ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 370 ครั้งต่อไป จะทำร้ายใครอีก



บทที่ 370 ครั้งต่อไป จะทำร้ายใครอีก

บทที่ 370 ครั้งต่อไป จะทำร้ายใครอีก

พ่อบ้านถูกคำพูดของกู้อานหยานทำให้ตกใจไปหมดแล้ว

เด็กคนนี้ กล้าพูดต่อหน้าคุณท่านดู่ ว่าที่คุณท่านหญิงตายนั้น เป็นฝีมือคน และคนร้าย ก็คือคนในตระกูลมู่เอง

หากไม่ใช่เพราะเธอกล้าหาญ กล้าจนไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด

ก็ต้องเป็นเพราะ สมองของเธอมีปัญหาแน่!

พ่อบ้านคิดว่าอย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากว่า

“คุณกู้.………

“คุณปู่ ถ้าเธอมีหลักฐานจริง อย่างนั้น ทะเลสาบนี้ก็ต้องขุด ขึ้นมาใหม่ ตรวจหาอย่างละเอียด”

มู่เพ้ยถางเดินมาตรงหน้าคุณท่านมู่

.ใบหน้าที่มีรอยยิ้มทะเล้นนั้นไม่มีเหลืออยู่แล้ว สีหน้าท่าทาง ดูจริงจังขึ้นมา

“ตอนแรกที่เกิดเรื่อง ความจริงแล้วในใจทุกคนต่างก็เกิด ความสงสัย ตอนนั้น มีกู้อานหยานอยู่ด้วย”
“แม้ว่า เรื่องนี้หากเป็นอุบัติเหตุ ก็ล้วนเป็นผลดีต่อตระกูลมู่ และบ้านตระกูลมู่ แต่หาก เป็นฝีมือของคนจริงๆล่ะ”

สายตาคมกริบของคุณท่านมู่มองมา สีหน้าเคร่งขรึม

มู่เพ้ยถางก็กลัวเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ แต่ ก็ยังสบตา เขา

“ถ้าคนร้ายซ่อนตัวอยู่ในบ้านตระกูลมู่เราจริงๆ อย่างนั้น ใคร จะไปรู้ว่าคนที่จะโชคร้ายคนต่อไป จะเป็นใคร”

“คุณชายห้า เรื่องนี้ พูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ”

พ่อบ้านถลึงตาใส่เขา ขยิบตาส่งสัญญาณ

ไอ้หนุ่มนี้ ทำไมถึงได้บ้าตามกู้อานหยานไปด้วยได้ ดูไม่ออกเลยหรือว่า คุณท่านมู่ใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว

เขาพูดอย่างระมัดระวัง “คุณท่านหญิงเป็นคนจิตใจดี ทุก คนในตระกูลมู่ ทั้งหมดทุกคน ไม่มีใครไม่ชอบท่าน”

“คุณท่านหญิงไม่มีเรื่องแก่งแย่งผลประโยชน์ แทบไม่เคย มีเรื่องบาดหมางกับใคร คนเช่นนี้ จะมีคนคิดปองร้ายได้ อย่างไร”
สิ่งที่พ่อบ้านพูด ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ด้วยนิสัยของคุณท่านหญิง ไม่มีทางบาดหมางกับใครได้

คนร้ายต้องมีแรงจูงใจ หากแม้แต่แรงจูงใจยังไม่มี ก็ไม่น่าจะ วางแผนฆ่าได้

“อย่างนั้น อาจจะเพราะว่าคุณท่านหญิงไปรู้ความลับอะไร เข้า และอีกฝ่าย จึงต้องการฆ่าปิดปากล่ะ”

แม้เสียงของกู้อานหยานจะไม่ได้ดังมาก แต่ละคำกลับหนัก

แน่น

ลมพัดมาที่ร่างของเธอ ร่างของเธอดู บอบบางอ่อนแอ

เมื่อก่อนก็ผอม ตอนนี้ ก็ยิ่งผอมราวกับลมพัดก็แทบจะปลิว ตามลมไป

แต่สายตาของเธอ กลับมั่นคงหนักแน่นยากจะมีใครเทียบได้!

คำพูดของเธอ อาจเป็นเพราะความหนักแน่น จึงเหมือนกับ เป็นการเกลี้ยกล่อม

“คุณท่านมู่ หากจะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ เพื่อตระกูลมู่ อย่างนั้น ก็จะกลายเป็นว่าคุณช่วยคนร้ายให้ลอยนวล!”
“ตามที่ฉันรู้มา ตอนแรกคุณท่านหญิงมีบุญคุณต่อตระกูลมู่ หลายปีที่ผ่านมาคุณจึงเคารพให้เกียรติเธอเป็นอย่างดีมา ตลอด ก็เพราะในใจรู้สึกผิดต่อเธอ!”

“หุบปาก!”

“คุณท่านมู่ ขอให้คุณเห็นแก่บุญคุณของคุณท่านหญิงที่มีต่อ ตระกูลมู่ และเพื่อทวงความยุติธรรมให้เธอ!”

“นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ!” ทันใดนั้นคุณท่านมู่ก็กลับตัว เดินไป ทางบ้านใหญ่ทันที

“คุณท่าน…..”

“คุณกู้ เรื่องบางเรื่อง ไม่ได้ง่ายดายแบบที่คุณคิด!”

พ่อบ้านขวางอยู่ตรงหน้าเธอ น้ำเสียงเครียด “การตายของ คุณท่านหญิง สําหรับคุณท่านมู่แล้วเป็นการโจมตีที่หนักหนา สาหัส คุณท่านหญิงและคุณท่านมู่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ไม่ใช่ เพียงแค่คำว่า ‘บุญคุณ’ คำเดียว ที่สามารถบรรยายความ สัมพันธ์ของพวกเขาได้อย่างชัดเจน”

พ่อบ้านถอนหายใจเบาๆ “คุณกู้ ตอนแรกคุณเป็นบุคคลต้อง สงสัยคนสำคัญที่สุด ตอนนี้หากคุณยังจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ตัวคุณเองก็คงต้องมีจุดจบที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ขอให้คุณช่วย ทบทวนดูให้ดี”
หลังจากพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาแล้ว พ่อบ้านก็มองเธอ แล้วก็หัน ไปทางคุณท่าน รีบตามไป

กู้อานหยานตามมาด้านหลังสองก้าว พูดเสียงดังว่า “คุณท่า นมู่ เรื่องนี้ ต่อให้คุณไม่สนใจ ฉันก็จะไม่ยอมรามือ!”

แต่ว่าทั้งสองก็เดินไปไกลแล้ว แทบจะไม่ได้สนใจเธอเลย

กู้อานหยานยืนอยู่ท่ามกลางสายลม มองด้านหลังของพวก เขา สีหน้าไร้ความรู้สึก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแต่ไหน ด้านหลัง มีเสียงกระแอมกระไอดัง มา “แฮ่ม นั่น… ”

กู้อานหยานตกใจ คิดไม่ถึงว่า คุณชายห้าจะยังอยู่ที่นี่

เธอหันกลับไปมองเขา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใด นั้นเอง ก็กลับไม่ได้พูดอะไร

“คุณรู้มั้ย หากเรื่องนี้เป็นจริงอย่างที่คุณพูด อย่างนั้นตระกู ลมู่ของพวกเรา คงต้องผ่านช่วงมรสุมที่เลวร้ายอันแสนน่ากลัว แน่นอน

กู้อานหยานไม่พูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้คิดใคร่ครวญมาก่อน
แต่ว่า คุณยายตายอย่างมีเงื่อนงำ หรือแค่เพียงเพื่อความสงบ สุขของตระกูลมู่แล้ว จะต้องปกปิดความจริงเอาไว้ตลอดไป

“ปล่อยให้คนร้ายอยู่ที่บ้านนี้ หรือว่า พวกคุณไม่กลัวว่าจะ ต้องมีผู้โชคร้ายคนต่อไปอีก”

มู่เพ้ยถางยักไหล่ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ความจริงแล้ว นี่ก็เป็นแค่ การคาดเดาของคุณเท่านั้น

“แล้วถ้า มันเป็นความจริงล่ะคะ” กู้อานหยานจ้องตาเขา

มู่เพ้ยถางก้มหน้า สบตากับเธอ

ผู้หญิงคนนี้ ยึดมั่นถือมั่นกว่าที่เขาคิดเอาไว้

มู่เพ้ยถางไม่พูดอะไร มองไปที่ว่างเจียงเก๋อ

พักใหญ่จึงพูดว่า “วันนี้พี่ใหญ่ออกไปข้างนอกแล้วเหรอ เดี่ยว ผมส่งคุณกลับไป”

กู้อานหยานยังคงจ้องไปที่ทะสาบที่ถูกถมจนเต็ม หัวใจยิ่งบีบ เกร็งขึ้นเรื่อย

“เรื่องนี้ ผมไม่โต้แย้งและก็ไม่สนับสนุน แต่ว่า ทางที่ดีคุณ ควรจะปรึกษาพี่ใหญ่ก่อน
ปรึกษาคุณชายใหญ่อย่างนั้นเหรอ…คุณชายใหญ่มู่จะ ยอมรับฟังเธอหรือ

“คุณเป็นคุณชายห้าแห่งตระกูลมู่ ตอนนั้นที่เกิดเรื่อง คุณเอง ก็น่าจะรู้ดี”

เธอมองมู่เพ้ยถาง ไม่แน่ใจว่าเขาจะให้คำตอบที่ถูกต้องกับ ตนเองได้หรือไม่

“หลังจากเกิดเรื่องตอนนั้น ผมถูกคุณท่านมู่ขังเอาไว้ ภายนอกเกิดเรื่องอะไร ผมก็ไม่รู้เรื่อง”

รอจนเธอฟื้นขึ้นมา ก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาล

เรื่องของตระกูลมู่ เธอยิ่งไม่รู้เรื่อง

“สาเหตุที่ตอนนั้นคุณท่านหญิงนั่งรถเข็น ตอนนี้อาจจะถูกฝัง ไว้ที่ก้นทะเลสาบนั้นหรือเปล่าคะ”

มู่เพ้ยถางไม่ได้ตอบคำถามนี้ ได้แต่จ้องมองทะเลสาบที่ถูก ถมจนเต็มพร้อมกับเธอ

รถเข็นยังอยู่ก้นทะเลสาบหรือมั้ยนั้น นอกจากคุณท่านมู่แล้ว ก็ไม่มีใครรู้

อาจจะถูกคุณท่านมู่ให้นำออกไปแล้ว หรืออาจจะ เป็นแบบที่เธอคิด ยังถูกฝังอยู่ก้นทะเลสาบ

ลานกว้างตรงหน้านี้ พื้นผิวเห็นชัดว่าเพิ่งกลบใหม่ๆ

แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆแค่เดือนกว่า ต้มไม้ใบหญ้าก็แทง ราก ต้นไม้ค่อยๆให้ความรู้สึกที่เขียวชอุ่ม

ชีวิตใหม่ กำลังเติบโต

ที่ก้นทะเลสาบนั้นหากมีความลับอะไรซ่อนอยู่จริง ราวกับว่า มันได้กลายเป็นความลับไปแล้วตลอดกาล

ทะเลสาบผืนนี้ จะต้องถูกขุดขึ้นอีกเหรอ เกรงว่าคงจะเป็นไป

ไม่ได้

มู่เพ้ยถางมองกู้อานหยาน ฝ่ายหลังนั่งบนผืนหญ้า มองดู ต้นไม้ใบหญ้าตรงหน้า แววตาสงบนิ่ง

มู่เพ้ยถางเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

คิดไปคิดมา เขาก็พูดว่า “ความจริงแล้ว ที่พ่อบ้านพูดก็ถูกนะ ด้วยนิสัยของคุณย่า ไม่น่าจะไปบาดหมางผิดใจกับใคร”

“ดังนั้น คุณเลยมั่นใจว่าเธอถูกฆาตกรรม จะมีหลักฐานอะไร อีก มันก็แค่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเท่านั้น ”
กู้อานหยานไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ ได้แต่มองไปข้างหน้า มู่เพ้ยถางคิดว่าตนเองไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนผู้หญิงคนนี้ได้

แล้ว อายุยังน้อย ดูแล้วอย่างมากน่าจะสิบแปดสิบเก้าเท่านั้น แต่ว่าท่าทางหนักแน่นเงียบขรึมแบบนี้ กลับดูโตเกินอายุ “ผมยังธุระที่ต้องจัดการ คงต้องขอตัวก่อนแล้ว” เขายืนอยู่ที่ด้านหลังเธอ ก้มหน้ามองดูเธอ

“หากคุณคิดได้แล้ว ก็รีบกลับไปทางพี่ใหญ่โน่นได้แล้ว อย่า มัวมาคิดฟุ้งซ่านอีก”

เธอก็ยังไม่พูดอะไร สุดท้ายมู่เพ้ยถางมองเธออีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวจากไป กู้อานหยานไม่รู้ว่าตนเอง นั่งอยู่บนทุ่งหญ้านี้นานเท่าไหร่ นับตั้งแต่แสงแดดจ้า จนถึงดวงตะวันลับขอบฟ้า ความมืด

กําลังจะมาเยือน

จนกระทั่ง เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ดังขึ้นด้วยความแปลกใจ”หยานหยาน คุณมาทำอะไรที่นี่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ