บทที่ 219 ชีวิตคนมันสั้น จงรีบหาความสุขใส่ตัว
บทที่ 219 ชีวิตคนมันสั้นมาก รีบหาความสุขใส่ตัว
“เธอจะทำอะไร?”ซูหยานแทบจะกลายเป็นบ้าแล้ว
มู่บ้านเป่ยเองก็มองอยู่ที่กู้อานหยานด้วยความคาดไม่ถึงเหมือน
กัน
สาวน้อยคนนี้ พอถึงคราวต้องโหด……. เหรอ! ก็โหดได้ถึงขนาดนี้เลย
ถึงแม้จะดูโหดร้าย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เขากลับรู้สึกว่ามันน่าชื่นชม อย่างบอกไม่ถูก
แบบนี้สิถึงจะสมเป็นผู้หญิงของเขามู่บ้านเป่ย
เมื่อวางสายแล้ว กู้อานหยานก็เก็บโทรศัพท์ทันที และมองไป ทางซูหยานด้วยสายตาที่ไม่สนใจไยดี
“ฉันไม่ได้จะทำอะไร ฉันแค่ต้องการใช้วิธีนี้ เพื่อเป็นการยืนยัน ให้กับผู้ใหญ่บางคนที่พูดว่า คนคนหนึ่งที่อายุยี่สิบสองปีแล้วยัง เป็นเด็กอยู่ ทำให้รู้ว่าเธอนั้นไม่ใช่เด็กแล้ว”
ต่อไปถ้ามีใครบางคนทำผิด จะได้ไม่ต้องเอาความคิดของตัวเองมาพูดว่า เขานั้นยังเป็นเด็กอยู่
และอย่าใช้อารมณ์ของตัวเอง ไปวัดความสนใจที่คนอื่นมีต่อคำ ว่า “เด็ก” ของคุณ
ถึงแม้จะเป็นเด็ก ถ้าไม่ระวังเด็กที่มีปัญหาก็สามารถให้บทเรียน กับสังคมได้ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่มีอายุ
“เมื่อกี้เธอโทรหาใคร ก็รีบสั่งให้คนคนนั้นหยุดทุกอย่างเดี๋ยวนี้ นะ! เร็วๆ!”
ซูหยานเดินเข้าไปหาเธอ เพื่อที่จะแย่งโทรศัพท์ของเธอ
กู้อานหยานเบี่ยงตัวหลบ แล้วไปนั่งอยู่ข้างหน้าของมู่บ้านเป่ย
ทันที
ซูหยานยังอยากจะเข้าไปดึงเธอไว้ แต่มู่บ้านเป่ยยกมือขึ้นมา แล้วผลักมือของซูหยานกลับไป: “ป้าซู พอเถอะ!”
“เป่ยจะไม่ห้ามหน่อยเหรอ? เป่ยรู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังจะทำ อะไร?”
ตอนนี้ซูหยานอยากจะร้องไห้เต็มทน เด็กที่เธอรักและดูแลมา ตลอดหลายปี ตอนนี้กำลังช่วยคนอื่นจัดการกับเธออย่างนั้นเหรอ?
“เป่ย นี่ป้าเป็นป้าซูของเป่ยนะ! ถึงแม้ป้าจะไม่ใช่แม่แท้ๆของเป่ย แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ ป้าเคยทำไม่ดีกับเป่ยอย่างนั้นเหรอ?”
“เธอทำแบบนี้ ก็เท่ากับต้องการจะทำให้เล่ยเล่ยตาย! เป่ย เป่ยจะ ช่วยผู้หญิงใจอำมหิตคนนี้จริงๆเหรอ?”
“ถ้าหากหลานสาวของป้าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ แล้วเป็น เธอกับเพื่อนๆของเธอที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา ผมรับรองว่าผมจะ ทำโทษเธอแน่”
มู่บ้านเป่ยค่อยๆผลักมือของเธอออก ซูหยานยังไม่อยากกลับไป แต่กลับถูกหลีเย่เดือนให้กลับไป
“คุณผู้หญิงครับ ในเมื่อคุณชายใหญ่ยอมให้คำสัญญากับคุณผู้ หญิงแล้ว แล้วทำไมคุณผู้หญิงถึงต้องทำแบบนี้อีกล่ะครับ?”
“ไม่ได้ ฉันจะห้ามเธอ เป่ย เป่ยต้องห้ามเธอนะ ไม่งั้นเธออาจจะ ทำให้เล่ยเล่ยตายได้! ”
แต่มู่บ้านเปียกลับเงยหน้าขึ้นมามองเธอ โดยไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆแล้วพูด: “งั้นความหมายของป้าซูก็คือ แม้แต่ตัวของป้าซู มั่นใจว่า หลานสาวของป้านั้นได้ทำเรื่องที่ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ จริงๆใช่ไหม?”
“ป๋า……”สีหน้าของซูหยานนิ่งอึ้งทันที “เล่ยเล่ยยังเป็นเด็กอยู่ เธอยังไม่เข้าใจอะไรหรอก
“งั้นรอให้ป๋ารู้ความจริงของเรื่องนี้ก่อน ไตร่ตรองให้เข้าใจว่าเธอ นั้นยังเป็นเด็กอยู่หรือไม่ แล้วค่อยมาหาผมอีกรอบแล้วกัน ”
แล้วมู่บ้านเป่ยจึงยกมือโบกไปมา
หลีเย่จึงรีบมองไปทางซูหยานแล้วพูด: “คุณผู้หญิงใหญ่ครับ นี่ มันก็ดึกมากแล้ว ผมว่าคุณผู้หญิงรีบกลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
“เป่ยอย่าทำแบบนี้เลย เป่ยอาจจะทำให้เล่ยเล่ยตายได้นะ เป่ยป๋า ซูขอร้องเถอะนะ ห้ามเธอให้ป้าหน่อย ห้ามเธอให้ป้าที……
ถึงแม้ซูหยานจะไม่ได้รับความเคารพจากคุณหนูตระกูลมู่ทั้งสอง คน แต่เธอก็มีตำแหน่งของเธอ
โดยเฉพาะ มู่ล้านเปียที่ค่อยเคารพเธอมาตลอด
ตำแหน่งและสถานะแบบนี้ของเธอ ถูกคนอื่น”ชักชวนให้ออก มาจากห้องพักว่างเจียงเก๋อ แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้?
แต่สิ่งที่เธอเสียใจมากที่สุดไม่ใช่สิ่งนี้ แต่เป็นการที่เป่ยไม่คิดจะ ไว้หน้าของเธอเลยสักนิดต่า หาก
เขาเลือกฟังคำพูดของกู้อานหยาน แล้วกำลังจะบีบให้เล่ยเล่ย ตาย
จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ชีวิตทั้งชีวิตของเล่ยเล่ย จะถูกทำลายโดย พวกเขาจริงๆเหรอ!
หลังจากออกไปส่งซูหยานที่หน้าประตูเสร็จแล้ว หลีเย่ก็กลับเข้า มา แล้วมองไปที่กู้อานหยาน:”คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิงจะ…….
เขาเลือกที่จะไม่ถามออกไป แต่เรื่องแบบนี้ เขาก็หวังว่าจะเป็น แค่การพูดเล่นของคุณผู้หญิงเท่านั้น
เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าเรื่องมันดังขึ้น คนของสองตระกูลจะต้อง มองหน้ากันไม่ติดแน่นอน
“คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิง…….แค่ต้องการจะขู่คุณผู้หญิงใหญ่ ใช่ไหมครับ?”
“แล้วเวลาคุณชายใหญ่ของพวกนายทำอะไร จะทำแค่ขู่คนอื่น ไหมล่ะ?”
กู้อานหยานยกแก้วชาขึ้นมา แล้วจิบไปหนึ่งที
“เออ….
“หลีเย่หันไปมองมู่บ้านเป่ยแวบหนึ่ง
เวลาคุณชายใหญ่ทำอะไร ก็จะไม่ทำแค่ขู่
การข่มขู่คืออะไร เขาไม่เข้าใจ
คุณชายใหญ่เป็นคนที่ไม่ทำก็คือไม่ทำ แต่เมื่อพูดว่าทำ ก็จะ ลงมือทำอย่างแน่นอน
แต่ว่า เรื่องนี้อาจจะทำร้ายหน้าตาของทั้งสองตระกูลได้ เพราะ ว่าคุณผู้หญิงใหญ่อยู่ที่ตระกูลของพวกเขามายี่สิบกว่าปีแล้ว และ เธอก็ค่อยรักและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีมาตลอด
แต่แค่คุณผู้หญิงเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็ทำร้ายคุณผู้หญิงใหญ่ขนาดนี้ แล้ว แล้วต่อไปทุกคนในตระกูลนี้จะอยู่กันอย่างปรองดองได้ยัง ไง?
*หลีเย่ ถ้าหากนายรู้สึกว่าการที่ฉันทําแบบนี้ มันทําให้ตระกูล เสียหน้า งั้นเรื่องนี้นายก็คิดซะว่าฉันกู้อานหยานเป็นคนทําอยู่
เธอวางแก้วชาในมือลง แล้วยืนขึ้นโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
“เบื้องหลังของเด็กมีปัญหาทุกคน ก็จะมีผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มมี ปัญหาอยู่ด้วยเหมือนกัน และคุณผู้หญิงใหญ่ของพวกนาย ก็เป็น หนึ่งในผู้ปกครองที่มีปัญหา”
“คุณผู้หญิงใหญ่จะ..………….
“การที่ถูกตามใจมากจนเกินไป มันก็คือความผิดอย่างหนึ่ง แล้ว ถ้าซูเล่ยไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ แต่เป็นฉันที่เป็นคนสร้างเรื่อง ขึ้นมาเองและใส่ร้ายเธอ มันไม่จําเป็นที่จะต้องให้นายมาเดือน ฉันหรอก เพราะยังไงซะคุณชายใหญ่ของพวกนายก็จะจัดการฉัน แน่นอน”
ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” มู่บ้านเป่ยก็วางแก้วลงเหมือนกัน อย่าง มากเขาก็คงใช้วิธีอื่นมาจัดการเธอ
เมื่อเห็นกู้อานหยานเดินขึ้นไปข้างบน มู่บ้านเป่ยจึงได้เดินตาม เธอขึ้นไปเหมือนกัน
หลีเย่มองไปที่แผ่นหลังของทั้งสองคน แล้วถอนหายใจออกมา ทันที
คุณผู้หญิงพูดว่า เบื้องหลังของเด็กมีปัญหาทุกคน ก็จะมีผู้ ปกครองที่มีปัญหาอยู่ด้วย
ถ้าเอาประโยคนี้มาเปรียบกับพวกเขาทั้งสองคน มันก็ดูจะเหมาะ สมไม่ใช่เหรอ?
หลีเย่เชื่อว่า ถ้าหากคุณผู้หญิงทำอะไรผิดพลาดไป หรือว่าไป ทำร้ายใครบางคนมา คุณชายใหญ่จะเข้าข้างคุณผู้หญิง จะไม่มี ใครเอาชนะคุณชายใหญ่ได้แน่นอน
เพราะว่าคุณชายใหญ่นั้น เป็นคนที่เข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว!
กู้อานหยานหยุดลงที่หน้าห้องของตัวเอง แล้วหันกลับไปมอง ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังของตัวเอง
“คุณชายใหญ่มู่คะ นี่เลยห้องนอนคุณมาแล้วนะคะ ห้องของคุณ อยู่ฝั่งโน้นค่ะ”
“ก็คุณไม่ไปห้องของผมเอง ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายไปห้องของ คุณแทน”
แต่กู้อานหยานกลับยืนอยู่ตรงหน้าประตู เพื่อขวางไม่ให้เขา เข้าไป: “คุณชายใหญ่ม ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วนะคะ”
“แล้วไง?” เขาเดินหน้าเข้ามาหนึ่งก้าว แต่กู้อานหยานกลับถอย หลังไปหนึ่งก้าว เขาจึงรีบมายืนอยู่ตรงประตู และยันแขนของตัว เองไว้ตรงข้างประตูทันที
“อาบนํานอน? ความคิดอะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกสนุกขึ้นมา ทันที”หรือว่าอาบด้วยกันดี?”
“อาบ……ด้วยกัน?” กู้อานหยานใช้เวลาอยู่สักพักถึงได้ตอบ สนองกลับมากลับ เธอจึงรีบถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าวทันที
“ก็ผมไม่เคยลองมาก่อน เลยอยากจะรู้ว่ามันจะเป็นยังไง” เขา ก้าวเท้ามาใกล้เธออีกหนึ่งก้าว แล้วยื่นมือไปปิดประตูห้องทันที
กู้อานหยานจึงถลึงตาใส่เขาทันที: “คุณชายใหญ่มู่ เรื่องที่ คุณชายไม่เคยลองบนโลกใบนี้มันมีเยอะแยะจะตายไป คุณชาย จําเป็นต้องลอง…….ทุกอย่างเลยหรือไง?
“ถ้าหากผมสนใจ ผมก็จะไปลองทีละอันทีละอัน” เขายื่นมือออกมา
กู้อานหยานจึงรีบหนีจากมือของเขา แล้วรีบถอยไปอยู่ห่างจาก เขาทันที
เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย? เมื่อสักครู่ตอนกลับมาเขายังดูเหมือน อารมณ์ไม่ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้ทำไมดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เลยล่ะ?
เธอจะต้องเตือนสติเขา “เมื่อกี้ฉันทำเรื่องโหดร้ายเรื่องหนึ่งลง ไป”
“อืม” เขาได้ยินอยู่แล้ว เพราะว่าเมื่อกี้เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“คุณไม่โกรธเหรอ?” ถึงแม้เขาจะไม่พูดออกมาว่าไม่เห็นด้วย แต่ ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องที่จะทำลายความสัมพันธ์ของตระกู ลมู่และตระกูลซู
“แล้วคุณรู้สึกว่าตัวเองทำผิดหรือเปล่าล่ะ?” มู่บ้านเป่ยไม่ยอม ตอบแต่กลับเป็นฝ่ายถามกลับ
“แน่นอนว่าไม่ได้ทำผิดสิ” แต่ไหนแต่ไรเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัว เองเป็นคนมีจิตใจที่ดี
คนจิตใจไม่ดีคนหนึ่ง เมื่อทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็น ธรรม สิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือ การตอบโต้
และการตอบโต้ มันผิดตรงไหนกัน?
“ถ้าคุณไม่ผิด แล้วทำไมผมจะต้องโกรธคุณด้วยล่ะ?”
มู่บ้านเป่ยเดินเข้ามาหาเธอ ในขณะที่เดิน เขาก็ดึงเปิดคอเสื้อ ของตัวเองไปด้วย: “พวกเรามาคุยเรื่องที่เราคุยค้างไว้เมื่อกี้ดีกว่า”
เรื่องไหนที่ไม่เคยได้ลองทำ ก็มาลองทำด้วยกันดีไหม?
ชีวิตคนเรามันสั้น รีบหาความสุขให้กับตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ