ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 211 ฉันผลักเธอออกไป



บทที่ 211 ฉันผลักเธอออกไป

บทที่ 211 ฉันผลักเธอออกไป

หลังจากออกมาจากโรงยิม กู้อานหยานก็รู้สึกหน้าร้อนอยู่ตลอด ราวกับว่ามีไฟมาเผาอยู่ตรงใบหน้าของเธอ แต่คำถามของเห้อหลิงฉือนั้น ดูเยอะจนเกินปกติทั่วไป

“คำพูดของคุณชายใหญ่นั้นหมายความว่ายังไง? ทำไมเขาถึง พูดว่าตอนเย็นจะกลับไปคุยกับแกที่บ้านอีกครั้ง?”

“แกกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่? เกี่ยวกับเรื่องงาน หรือ ว่าเรื่องส่วนตัว? แกยังมีความสัมพันธ์แบบส่วนตัวกับเขาด้วยใช่ ไหม?”

“กู้อานหยาน แกเป็นคุณหนูรองของตระกูลจริงๆเหรอ ใช่ ตระกูลกู้นั้นจริงๆใช่ไหม?

“พระเจ้า กู้อานหยาน นี่แกเป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่มู่จริงๆเห รอ? จะเป็นไปได้ยังไงกัน? ”

“พระเจ้า หยานหยานแกรีบบอกฉันมา นี่แกกำลังใส่หน้ากากอยู่ใช่ไหม และใบหน้านี้ของแกก็คือใบหน้าปลอม รีบบอกฉัน มานะ เพราะฉันว่าคุณชายใหญ่ไม่น่าจะใช้คนที่ตาไม่ถึงขนาด นั้นนะ! ”

เป็นการแต่งงานเพื่อธุรกิจใช่ไหม? แต่ว่าคนตระกูลกู้อย่างพวก แก จะเอาคุณสมบัติอะไรไปแต่งงานกับคนตระกูลมู่อย่างพวกเขา ว่ะ?”

“หยามหยาน แกพูดอะไรหน่อยสิ ตกลงแล้วแกหมายความว่า ยังไงกันแน่?”

กู้อานหยานจึงหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองเธอทันที: “คุณ ชายใหญ่ ได้พูดอะไรงั้นเหรอ? ฉันกับคุณชายใหญ่มู่จะมีความ สัมพันธ์ส่วนตัวกันได้ยังไง?”

“แต่เขาพูดว่า กลับบ้านไปตอนเย็นจะปิดประตู แล้วค่อยคุยกับแก อีกครั้งนี่!”

ถึงแม้ตอนนั้นเห้อหลิงจือจะยืนอยู่ข้างหลังของกู้อานหยาน แต่ เธอก็ได้ยินอย่างชัดเจน!

ส่วนซูเสี่ยวหมี่นั้นกำลังก้มหน้าแล้วกัดปากของตัวเอง โดยไม่ กล้าพูดอะไรออกมา
แต่กู้อานหยานกลับหัวเราะออกมา: “ฮ่าฮ่า นี่หูแกไม่ได้มีปัญหา ใช่ไหม? คุณชายใหญ่มู่เขาพูดว่า จะหาโอกาสพูดคุยเป็นการส่วน ตัวกับฉันอีกครั้งต่างหากล่ะ!”

“จะเป็นไปได้ยังไง?” เห้อหลิงจ๋อขมวดคิ้วแล้วมองที่เธอ: “หยาน หยานแกอย่าปิดบังฉันอีกเลย แกก็คือคุณหนูรองของตระกูลกู้ ไม่มีผิดแน่นอน ฉันเจอข้อมูลของแกแล้ว

“ในเมื่อรู้แล้ว แกจะถามทำไมอีกล่ะ?”

กู้อานหยานรู้สึกอยากจะกลอกตามองบนมาก เพราะตอนนี้เธอ รู้สึกรำคาญ รำคาญมากจริงๆ!

“แต่ว่า หยานหยา……..

“พอได้แล้ว นี่แกจะทำให้หยานหยานเป็นบ้าแล้วนะ!” ซูเสียว หมี่ดึงมือของเห้อหลิงจือไว้ “ไป ค่อยกลับไปคุยกันที่สำนักงานดี กว่า”

“ก็ได้” ถึงแม้เห้อหลิงจือจะมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถาม แต่ที่นี่คือข้างนอก และเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะแก่การพูดคุยกัน

เธอยังมีเรื่องของฉินโจวอีก และมีเรื่องอีกมากมายที่จะพูด
“ใช่ กลับไปที่สำนักงานก่อนดีกว่า”

พวกเธอเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยเจียงโจวด้วยความดีใจ และเดินไปทางตึกที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานของพวกเธอ

ถึงแม้จะมีปัญหาอีกมากมาย แต่ทุกคนก็มีความสุข!

แต่ไม่ว่าจะยังไง วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ

“ฉันจะกินหม้อไฟ!”

มีเพียงหม้อไฟเท่านั้น ที่จะสามารถระบายความตื่นเต้นของพวก เธอได้!

“ใช่ แล้วก็ต้องมีเบียร์อีกหนึ่งโหลด้วยนะ วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!” หม้อไฟ เบียร์ สวรรค์ชัดๆ

เมื่อพูดว่าจะไปก็ต้องไปให้ได้ พวกเธอจึงกลับไปที่บริษัทแล้วนำ ของไปเก็บไว้ พักผ่อนอีกสักพัก รอจนมู่เทียนโย่วกลับมา ทุกคน จึงรีบออกไปทันที แล้วไปกินที่ร้านอาหารเสฉวนที่ดังที่สุดนอก มหาวิทยาลัย!
เพื่อการเฉลิมฉลองของพวกเขา คืนนี้ก้อานหยานจึงได้ใจกว้าง เปิดที่นั่งชั้นพิเศษ

แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ ที่นั่งชั้นพิเศษที่พวกเธอได้เปิดนั้น เป็นที่นั่งชั้น พิเศษที่ราคาถูกที่สุด

“ฉินโจว มันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะรู้สึก ตกใจ แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่านายกลับมาแล้ว

เมื่อเห้อหลิงจือเปิดเบียร์ให้กับทุกคนแล้ว เธอก็เริ่มเปิดประเด็น ทันที

“หานมินจนพูดว่า…… พูดว่าคืนนั้นนายกับซูเลยไม่ใช่แค่ไปกิน ข้าวด้วยกัน แต่พวกนายยัง……..ไปที่โรงแรมอีกด้วย…….

คำถามตอนหลังนี้มันฟังดูลำบากใจเล็กน้อย แต่เธออยากจะรู้ จริงๆ

หรือว่าเขากับซูเล่ยจะ…..แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริง มันไม่มี เหตุผลที่เขาจะต้องกลับมาในวันนี้

“เธอได้ชวนฉันไปกินข้าวจริง แล้วก็พาไปที่โรงแรมจริง” ปกติแล้วฉินโจวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูด แต่คืนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มเบียร์เข้าไปหรือเปล่า ถึงได้ยอมเปิดปากพูดออกมา

“เมื่อก่อนฉัน…….เคยเป็นคนในสตูดิโอของพวกเขา และมี นามปากกาว่า หานเทียน

“พระเจ้า!”มือของหยางอีสั่นขึ้นมาทันที จนเกือบจะทำให้ขวด เบียร์ตกลงไปบนพื้น

“นายคือหานเทียนอย่างนั้นเหรอ?” เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ เมื่อลองคิดดูดีๆ ก็มีความรู้สึกว่าแบบนี้นี่แหละถึงจะถูก!

หานเทียนเป็นคนที่ลึกลับมาก

เขาใช้การ์ตูนเพียงเล่มเดียว ในการทำให้สตูดิโอของซูเลียนั้น มีชื่อเสียงขึ้นมา

แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้วาดการ์ตูนต่ออีกเลย ราวกับว่าถูก ระเหยหายไปท่ามกลางผู้คน

แต่ในกลุ่มคนที่ชอบการ์ตูน ไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อของหาน เทียนมาก่อน

ในปีนั้น ถึงแม้ (( ช่วงเยาวชน ) จะเป็นหนังสือที่ตั้งชื่อไว้ได้เชยมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจคือหนังสือเล่มนี้กลับดังเป็นพลุแตก

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่หนึ่งปีครึ่งแล้ว ในยุคที่วงการ การ์ตูนซบเซา ( ช่วงเยาวชน ) นอกจากจะสามารถปรับตัวได้ แล้ว ยังสามารถสร้างรายได้มากถึงหลายล้านหยวนอีกด้วย

นี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อของวงการการ์ตูนเลยก็ว่าได้

เป็นการ์ตูนเพียงเล่มเดียวที่ดีที่สุด แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และจะไม่มีใครทำได้ด้วย

เป็นแอปการ์ตูนแอปแรกที่นำออกมาทำเป็นแบบเก็บค่าใช้จ่าย ด้วย

และเพราะการ์ตูนของเมื่อก่อนนั้น จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ แค่ในช่วงแรกๆที่เริ่มเก็บค่าใช้จ่าย เขาก็มีรายได้มากถึงหลาย ล้านแล้ว นั้นถือเป็นเรื่องที่คนธรรมดาๆทำไม่ได้

“แล้วทำไมตอนหลังถึงไม่วาดต่อแล้วล่ะ?” ซูเสี่ยวหมี่เองก็อยาก จะรู้เหมือนกัน
เพราะว่าเมื่อก่อนเธอและหยางอีนั้นเคยชอบทานเทียนอยู่พัก

ใหญ่

“หลังจากครึ่งปีที่วาด ( ช่วงเยาวชน ) เสร็จ จริงๆแล้วฉันก็วาด มาตลอด โดยไม่เคยหยุด

ฉินโจวมองดูหม้อไฟที่อยู่ข้างหน้า ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วย ความเศร้า

กู้อานหยานรู้สึกเข้าใจขึ้นมาทันที

“หลังจาก ( ช่วงเยาวชน ) แล้ว หานเทียนก็ไม่ได้วาดการ์ตูน เล่มใหม่ออกมาอีกเลย แต่หลังจากสองเดือน สตูดิโอของซูเล่ยที่ ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน กลับดังเป็นพลุแตกขึ้นมาทันที

“แล้วถ้าฉันจําไม่ผิด ในปีเดียวกันนั้น พวกเขาได้ออกการ์ตูนเล่ม ใหม่มาอีกเล่มหนึ่ง และเป็นเล่มที่ดีมากๆเหมือนกัน แต่ฉันจําชื่อ ไม่ได้ แต่มันดังมากจริงๆ

เธอมองไปที่ฉินโจว อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังกอดเขาอยู่ และ มันก็เป็นการกอดปลอบใจที่บริสุทธิ์

“จริงๆแล้ว เลยไม่ได้เป็นคนวาดการ์ตูนเล่มนั้น และคนที่อยู่เบื้องหลังของการวาดการ์ตูนเล่มนั้น ก็คือนายที่เป็นแฟนของ เธอใช่ไหม? ”

ฉินโจวไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง เธอจึงถือว่าเป็นการยอมรับ เรื่องนี้ไปโดยปริยาย

“งั้น หลังจากนั้นนายก็อยู่ที่ซูซินเก๋อของซูเล่ยมาตลอด และเป็น ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังของเธออย่างเงียบๆมาตลอดอย่างนั้นนะ เหรอ?”

ซูเสี่ยวหมี่รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที นี่เขาเป็นคนที่หลงผู้หญิงเกิน ไปหรือเปล่า?

อายุช่วงสิบเจ็ดสิบแปด กำลังเป็นช่วงอายุที่เลือดร้อนที่สุด และ เป็นช่วงอายุที่จิตใจห้าวหาญมากที่สุด

แต่เขากลับไม่ต้องการชื่อเสียงไม่ต้องการผลประโยชน์ และ ยอมทำทุกอย่างที่ตัวเองจะสามารถทำได้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง

เขาจะต้องรักซูเล่ยมากแน่เลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำถึงขนาดนี้

หรอก?

ฉินโจวก็ยังคงไม่ยอมพูดอะไรเหมือนเดิม แต่กลับหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วกรอกใส่ปากของตัวเองไปสองสามที

ทุกคนไม่ได้พูดขัดจังหวะเขา เพราะเมื่อไหร่ที่เขาอยากพูด เขา จะพูดออกมาเอง

จนในที่สุด ฉินโจวก็วางขวดเบียร์ลง : “วันนั้น ฉันเห็นเธอกับ ประธานของบริษัทการ์ตูนแห่งหนึ่งนอนอยู่ด้วยกัน

ซูเสี่ยวหมี่และเห้อหลิงจือมีสีหน้าที่ตกใจขึ้นมาทันที แต่ดู เหมือนกู้อานหยานพอจะเดาเรื่องราวได้แล้ว บนใบหน้าของเธอ จึงไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา

“หลังจากฉันออกจากซูซินเก๋อ ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว ที่ฉัน ไม่ได้วาดการ์ตูนอีก ”

มือของเขาจับขวดเบียร์ไว้แน่น

การพูดถึงเรื่องอดีตในตอนนี้ ถึงแม้จะดูเหมือนปกติไม่ได้มีอะไร มาก แต่ใครๆก็สามารถดูออกจากข้อนิ้วมือของเขาได้ ว่าในใจ ของเขานั้นยังคงมีความโกรธอยู่

“คืนก่อน ซูเล่ยได้ชวนฉันไปกินข้าวด้วย แถมยังได้เปิดห้องด้วย กันอีก แล้วเธอก็ยังถอดเสื้อผ้าเพื่อที่จะยั่วฉันด้วย
พวกเธอยังคงไม่มีใครยอมพูดจา แล้วผู้หญิงที่ชอบซุบซิบนินทา แบบพวกเธอก็เขยิบเข้าไปใกล้เขาทันที เพราะอยากรู้ว่าเรื่องมัน จะดำเนินต่อไปยังไง

ฉินโจวดื่มเบียร์ไปอีกสองรอบ จึงค่อยพูดขึ้นมา: “ฉันผลักเธอ ออกไป

เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้หญิงทั้งสามคนอย่างชัดเจน ฉินโจวจึงหัวเราะขึ้นมา: “ทำไม? ถึงแม้ฉันจะทำอะไรลงไป คนที่ เสียหายก็ไม่ใช่ฉันอยู่ดีไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ