บทที่ 216 ใครเป็นคู่หมั้นของเขากันแน่
บทที่ 216 ใครเป็นคู่หมั้นของเขากันแน่
เมื่อสาวงามตกอยู่ในความอันตราย ก็มักจะต้องมีอัศวินขี่ม้าขาว มาช่วยสาวงามเสมอ
เพราะฉะนั้นตอนที่ซูเล่ยกำลังตีท่อนไม้ไปที่มือของตัวเองอยู่ นั้น ในใจก็ยังคงมีความเพ้อฝันเล็กน้อย
อาจจะมี เหมือนแบบคุณชายใหญ่มู่ที่มาช่วยกู้อานหยาน ลงมา จากฟ้าแล้วมาช่วยเธอก็ได้
จนกระทั่งท่อนไม้ท่อนนั้นได้ดีใส่ข้อมือของเธออย่างจัง และ มีความเจ็บแผ่ออกมาจากข้อมือของเธอ จนทำให้เธอรู้สึกเจ็บจน แทบจะเป็นลม
เสียงร้องที่เจ็บปวดดังออกมาจากในซอย จนทำให้คนที่เดินผ่าน ซอยไป อดไม่ได้ที่จะมองเข้ามาในซอย
แต่ไม่มีใครทำร้ายผู้หญิงคนนี้นี่ เป็นเธอที่ทำร้ายตัวเองเอง
เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครกล้าเขามายุ่งเรื่องของเธอ
และยิ่งไปกว่านั้น บรรยากาศในซอยก็ไม่ค่อยจะดี มันดูเย็นยะ เยือก ใครจะกล้าเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวล่ะ?
แต่ในสุดท้ายเห้อหลิงจือก็ได้โทรตามรถฉุกเฉินให้ ถือเป็นการ ช่วยคนร้ายด้วยความสงสารเล็กน้อย
กู้อานหยานมองไปที่แขนของมู่บ้านเป่ย วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขน ยาว จึงทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นแผลได้
ถูกท่อนไม้ที่ใหญ่และหนักที่เข้าไปขนาดนั้น ไม่รู้ว่าข้างในเสื้อ นั้นจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
“Anl……”
“กลับบ้านกับผมเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของมู่บ้านเป่ยนั้นยังคงมีความ เย็นชาอยู่
กู้อานหยานอึ้งไปเล็กน้อย นี้เขายังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ
“พอดีพรุ่งนี้ช่วงบ่ายฉันยังมีเรียนค่ะ ช่วงบ่าย…….จริงๆแล้วคำ พูดแก้ตัวนี้ค่อนข้างจะไกลตัว
สีหน้าของมู่บ้านเป่ยนิ่งลงทันที ต่อมาจึงได้หมุนตัวและเดินออก ไปทันที
ซูเสี่ยวหมี่ดันแขนของอานหยานไปสองสามที และพวกเธอ ยืนมองร่างของคุณชายใหญ่มู่ที่กำลังเดินออกไป ซึ่งให้ความ
รู้สึกเย็นยะเยือกเป็นอย่างมาก
และยังให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว……เล็กน้อย
“หยานหยาน…..
” เสี่ยวหมี่ดันแขนของเธออีกหนึ่งรอบ
เมื่อได้เห็นร่างของหนุ่มรูปหล่อที่เดินเดียวดาย เธอก็จะรับไม่ได้ และรู้สึกเห็นใจขึ้นมา
เห้อหลิงจ๋อก็รู้สึกเห็นใจมู่บ้านเป่ยเช่นกัน ไม่อยากเห็นผู้ชายที่ หน้าตาดีอย่างเขาน้อยใจ
“หยานหยาน เธอมีเรียนแค่ตอนช่วงบ่ายโน้น และเวลามันก็ไม่ ได้เร่งรีบด้วย แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ ถึงแม้เธอจะมีเรียนช่วงบ่าย เธอก็ไม่จําเป็นต้องรีบ เพราะว่าบ้านของเขามีคนขับรถตั้งเยอะ
จริงๆแล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่รีบหรือไม่รีบอะไรหรอก?
แต่เป็นเพราะว่าที่บ้านนั้นยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ต่างหาก และ นี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอไม่อยากกลับไป
แต่ทำไม่ตัวเองต้องหนีด้วยล่ะ?
ที่นั่นก็ถือว่าบ้านของเธอนี่ และเป็นกู้เวยจือเองที่ถือว่าเป็นคนที่ ไม่มีที่มาที่ไป เธอจำเป็นต้องหลบกู้เวยจ๋อเหรอ?
จริงๆมันไม่จําเป็น แต่เพียงแค่เห็นแล้วรู้สึกอารมณ์เสียก็เท่านั้น
เอง
ตอนที่มู่บ้านเป่ยเดินไปถึงรถนั้น หลีเย่ได้เปิดประตูรอไว้ตั้งนาน แล้ว
แต่นาทีที่คุณชายใหญ่กำลังขึ้นไปนั่งบนรถ หลีเย่ก็ได้หันไป มองข้างหลังของเขา แล้วตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที: “คุณผู้ หญิง”
สวรรค์ลิขิต สุดท้ายคุณผู้หญิงก็ยอมกลับด้วยตัวเอง
ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายใหญ่และคุณผู้หญิง ถึงแม้ จะดูเหมือนไม่ได้เอะอะโวยวายกัน แต่กลับทำร้ายร่างกายกันด้วย สงครามเย็น
ใช่ คนที่ถูกทำร้ายก็คือคนธรรมดาที่โชคร้ายอย่างพวกเขานี้ แหละ
ช่วงที่คุณผู้หญิงไม่อยู่นั้น คุณชายใหญ่เป็นมนุษย์บ้างานทุกวัน
และทุกคนในบริษัท ก็จะต้องบ้างานไปกับเขาด้วย
บางครั้ง นอกจากพนักงานทำความสะอาด ทุกคนจะต้องทำงาน ล่วงเวลาพร้อมกับเขาจนถึงเช้าของอีกวันหนึ่ง
และช่วงนี้หลีเย่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แล้วถ้าต้องอยู่ แบบนี้ต่อไปอีก เขาจะต้องรับไม่ไหวแน่นอน
กู้อานหยานยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วมองเข้าไปในรถแวบหนึ่ง
มู่บ้านเป่ยพิงอยู่กับเบาะที่นั่ง ขายาวๆของเขาไขว้กันไว้ ดูเหมือน เขากำลังหลับตาและพักผ่อนอยู่
แต่การหายใจแรงของเขาที่ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ มันแรง มากจนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างรถอย่างเธอก็สามารถรู้สึกได้
“คุณผู้หญิง ขึ้นรถเถอะครับ คุณชายใหญ่กำลังรออยู่”
หลีเย่เข้าใจมู่บ้านเป่ยดี ถึงแม้เขาจะดูเย็นชาไปหน่อยแต่…….. จริงๆแล้วความเย็นชานี้ มันก็คือการดึงดูดความสนใจ อย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ?
ปกติแล้วที่นั่งในรถที่คุณชายใหญ่ชอบนั่งจะเป็นที่นั่งฝั่งขวา ของที่นั่งแถวสุดท้าย
แต่ตอนนี้ คุณชายใหญ่นั่งอยู่ตรงที่นั่งฝั่งซ้ายของแถวสุดท้าย และที่นั่งฝั่งขวาที่เหลือไว้ ก็แน่นอนว่าเหลือไว้ให้กับคุณผู้หญิง นั้นเอง!
ในใจคิดถึงจนแทบบ้า แต่ก็ยังทําท่าทีแสดงออกว่าไม่สนใจ ถ้าน ไม่เรียกว่าดึงดูดความสนใจแล้วจะเรียกว่าอะไร?
หลิเย่กระแอมขึ้นมาหนึ่งที ด้วยความสารภาพผิดในใจ เอาใจยาก ขี้เหนียว ดื้อรั้น แล้วก็……เห้ย บางครั้งก็ดูน่าสงสาร
ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณชายใหญ่ แต่คนที่เด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว อย่างคุณชายใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าของคุณผู้หญิง บางครั้งก็ เหมือนกับเด็กที่ยังไม่โต
คนบนโลกใบนี้ ก็คงมีแค่คุณผู้หญิงนี่แหละ ที่สามารถทำให้ คุณชายใหญ่ ล็กน้อยใจได้ขนาดนี้
จนกู้อานหยานขึ้นไปนั่งตรงแถวหลัง และเมื่อหลีเย่ปิดประตูให้ กับเธอเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งกลับไปฝั่งที่นั่งคนขับ แล้วเคลื่อนรถออก จากข้างทาง และวิ่งรถไปบนถนนอย่างนิ่มนวล
และตลอดทาง ก็ไร้เสียงพูดคุยกัน
นิ้วชี้ของมู่จ้านเป่ยขยับขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาอยากจะสูบบุหรี่ แต่เพราะว่าเธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เขาจึงได้ยอมอดเอาไว้
และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว อยู่ๆเขาก็หันไปมองที่เธอ และสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ สายตาของกู้อานหยาก็หันมามองที่เขา เหมือนกัน
สีหน้าของมู่บ้านเป่ยดูเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาพยายามบังคับไม่ ให้สายตาของตัวเองสั่น และพูดขึ้นมาด้วยคำพูดตำหนิเล็กน้อย: “ดื่มเหล้ามาเหรอ?”
“ค่ะ”กู้อานหยานพยักหน้า “วันนี้ฉันดีใจที่ชนะการแข่งขันได้ ก็ เลยไปดื่มฉลองกับเพื่อนๆนิดหน่อยค่ะ ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ: “การได้เซ็นสัญญากับเจียง อกรุ๊ป มันน่าดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะไม่รู้ว่าจะตอบเขากลับไปยังไง
ถึงแม้จะยังไม่ได้เซ็นสัญญากับเจียงชื่อกรุ๊ป แต่อีกไม่กี่วันก็จะ ได้เซ็นแล้ว เธอก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาสิ
แต่ถ้าแสดงอาการดีใจออกมาต่อหน้าของคุณชายใหญ่มู่ล่ะก็ เขาจะต้องโกรธเธออีกนั่นแหละ?
มู่บ้านเป่ยรู้สึกโกรธจริงๆ แต่สุดท้ายก็ต้องระงับความโกรธไว้
เพราะเขาไม่อยากนำเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ มาทำลาย บรรยากาศตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน
“ดื่มไปเท่าไหร่?”เขาถามขึ้นมา
“ดีมไปนิดเดียวเองค่ะ”
จริงๆแล้วกู้อานหยานนั้นรู้สึกตื่นเต้นในใจ เพราะทุกครั้งที่อยู่ สองต่อสองกับเขาเธอมักจะรู้สึกตื่นเต้นตลอด
ถึงแม้ข้างหน้าจะมีหลีเย่ที่ขับรถอยู่ก็ตาม แต่ข้างหลังนั้นมีเพียงพวกเขาสองคน และตอนที่หลีเยี่ขับรถอยู่นั้นก็จะไม่ค่อย ชอบพูดคุยสักเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นก็รู้สึกเหมือนอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น
เธอไม่อยากจะทะเลาะกับเขาจริงๆ เพราะถ้าทะเลาะกัน เธอจะ รู้สึกไม่มีความสุข
“คุณ………มาเหรอ?”บนร่างของเขานั้นมีกลิ่นเหล้าติดอยู่ จริงๆแล้วเธอได้กลิ่นเหล้าจากร่างของเขาตั้งแต่อยู่ในซอยแล้ว แต่แค่ไม่มีโอกาสถามเขาแค่นั้นเอง
“ถูกคนปฏิเสธกลางงาน อารมณ์ไม่ค่อยดี ก็เลยดื่มแก้เครียด หน่อย”
..……….กู้อานหยานพูดไม่ออกทันที พูดออกมาว่าเธอเป็นต้นเหตุ ขนาดนี้ จะให้เธอพูดต่อยังไงล่ะ?
การคุยกับคุณชายใหญ่มู่นั้น ง่ายมากที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกต่อบท สนทนากับเขาไม่ได้ และไม่สามารถหาทางออกได้
เธอหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง แต่มู่บ้านเป่ยกลับมองอยู่ที่ ใบหน้าด้านข้างของเธอ “ไม่มีอะไรจะพูดกับผมหน่อยเหรอ?”
“ต่อไป ดื่มเหล้าให้น้อยลงหน่อยนะคะ”เธอพูดโดยไม่ได้หันหน้า กลับมา
…”กู้อานหยานยกมือขึ้นมานวดตรงกลางคิ้วสักพัก แล้วค่อย หันกลับมามองที่เขา
ในขณะที่เธอกำลังจะพูดขึ้นมานั้น อยู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มา และเป็นโทรศัพท์ของคุณชายใหญ่มู่นั้นเองที่มีคนโทรเข้ามา
เสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ก็เป็นเสียงเรียกเข้าที่อยู่ในเครื่องอยู่ แล้ว ซึ่งตัวเขาไม่เคยได้ทำการโหลดมาก่อน
ถึงแม้อายุของผู้ชายคนนี้จะแค่ยี่สิบเจ็ดปี แต่เวลาทำอะไรกลับ เขาจะเป็นคนที่เข้มงวดมากๆราวกับคนแก
คุณลุงโอปป้า
เมื่อมู่บ้านเป่ยนำโทรศัพท์ออกมา กู้อานหยานก็เลื่อนสายตาลง
ไปดูโทรศัพท์ของเขาทันที
แต่เมื่อเห็นสามคำที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ก็ทําให้อารมณ์ที่ดีขึ้นมาเล็กน้อยของเธอนั้น ลดลงทันที
กู้เวยจือ
ผู้หญิงคนนี้ตามจองล้างจองผลาญเธอไม่หยุดจริงๆ
ตอนนี้เธอก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องพักว่างเจียงเก๋อ และได้เจอกับ เขาทุกวันมันยังไม่พออีกหรือไง แค่ผู้ชายกลับบ้านช้าหน่อย ถึง ขั้นที่ต้องโทรตามขนาดนี้เลยเหรอ?
ตอนนี้ ตกลงใครเป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่คู่กันแน่?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ