฝนแทบตาย อ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน นึกว่าจะใช้ ความพยายามของตัวเองทำให้เขาด้อยลง แต่ว่าหลายปีมานี้ นาย ไม่เคยสอบชนะเขาแม้แต่ครั้งเดียว”

“รอจนเรียนจบ ออกมาทำงาน นายใช้เส้นสายทุกอย่างที่มี ขอให้ คุณท่านมอบตำแหน่งที่ดีที่สุดกับนาย แต่ว่าผลงานกลับไม่เคยได้ อย่างที่หวัง”

แต่คุณชายใหญ่มู่ เขาไม่ไดตั้งใจจะกลับไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่อ กรุ๊ปแต่แรก เพียงเพื่อให้คุณหญิงใหญ่สบายใจ เลยสมัครงานใน บริษัทมู่ อกรุ๊ปไป”

แต่หลายปีมานี้เวลาที่ทำงานที่บริษัทมู่ชื่อกรุ๊ปของเขายังสู่เศษ หนึ่งส่วนสิบของนายไม่ได้ แต่ผลงานของเขากลับมีมากกว่านาย สิบเท่า” “เธอหุบปากนะ!” เจอหนานกำหมัดแน่น อีกนิดเดียวก็จะอดไม่ได้ ออกหมัดแล้ว!

“คนชั้นต่ำ! หยุดพูดเหลวไหลนะ ถ้าเธอยังพูดไปเรื่อยอีก เชื่อไหม หนึ่งหมัดฉันก็น๊อคเธอได้?”

“คุณชายรองมู่ นายมีปัญญาแค่นี้เหรอ รังแกแต่ผู้หญิง?”เชอะ เก่ง จริง ก็ลองไปรังแกคุณชายใหญ่ดูซิ!

อานหยานไม่อยากเยาะเย้ยเขาจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าคุณชายรอง เป็นอะไร ทุกครั้งที่เจอเธอก็จะพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามเธอตลอด

เธอก็ไม่ใช่แม่พระนะ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่กำลังเห็นมู่บ้าน เบี้ยถูกผู้หญิงมากมายห้อมล้อมไว้ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

คนกำลังอารมณ์ไม่ดียังจะมาแหย่อีก ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วคือ

อะไร?

“ฉันเตือนนายทางที่ดีก็คุมอารมณ์ตัวเองไว้หน่อย คุณปู่กับคุณย่า ยังอยู่ในบ้านนะ”

เธอรู้สึกไร้สาระ แล้วเดินอ้อมเขาไป เจอหนานมองตามหลังเธอไป หมัดยิ่งกำยิ่งแน่น แต่ว่าที่สุดก็ไม่ กล้าต่อยออกไป

ใช่ถูกต้อง คุณท่านกับคุณหญิงใหญ่ยังอยู่ เขายังไม่กล้าจริง ๆ !

ช่วงนี้เพิ่งจะทำผลงานในบริษัทมู่ชื่อกรุ๊ปได้ขึ้นมาหน่อย นี่เขาก็ใช้

สุดความสามารถของเขาแล้วนะ! เขาไม่เหมือนมู่บ้านเป่ย ที่ใช้สมองเพียงน้อยนิดก็สามารถทำให้ บริษัทมู่ชื่อกรุ๊ปได้รับผลกำไรอย่างนับไม่ถ้วน ผลงานของเขาทุก

ชิ้น ล้วนมาจากความยากลำบากของเขาทั้งนั้น

ฟ้าช่างไม่ยุติธรรม และความไม่ยุติธรรมแบบนี้ อยู่กับชีวิตเขามา สิบกว่ปีแล้ว!

แค่ฟูจ้านเป่ยข่มเขาคนเดียวก็ช่างเถอะ แต่ยัยอัปลักษณ์ที่สมควร ตายนี่ มันเป็นใครมาจากไหน มันมีสิทธิอะไร?

“เธอดูเป็นห่วงเพื่อนคนนั้นของเธอมากนะ?” อยู่ๆ เขาก็คลาย กําปั้นออก ยิ้มเย็น “ดูเหมือนจะชื่อว่าซูเสี่ยวหมี่?”

กู้อานหยานฝีเท้าสะดุด หันมาจ้องเขาเขม็ง สีหน้าคร่ำเครียด “นายอยากพูดอะไร? ” “ได้ข่าวว่าเขาโดนใส่ร้ายให้อับอาย ตกใจจนต้องเข้าโรงพยาบาล ดูเหมือน ยังไม่ตกใจตายใช่ไหม?

เขาพิงอยู่ข้างโต๊ะ รอยยิ้มชั่วร้าย “ขวัญอ่อนขนาดนี้ ถ้าทำให้ ตกใจอีกสักทีสองที จะเป็นไปได้ไหมที่จะตกใจจน….ตาย?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ